นายกฯ แจงเยือนเขมรแบบบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น ต้อนรับสมเกียรติ คุยแต่เรื่องหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ รถไฟไปปอยเปต เขตเศรษบกิจพิเศษ ปรับปรุงถนน จัดศูนย์แรงงาน เปิดด่านถาวรพร้อมยกระดับอีก 4 จุด ปัดหยิบเรื่องเขตแดน อ้างไม่ให้เป็นปัญหา เลี่ยงข้อเสนอขึ้นเขาพระวิหารจากฝั่งไทย บอกรอเข้าเออีซีค่อยว่ากัน โอ่รัฐรับภาระเพราะเอกชนไม่ขยับ อ้อนอีกขอกำลังใจ
วันนี้ (31 ต.ค.) ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง (บน. 6) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังกลับจากการเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการว่า การเยือนในครั้งนี้เป็นการเยือนตามคำเชิญของสมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยได้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติ บรรยากาศหารือเป็นมิตรไมตรีต่อกัน ซึ่งไทยและกัมพูชา มีความใกล้ชิดต่อกันทางเขตแดน ที่มีความขัดแย้งอยู่บ้างแต่วันนี้ได้มีการพูดคุยกันว่าเราเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ต้องร่วมมือกันเพื่ออนาคตของทั้งสองประเทศและอาเซียน
สำหรับประเด็นการหารือไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องความมั่นคงหรือเขตแดน เนื่องจากเราจะไม่ให้เส้นเขตแดนเป็นปัญหา เราจะเดินหน้าอาเซียนอย่างไรทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นถนน โครงสร้างพื้นฐาน มีการเซ็นเอ็มโอยูเครือข่ายทางรถไฟ อรัญประเทศ-ปอยเปต เพื่อเป็นเส้นทางขนส่งสินค้า โดยตนเสนอให้มีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ ลักษณะคลัสเตอร์ (Cluster) เพื่อค้าขาย มีโรงงานผลิตขนาดเล็ก มีศูนย์รับซื้อสินค้าทางการเกษตรเพื่อให้เกิดเป็นเมืองชายแดน มีการปรับปรุงถนน เส้นทางระหว่างกัน มีการจัดศูนย์แรงงาน โดยนายกรัฐมนตรีกัมพูชาเห็นชอบทุกประการ ซึ่งเป็นการป้องกันการลักลอบข้ามแดนผิดกฎหมาย เพื่อให้ประชาชนไทย-กัมพูชา ข้ามกันไป-มาได้อย่างมีความสุข
ด้านแรงงาน ปัจจุบันมีแรงงานแบบไปเช้าเย็นกลับ แรงงานตามฤดูกาล แรงงานรายปี ซึ่งทางกัมพูชาจะช่วยส่งทีมพิสูจน์สัญชาติ เพิ่มให้เป็น 15 ชุดจากเดิม 6 ชุด นอกจากนี้มีการหารือเกี่ยวกับการจัดประชุมระหว่างผู้นำอย่างไม่เป็นทางการ (Annual Retreat) เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนความสัมพันธ์ โดยให้มีอย่างน้อยปีละครั้ง เริ่มตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ด้านเศรษฐกิจ นอกจากการพัฒนาเขตเศรษฐกิจข้ามแดน การที่เราจะเชื่อมโยงกับใคร เราต้องดูว่าเขาต้องการอะไร นายกรัฐมนตรีกัมพูชาอยากให้ผู้ประกอบการไทยเข้ามาผลิตน้ำผลไม้ เพราะเขามีผลผลิตอยู่แล้ว รัฐบาลก็ต้องคอยส่งเสริมให้ตรงกับความต้องการของประเทศเพื่อนบ้าน การลงทุนต้องเน้นให้โอกาสการลงทุนที่ตรงกับเราความต้องการ
ขณะที่การขนส่ง ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้เปิดจุดผ่านแดนถาวร บ้านหนองเอียน-สตึงบท เพื่อบรรเทาความแออัดที่ปอยเปตและไทย มีการขอเพิ่มโควตารถบรรทุกจาก 40 คันเป็น 500 คัน ซึ่งทางการกัมพูชาก็ตอบตกลง เรื่องจุดผ่านแดน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องจะมีการยกระดับ 4 จุดได้แก่ 1. ช่องอาเซะ จ.พระวิหาร-ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี 2. พนมได จ.พระตะบอง-บ้านเขาดิน จ.สระแก้ว 3. บ้านทมอดา จ.โพธิสัต-บ้านท่าเส้น จ.ตราด และ 4. ช่องจุ๊บโกกี จ.อุดรมีชัย-ช่องสายตะกู จ.บุรีรัมย์
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการพูดคุยการพัฒนาการท่องเที่ยวร่วมกันโดยให้นักท่องเที่ยวจากไทยสามารถขึ้นเขาพระวิหารจากฝั่งไทยได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องนี้ตนยังไม่ได้ขอ ซึ่งเราคุยกันแล้วทั้งสองฝ่าย ว่าอะไรที่เป็นปัญหาจะไม่คุย ถ้าไม่ไปเที่ยวคงไม่เป็นไร แต่ถ้าอยากไปเที่ยวก็ข้ามไปฝั่งนั้น ซึ่งความร่วมมือกันนั้นมีตั้งหลายอย่าง อาทิ จะมีการจัดเป็นแพ็คเกจท่องเที่ยวจากไทยไปกัมพูชา เรามาร่วมมือกันตรงนี้ดีกว่า ซึ่งตรงนี้เป็นกระบวนการปีหน้าเข้าสู่เออีซีค่อยว่ากันและทุกอย่างรอฟังตอนนั้นดีกว่า
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าตนจะทำให้ดีที่สุด ก็ขอให้ลดปัญหาลงบ้าง วันนี้ความสัมพันธ์ของเราไม่ได้อยู่ในประเทศอย่างเดียวต่างประเทศเขาเดินหน้าเราต้องรวมธุรกิจกันให้ได้รวมคนกันให้ได้เพื่อไปสู่เศรษฐกิจในวันหน้า เพราะต้องอยู่ด้วยกติกาที่จะส่งผลผูกพันสัญญาองค์กรดับเบิลยูทีโอ ซึ่งที่บอกกันว่าราคาสินค้าตกเนื่องจากต้นทุนสูง ค่าแรงสูง ซึ่งผู้ประกอบการมักอ้างว่าขาดทุน และจะให้รัฐลดภาษี แต่รัฐจำเป็นต้องเก็บภาษีเพิ่มไม่อย่างนั้นจะไม่มีรายได้ ซึ่งมันมีผลทั้งหมด แต่ทุกคนไม่ยอมขยับอะไรเลย และรัฐบาลก็ต้องรองรับและแก้ไข เพราะว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ตรงนี้ต้องช่วยกันและให้กำลังใจ