พ่อ-แม่สาวลาว ที่เสียชีวิตจากเหตุพลัดตกตึก พร้อมด้วยทนาย และเลขาฯทูตลาว ยื่นหนังสือ กสม. ให้ติดตามคดีให้โปร่งใส และมีความคืบหน้า เชื่อเป็นการฆาตกรรม เหตุพบพิรุธ ตร.ทำหน้าที่ผิดปกติ จี้ หาคนผิดมาลงโทษ
วันนี้ (31ต.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) นางพอน ชุมพลพักดี มารดา น.ส.ต่าย ดาวเฮือง หรือ น้องแป้ง สาวชาวลาวที่เสียชีวิตจากเหตุพลัดตกตึกย่านสี่แยกเหม่งจ๋าย ห้วยขวาง เมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา พร้อมด้วยนายทานตะวัน ไชยวง บิดาผู้เสียชีวิต และนายสุทัศน์ เงินหมื่น ในฐานะทนายความของฝ่ายญาติผู้เสียชีวิต และนายพอนศรี บุญมีไซ เลขานุการเอกอัครราชฑูตลาว ประจำประเทศไทย ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการสิทธิฯ ผ่านน.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิในฐานะประธานอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิการเมืองเพื่อขอ กรรมการสิทธิฯได้ติดตาม และประสานงานให้มีการตรวจสอบกระบวนการไต่สวนของเจ้าหน้าที่ ให้ตรงไปตรงมาตามที่ฝ่ายญาติติดใจและมีข้อสงสัย เพื่อให้เร่งรัดในการสืบสวนสอบสวนในคดี และทำให้คดีมีความโปร่งใส พร้อมกับให้คดีมีความคืบหน้า เนื่องจากคดีดังกล่าวดำเนินมานานกว่า 4 เดือนแล้ว
โดยนายพอนศรี กล่าวว่า ในคดีนี้ถือว่าเป็นคดีที่น่าสนใจของทั้ง 2 ประเทศ เนื่องจากมีประชาชนให้ความสนใจและติดตามมาโดยตลอด พร้อมทั้งญาติของผู้เสียชีวิตยังติดใจถึงสาเหตุของการตายว่าไม่ใช่การพลัดตกตึกตาย แต่เชื่อว่าเป็นการฆาตกรรม เนื่องพบว่ามีรอยนิ้วมือเป็นรอยช้ำติดอยู่บริเวณแขนของผู้เสียชีวิต และพบว่ามีขอพิรุธตั้งแต่แรกในการดำเนินการถึงคดีดังกล่าว เนื่องจากมีการให้เร่งรีบในการฌาปนกิจศพ แต่ต่อมาการดำเนินคดีก็มีความล่าช้า ถือว่าเกิดความผิดปกติของเจ้าหน้าที่ตำรวจในกระบวนการสืบสวนสอบสวนในคดีดังกล่าว ในวันนี้จึงพาญาติของผู้เสียชีวิต เดินทางเข้ายื่นเรื่องร้องเรียน เพื่อขอความเป็นธรรมต่อคณะกรรมการสิทธิฯ
ด้านนายทานตะวัน กล่าวว่า ตนเองและภรรยา ได้เดินทางเดินมาจากประเทศลาวจนมาถึงประเทศไทยในเช้าวันนี้ เพื่อขอความเป็นธรรมในการดำเนินการติดตาม เร่งรัดให้คดีมีความคืบหน้า และตอบคำถามข้อสงสัยถึงสาเหตุการตายที่แท้จริง พร้อมขอให้มีการจับกุมผู้กระทำผิดที่แท้จริงมาลงโทษโดยเร็ว เพราะครอบครัวก็ยากจน ไม่สามารถที่จะเดินทางมาประเทศไทยได้บ่อยครั้ง จึงขอร้องเรียนมายังกรรมการสิทธิฯ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชน ในการดำเนินการหาข้อเท็จจริง
ขณะที่นพ.นิรันดร์ กล่าวว่า ขอบคุณที่มีความไว้วางใจให้ กรรมการสิทธิฯดำเนินการติดตามถึงเรื่องนี้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นอีกความรับผิดชอบที่กรรมการสิทธิฯจะดำเนินการช่วยเหลือประชาชน ไม่ว่าจะเป็นพลเมืองของไทยหรือ ต่างชาติ ซึ่งเมื่อมาพักอาศัย หรือประกอบกิจการ ทำงาน ในประเทศไทย แต่เมื่อถูกละเมิดสิทธิความเป็นพลเมือง ก็ต้องให้การช่วยเหลือทุกคน ฉะนั้นวันนี้ถือว่าเรื่องที่ถูกยื่นร้องเรียนเข้ามากรรมการสิทธิฯ ก็จะรับไว้แล้วดำเนินการหาข้อเท็จจริงต่อไป โดยจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกด้าน มาให้ข้อมูลเพื่อนทราบถึงข้อเท็จจริงต่อไป