รองประธาน สนช.เผยสำนวนถอด “สมศักดิ์-นิคม” มาถึงแล้ว โยน “พรเพชร” พิจารณาประชุมเมื่อไหร่ ด้านเลขาฯ สภาเผยนัดวัน สปช.แสดงตน 8-16 ต.ค.ประชุมนัดแรก 21 ต.ค. ขณะที่ “สปช.วันชัย” เผยอดีต 40 ส.ว.เตรียมถก แนะประชุมทุกจันทร์-อังคาร ไม่ให้ซ้ำ สนช. ระบุคนเป็นประธานต้องกระฉับกระเฉง กล้าตัดสินใจ
วันนี้ (7 ต.ค.) นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2 เปิดเผยว่า สำนวนการถอดถอนนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา มาถึง สนช.แล้วเมื่อเย็นวานนี้ โดยขั้นตอนหลังจากนี้ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. เบื้องต้นเชื่อว่าจะนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมวิป สนช.ถาวรที่พยายามจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า
ด้านนายจเร พันธุ์เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการรับการแสดงตนของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และบุคลากรในด้านต่างๆ เพื่อรองรับการทำงานของ สปช. และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ในเบื้องต้นสำนักงานเลขาธิการได้กำหนดวันเวลาในการแสดงตนไว้ตั้งแต่วันที่ 8-16 ต.ค. ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. หากเกินระยะเวลาที่กำหนดแล้วสมาชิก สปช.ยังมาแสดงตนไม่ครบ ทางสำนักงานฯ ก็จะเปิดรับแสดงตนต่อไปจนกว่าจะมาแสดงตนครบทั้ง 250 คน ทั้งนี้ ในเบื้องต้นเกี่ยวกับกำหนดวันในการประชุม สปช.นั้นจะต้องนำเข้าที่ประชุมเพื่อหารือกรอบและแนวทางในการปฏิบัติงาน และกำหนดวันในการประชุมต่อไป และคาดว่าจะมีการประชุมนัดแรกในวันที่ 21 ต.ค. เพื่อเลือกประธานและรองประธาน 2 คน จากนั้นภายใน 15 วันจะทำการเลือกคณะกรรมาธิการยกร่างฯ 36 คน เพื่อทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญถาวร
ขณะที่นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ เชื่อว่าในกลุ่ม 40 อดีต ส.ว.ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็น สปช.จะนัดหมายเพื่อหารือถึงแนวทางการทำงานก่อนที่จะมีการประชุม สปช.นัดแรก ส่วนตัวเห็นว่า สปช.น่าจะมีการประชุมทุกวันจันทร์และวันอังคาร เพื่อไม่ให้วันประชุมซ้ำซ้อนกับสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. เนื่องจากต้องใช้ที่ประชุมห้องเดียวกัน อย่างไรก็ตาม การประชุม สปช.นัดแรกมีวาระสำคัญ คือ การเลือกประธานและรองประธาน สนช. ซึ่งภายในกลุ่มอดีต 40 ส.ว.ยังไม่ได้พิจารณาใครเป็นพิเศษ ส่วนนายเทียนฉาย กีระนันทน์ และนายชัยอนันต์ สมุทวณิช ที่มีรายชื่อเป็นแคนดิเดตนั้น ต้องดูคุณสมบัติที่เหมาะสม ส่วนตัวไม่ทราบว่ามีรายชื่อออกมาได้อย่างไร แต่เห็นว่าผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งจะต้องทำงานกระฉับกระเฉง กล้าตัดสินใจ จึงจะทำให้เกิดการปฏิรูปได้อย่างแท้จริง
