นายกฯ ต้อนรับ ผอ.ใหญ่โครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ และรองเลขาธิการยูเอ็น เผยนโยบายไทยเดินตามยุทธศาสตร์ไม่ให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม ไม่เลือกปฏิบัติ และหยุดยอดตาย โวผู้ติดลด เหตุช่วยทุกชนชั้นเข้าถึงยาต้านไวรัส ยันใช้งบรัฐแก้ได้แม้กองทุนโลกงดสนับสนุนในอีก 2 ปีหน้า ด้าน ผอ.ชม “ประยุทธ์” มีความรู้อย่างลึกซึ้ง ยินดีช่วยทุกด้าน เชื่อหยุดยั้งได้ก่อนปี 2573
วันนี้ (27 ต.ค.) ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 08.30 น. นายมิเชล ซิดิเบ (Michel Sidibé) ผู้อำนวยการใหญ่โครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS) และรองเลขาธิการสหประชาชาติ เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยนายกรัฐมนตรียินดีที่ได้พบกับผู้อำนวยการใหญ่ และแสดงความขอบคุณที่ได้ให้การสนับสนุนและร่วมมือกับประเทศไทยในด้านต่างๆ มาโดยตลอด พร้อมกล่าวถึงสถานการณ์โรคเอดส์ในประเทศไทยว่าไทยเผชิญปัญหาเอดส์มากว่า 30 ปี และแก้ปัญหาโดยร่วมมือกับภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม องค์การระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงนโยบายของไทยในการต่อสู้กับ HIV/AIDS ซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ UNAIDS พ.ศ. 2554-2558 ที่กำหนดวิสัยทัศน์มุ่ง “เป้าหมายที่เป็นศูนย์” ไว้ 3 ด้าน ได้แก่ ไม่ให้มีผู้ติดเชื้อ HIV รายใหม่ ไม่มีการเลือกปฏิบัติ และหยุดการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับโรคเอดส์ ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการแก้ปัญหา HIV/AIDS โดยที่ไทยลดอัตราการติดเชื้อ HIV ลงได้อย่างชัดเจนจนได้รับการชื่นชมจากนานาประเทศ
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยให้การสนับสนุนทุกประการเพื่อให้ผู้ป่วยในทุกชนชั้นสามารถเข้าถึงยาต้านไวรัส รวมถึงการดูแลแรงงานข้ามชาติในไทยให้เข้าสู่ระบบประกันสุขภาพ เพื่อรับสิทธิประโยชน์ที่ครอบคลุมถึงการป้องกันและการรักษาด้วยยาต้านไวรัส ทั้งนี้ ในการแก้ปัญหาโรคเอดส์ของไทยใช้งบประมาณส่วนใหญ่ (ร้อยละ 90) ได้รับการจัดสรรโดยรัฐบาล และแม้กองทุนโลกเพื่อต่อสู้โรคเอดส์ วัณโรค และโรคมาลาเรีย (Global Fund) จะยุติการสนับสนุนงบประมาณแก่ไทย ในอีก 2 ปีข้างหน้า แต่ประเทศไทยก็จะยังคงดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ด้วยงบประมาณของไทยเอง
ขณะที่ผู้อำนวยการใหญ่ UNAIDS แสดงความชื่นชมนายกรัฐมนตรีที่แสดงบทบาทที่แข็งขันในด้าน HIV/AIDS และรู้สึกประทับใจที่นายกรัฐมนตรีมีความรู้เกี่ยวกับประเด็นปัญหาด้าน HIV/AIDS อย่างลึกซึ้ง พร้อมยืนยันว่า UNAIDS ยินดีสนับสนุนการดำเนินงานของไทยในทุกด้านเพื่อแก้ปัญหา HIV/AIDS นอกจากนี้ยังแสดงความชื่นชมรัฐบาลไทยที่ยึดมั่นในพันธกรณีและการดำเนินการเพื่อขจัดโรคเอดส์ในไทยภายในปี พ.ศ. 2573 และเชื่อมั่นว่าไทยจะสามารถยุติปัญหาเอดส์ได้สำเร็จตามเป้าหมายก่อนระยะเวลาที่กำหนดไว้
จากนั้นเวลา 10.50 น. ที่ตึกสันติไมตรี พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือว่า นายมิเชล กล่าวชื่นชมมาตรการแก้ปัญหาโรคเอดส์ซึ่งประเทศไทยมีชื่อเสียงและเป็นสิ่งที่ดีของเรากว่า 30 ปีที่เราแก้ปัญหาโรคเอดส์และอยู่ในเกณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ เป็นแบบอย่าง เป็นแกนนำในภูมิภาคอาเซียนได้ ซึ่งนายมิเชล ซิดิเบ มีความพอใจและพร้อมสนับสนุนไทยในทุกมิติที่เกี่ยวกับโรคเอดส์ ทั้งเรื่องการป้องกัน การช่วยเหลือ การฟื้นฟู รวมถึงทำให้คนที่เป็นโรคเอดส์เข้าถึงกระบวนการรักษา ทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี พอเพียงในการที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป และตนคิดว่าในอนาคตประเทศไทยจะดีขึ้น ซึ่งตนได้เสนอไปว่าเราไม่ได้ดูในเรื่องโรคเอดส์อย่างเดียว แต่จะดูเรื่องยาเสพติดที่มีการใช้เข็มด้วย สิ่งที่เป็นปัญหาในวันนี้คือแก้ปัญหาที่ปลายเหตุกันส่วนใหญ่ ซึ่งตนได้เสนอให้การปัญหาที่ต้นเหตุ ทั้งเรื่องความยากจนเพราะคนที่ใช้ยาเสพติดเกิดจากความกดดัน เรื่องความเหลื่อมล้ำก็มีผลมาถึงความขัดแย้งในประเทศ และเกิดเป็นความขัดแย้งระหว่างประเทศ รวมถึงจะทำอย่างไรให้ประเทศในภูมิภาคที่มีรายได้จากเกษตรกรรมมีรายได้สูงขึ้น โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่มีความจำเป็น ทำอย่างไรให้มีรายได้ที่เพียงพอทัดเทียมกับประเทศที่มีผลผลิตทางอุตสาหกรรม ซึ่งเรื่องนี้มีประโยชน์มากหากมีการนำไปหารือต่อไป