ป.ป.ช.เผยคณะทำงานร่วมอัยการสูงสุดคดีอดีตผู้ว่าฯ ททท.รับเงิน 60 ล้านชาวมะกัน เพื่อให้ได้สิทธิ์จัดเทศกาลภาพยนต์นานาชาติกรุงเทพ ชง อสส.ฟ้องแล้วหลังแก้ข้อไม่สมบูรณ์ครบถ้วน ยันกำลังทวงทรัพย์คืน เร่งสอบร่ำรวยผิดปกติจริงหรือไม่ มั่นใจได้ตัวขึ้นศาลแน่
วันนี้ (12 พ.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี เมื่อเวลา 15.00 น. นายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการ ป.ป.ช.ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานร่วมฝ่าย ป.ป.ช. กรณีนางจุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รับเงินตอบแทนสองสามีภรรยาชาวสหรัฐอเมริกาเพื่อให้ได้สิทธิในการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท แถลงถึงความคืบหน้าการทำงานของคณะทำงานร่วม ป.ป.ช.และอัยการสูงสุด (อสส.) ในคดีดังกล่าวว่า หลังจาก ป.ป.ช.ชี้มูลคดีดังกล่าว และอสส. ได้แจ้งข้อไม่สมบูรณ์ของสำนวน และได้ตั้งคณะทำงานร่วมทั้งสองฝ่าย โดยที่ผ่านมาคณะทำงานร่วมได้ทำงานอย่างเต็มที่ ใช้เวลารวบรวมพยานหลักฐาน 2 ปี 11 เดือน โดยสาเหตุที่ใช้เวลานานเพราะเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องมีจำนวนมากกว่า 2,200 แผ่น และเป็นเอกสารภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินที่นางจุฑามาศไปฝากในต่างประเทศ โดยเอกสารส่วนใหญ่ได้จากกระทรวงยุติธรรม และสำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐอเมริกา (เอฟบีไอ) อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้เอกสารมาครบถ้วนแล้ว ถือว่าแก้ข้อไม่สมบูรณ์ที่ อสส.แจ้งมาได้ครบถ้วนจนเป็นที่พอใจของคณะทำงานร่วม ซึ่งจะเสนอให้ อสส.ส่งฟ้องต่อไป
นายวิชัยกล่าวว่า ส่วนทรัพย์สินที่ใช้ในกระทำผิดอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกามูลค่า 1.8 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นเงินไทยประมาณ 60 ล้านบาทนั้น กำลังดำเนินการเพื่อกลับคืนสู่ประเทศไทยในฐานะรัฐผู้เสียหายตามพันธะกรณีสนธิสัญญาระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันทางอาญา ตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. 2003 นอกจากนั้น ทาง ป.ป.ช.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีนางจุฑามาศ ร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการไต่สวนข้อเท็จจริง เพื่อร้องขอให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการไต่สวนได้มีการวางแผนและกำหนดกรอบการไต่สวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะขณะนี้ทางเอฟบีไอต้องการที่จะส่งเงินจำนวนดังกล่าวให้กับประเทศไทย แต่เนื่องจากเป็นกรณีแรกที่เกิดขึ้น เราจึงต้องศึกษากฎหมายในประเทศก่อนว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ แต่หากคณะอนุกรรมไต่สวนชี้มูลว่านางจุฑามาศร่ำรวยผิดปรกติจริงจะสามารถริบเงินจำนวนนั้นให้ตกเป็นของแผ่นดินได้เลย
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมในส่วนของคณะทำงานร่วมมั่นใจหรือไม่ว่า อสส.จะฟ้องคดีนี้ นายวิชัยกล่าวว่า หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะขณะนี้คณะทำงานทำเสร็จทุกอย่างแล้ว ทั้งข้อไม่สมบูรณ์ และการสอบพยานหลักฐานทุกประเด็นจนเป็นที่พอใจของคณะทำงานร่วม ซึ่งขึ้นอยู่กับ อสส.ที่จะพิจารณาส่งฟ้องหรือไม่ หาก อสส.มีความเห็นไม่ส่งฟ้อง ทาง ป.ป.ช.จะพิจารณาว่าจะฟ้องเอง หรือจ้างทนายฟ้องแทน เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าจะได้ตัวนางจุฑามาศมาดำเนินคดี นายวิชัยกล่าวว่า มั่นใจ เพราะทางการดูแลอยู่ไม่ได้ไปไหน หาก อสส.ส่งฟ้องต้องเรียกนางจุฑามาศมารายงานตัว หากไม่มาศาลสามารถออกหมายจับได้