“พล.อ.สมเจตน์” ยันเรื่องถอดถอน “สมศักดิ์-นิคม” อยู่ในอำนาจ สนช. แม้รัฐธรรมนูญปี 50 ยกเลิกไปแล้ว แต่ความผิดมีอยู่ ซัดเป็นต้นเหตุล้มล้างประชาธิปไตยก่อให้เกิดปฏิวัติ ยันไม่ให้เป็นบรรทัดฐานในอนาคต แต่ สนช.คนอื่นขึ้นอยู่กับดุลพินิจ
วันนี้ (16 ต.ค.) ที่รัฐสภา พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงการประชุม สนช.เพื่อพิจารณารายงานและสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีกล่าวหาว่านายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตรองประธานรัฐสภา ในการดำเนินการเกี่ยวกับการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับที่มาของ ส.ว. เป็นการกระทำที่ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ว่า เป็นความผิดที่อยู่ในอำนาจของสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่จะพิจารณาถอดถอน ตามข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ปี 2557 หรือไม่ว่า ความเห็นส่วนตัวว่า สนช.ควรรับเรื่องดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการถอดถอนตามข้อบังคับ สนช.กำหนดต่อไป
ทั้งนี้ แม้หลายฝ่ายจะให้ข้อมูลว่าปัจจุบันรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ไม่มีผลบังคับใช้แล้ว แต่ฐานความผิดของบุคคลทั้งสองยังมีอยู่ และพฤติกรรมของอดีตประธานรัฐสภาและอดีตรองประธานรัฐสภาดังกล่าวถือเป็นสิ่งที่สร้างจุดเริ่มต้นของกระบวนการล้มล้างประชาธิปไตยและก่อให้เกิดการปฏิวัติ ดังนั้นแม้ปัจจุบันกฎหมายที่เป็นฐานความผิดจะไม่มีอยู่แล้ว ความผิดนั้นยังคงมีอยู่จึงต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของ สนช. ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เป็นบรรทัดฐานในอนาคตว่าหากผู้ใดทำความผิดแล้ว แต่กฎหมายที่บังคับการเอาผิดสิ้นสภาพไป ความผิดนั้นจะถือว่าหายไปด้วย ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าสมาชิก สนช.จะลงมติไม่รับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณานั้น ตนไม่ทราบและไม่มีใครแจ้งให้ลงมติข้างไหน ดังนั้นถือเป็นดุลยพินิจของ สนช. ส่วนความเห็นตนนั้นอาจจะมีผู้ที่โต้แย้งได้ และตนพร้อมรับฟัง