xs
xsm
sm
md
lg

ผลสอบไมค์ฉาว ค้านสายตาคนดู

เผยแพร่:   โดย: นกหวีด


ข่าวปนคน คนปนข่าว

การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นครั้งที่ 5 กับการเริ่มเข้าทำงานกว่า 2 เดือน แม้จะสลับปรับเปลี่ยนสถานที่ไปประชุมร่วมกับ คสช.ที่สโมสรทหารบกบ้าง แต่ถ้าใช้บริการทำเนียบรัฐบาล ก็ยังต้องอาศัยตึกสันติไมตรี แก้ขัดไปก่อน

สืบเนื่องจากปรับปรุงห้องประชุมครม.ชั้น 5 ตึกบัญชาการ เกิดเรื่องส่งกลิ่นตุๆ กรณีติดตั้ง “ไมค์ไฮโซ - ไมค์เทวดา” หรือจะใส่ชื่ออะไรก็แล้วแต่ ซึ่งส่งกลิ่นฉาวตั้งแต่ก้าวแรกทันทีที่รัฐบาลนี้เข้าทำงานในทำเนียบฯ กระแสความฉาวไปเร็วตามยุคสมัยของโซเซียล ที่สำคัญราคาค่างวดมันทำลายภาพลักษณ์รัฐบาลที่ควรจะสมถะ พอเพียง ไม่ใช่แพงเวอร์ เทคโนโลยีล้ำเทียบเท่าห้องประชุมทำเนียบขาวของ “บารัค โอบาม่า” ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

กระแสต่อต้านอย่างหนักทำให้พล.อ.ประยุทธ์ อดรนทนไม่ไหว สั่งเฉียบขาดให้ระงับทุกอย่างและตั้งคณะกรรมการสอบ เพื่อไขข้อเท็จจริงโดยมี พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ(คตร.) เป็นประธานดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง นายกฯเร่งออกคำสั่งสกัด เรื่องราวไม่ให้มันบานปลาย
หากย้อนกลับไปดูข้อมูล “ไมโครโฟนเทวดา” ราคาตัวละกว่า 1.4-1.5 แสนบาทจำนวน 89 ตัว ทั้งที่ราคาขายในท้องตลาดอาจจะเพียงตัวละไม่กี่หมื่นบาท จนทำให้คาดการณ์กันว่าจะมีส่วนต่างสูงถึง 4 ล้านบาท เพราะมีเว็บไซต์บางเว็บอ้างว่าไมค์ดังกล่าวมีราคาไม่ถึงแสนบาทด้วยซ้ำ ยิ่งทำให้สังคมกังขาถึงความไม่ชอบมาพากล

และยิ่งงงหนักกันเข้าไปใหญ่ เมื่อ นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ในฐานะผู้รับผิดชอบการปรับปรุงห้องประชุม ครม.ออกมาระบุว่าขั้นตอนยังไม่มีการจัดซื้อจัดจ้าง แต่อยู่ในระหว่างกระบวนการต่อรอง ทั้งที่ทุกอย่างถูกติดตั้งเรียบร้อยรอใช้งานเซ็นรับรองเป็นอันจบ ในความเป็นจริงเป็นไปได้อย่างมาก ที่ขั้นตอนต่างๆยังไม่ผ่านการต่อรอง มันค้านสายตาคนดูตั้งแต่ก้าวแรก แบบนี้จะปล่อยไปได้หรือ

กระบวนการสอบโกงกินส่วนต่าง “ไมค์หรู” เริ่มขึ้นตั้งแต่ 22 ก.ย.กระทั่งวันนี้ก็ราวๆ20กว่าวัน ยังไม่ถึงเดือน ล่าสุดดูเหมือนผลการสอบสวนออกมาเรียบร้อยเลย โดยใช้เวลาสืบสวนข้อมูล ตรวจสอบเร็วจี๋เพียงไม่ถึง 1 เดือน ก็สามารถสรุปได้เป็นเนื้อเป็นหนัง

โดย พล.อ.อนันตพร เปิดเผยผลการตรวจสอบว่า “ได้สรุปผลการตรวจสอบแล้วผลสอบคือไม่ถึงขั้นทุจริต เพียงแค่ยอดวงเงินไม่สูงมากนัก แต่ส่วนต่างเยอะมาก ทำให้ดูมองไม่ดี และให้ผู้รับผิดชอบเร่งดำเนินการจัดซื้อใหม่อีกครั้งเพราะงานล่าช้าไปมากแล้ว ทั้งนี้ได้รายงานผลสอบให้นายกรัฐมนตรีทราบแล้ว”

ผลตรวจสอบของคณะกรรมการชุดที่พล.อ.อนันตพร เป็นประธาน ผลออกมาแบบไม่กล้าฟันธงว่าทุจริตหรือไม่ ทั้งที่ถ้าแปลความตามตัวอักษร ไม่น่าจะตีความเป็นอื่นได้นอกจากเจตนาส่อทุจริตอย่างชัดเจน เพราะคนที่จัดซื้อจัดจ้างย่อมรู้ดีถึงส่วนต่างนี้อยู่แล้ว ถ้าไม่มีการตรวจสอบเงินจำนวนนี้จะตกไปอยู่ในกระเป๋าใคร

สุดท้ายอยู่ประชาชนเสียประโยชน์ดี

หรือกระทั่งบทสัมภาษณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้สัมภาษณ์ทำนองว่า ในอนาคตจะต้องมีการประชุมร่วมกับต่างประเทศ ไม่ต้องบินไป ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยไม่เคยมี ไม่ใช่ว่าครม.มาใหม่แล้วต้องใช้ไมค์ใหม่ เสียงผมดังพออยู่แล้ว ไม่ต้องใช้ไมค์ก็ได้ไม่ได้ต้องการแบบนั้น แต่เห็นว่าอนาคตถึงอย่างไรเราก็ต้องมีอย่างน้อยก็ต้องประสานกับศูนย์ภัยพิบัติต่างๆ จะได้เห็นหน้าตากัน เวลาไปต่างประเทศก็จะได้แสดงให้เขาเห็นว่าเรามีความพร้อมอย่างไรบ้าง เมื่อมีปัญหาก็ตรวจสอบกันไป ต้องดูก่อนว่ามันมีการทุจริตหรือยัง มีการไปรับเงินรับทองตรงไหน

“อย่ามองว่าครม.จะต้องมาใช้ไมค์ใหม่ หรือมาเปลี่ยนเก้าอี้เพื่อให้ผมนั่ง ผมไม่ได้อยากนั่งเลย ผมนั่งกับพื้นก็ได้ ไม่เห็นจะต้องมานั่งดีอะไรหนักหนา ที่ทำก็เพื่อหน้าตาของพวกท่าน หน้าตาของประเทศทั้งนั้น ไม่ใช่หน้าตาผม ปัญหาเรื่องนี้เกิดจากมาตรฐานที่ไม่มีราคากลางเท่านั้น”

คำให้สัมภาษณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้โฟกัสไปที่เรื่องทุจริต ไล่บี้เท่าที่ควร แต่ไปพูดถึงภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นของต่างประเทศต่อรัฐบาลไทย นัยว่ามีไมค์แพงแล้วเขาจะยอมรับเราอย่างนั้น ประเด็นนี้พล.อ.ประยุทธ์ควรชี้เป็นชี้ตายกับพวกรอรับเงินทอน ส่วนต่างมากกว่า ถ้าแบบนี้ภาพลักษณ์รัฐบาลต่อประชาชนในประเทศน่าจะดีกว่าหรือไม่เพราะประชาชนให้สิทธิและอำนาจมาบริหารประเทศ คงจะไม่ขัดขวางรัฐบาลกับเพียงแค่เรื่องซื้อไมค์ แต่อย่าให้ราคามันเกินจริงจนรับไม่ได้ ปล่อยให้มีการแอบแฝงรับผลประโยชน์

ก้าวแรกของรัฐบาลทำให้เคลือบแคลง เรื่องความโปร่งถือว่าสอบไม่ผ่าน เพราะไม่ทำให้เคลียร์และหน่วยงานที่ตรวจสอบก็เป็นพวกพ้องเดียวกัน ผลที่ออกมาจึงอยู่ตกอยู่ภายใต้การครอบงำ เก๊ๆกังๆไม่กล้าฟันธง

กรณีไมค์เทวดาน่าจะเป็นตัวอย่างเตือนใจรัฐบาลชุดนี้ อย่าคิดมุบมิบ เพราะเงินที่นำมาบริหารประเทศ คือเงินประชาชน เงินแผ่นดิน

ถ้าเกิดมีกรณีแบบนี้อีก สังคมอาจจะอภัยได้อยาก สถานะรัฐบาลจะสั่นคลอนเอาได้เพราะคนใกล้ตัวคิดแต่จะสวาปาม แม้จะเป็นรัฐบาลทหาร แต่ถ้าการตัดสินค้านสายตาคนดู มันก็อันตรายต่ออนาคตได้

และยิ่งความดียังไม่ปรากฏ ไม่มีภูมิคุ้มกัน อาจเกิดโรคแทรกซ้อนได้ง่ายๆ ฉะนั้นต้องรีบปิดจุดทุจริตก่อนยางจะรั่วไปต่อไม่ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น