รองหัวหน้าประชาธิปัตย์ นำทีมแถลงยางพารา โวยรัฐไม่ทำราคากระเตื้องขึ้น เตือนเลยหน้าฝนราคาดิ่งอีก แนะทำ 5 มาตรการ ถามจะปกป้องธุรกิจยางมะตอยหรือชาวสวน
วันนี้ (24 ก.ย.) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ในจังหวัดที่มีพื้นที่ปลูกยางพารา ร่วมกันแถลงถึงมาตรการพยุงราคายางพาราของรัฐบาลว่า ยังไม่ทำให้ราคากระเตื้องขึ้นแต่มีแนวโน้มที่ราคาจะลดต่ำลง ทั้งที่เป็นช่วงที่ผลผลิตน้อยราคาต้องสูง จึงกังวลว่าหากเลยหน้าฝนไปในช่วงต้นปีที่ผลผลิตจะออกมามากขึ้นราคายางพาราจะต่ำลงอีก แม้ว่ามาตรการที่รัฐออกมาจะถูกทาง แต่จะส่งผลในระยะยาวไม่สามารถแก้ปัญหาในระยะสั้นได้ ดังนั้น หากดำเนินการตามนโยบายทำก่อน ทำจริง ทำทันทีก็ขอให้ดำเนินการตามข้อเสนอ 5 มาตรการซึ่งจะเสนอต่อนายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตร ผ่านไปยังนายกรัฐมนตรีดำเนินการ โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วยให้รีบเสนอต่อรัฐบาล
“ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความจริงใจของรัฐบาลด้วยว่าจะปกป้องธุรกิจยางมะตอย หรือปกป้องเกษตรกรชาวสวนยางพารา แม้ว่าการนำยางพารามาเป็นส่วนประกอบแม้จะทำให้ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างเพิ่มขึ้น แต่ประโยชน์ที่จะได้มากกว่าราคาที่สูงขึ้น เพราะถ้ารัฐบาลทำตามข้อเสนอภายในปี 2558 ราคายางพาราจะสูงขึ้นทันที จึงขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่ประกาศว่า ทำก่อน ทำจริง ทำทันที ทำตามที่พูด หากต้องการขอความเห็นพวกผมยินดีช่วยแก้ปัญหากับรัฐบาล ส่วนการขายยางพาราในสต๊อกอยากให้ทบทวนเพราะถ้าขายก็จะทำให้ราคายางไม่กระเตื้องขึ้น” นายนิพิฏฐ์กล่าว
ด้าน น.พ.สุกิจ อัตโถปกรณ์ อดีต ส.ส.ตรัง กล่าวถึง 5 มาตรการที่จะเสนอต่อรัฐบาลว่า 1. ทำให้ยางพาราในปริมาณที่มากพอหายไปจากตลาดประกาศไม่ขายยางพาราในสต๊อคแต่จะนำมาใช้ภายในประเทศ เพื่อทำให้ยางจำนวนนี้หายไปจากตลาด 2.1 แสนตัน 2. ต้องประกาศอย่างชัดเจนในการนำยางพารามาเป็นส่วนประกอบไม่น้อยกว่า 5% ในการทำถนนสร้างใหม่และการซ่อมแซม โดยต้องใช้ยางพาราใหม่ที่ไม่ใช่ยางพาราในสต๊อกของรัฐบาล 3. กำหนดนโยบายนำยางพารามาทำพื้นสนามกีฬาของส่วนราชการ และอุปกรณ์สนามเด็กเล่น 4. นำยางพาราเป็นวัสดุกันสะเทือนในโครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ และ 5. ให้เร่งแก้ปัญหาอุตสาหกรรมการแปรรูปยางพาราให้คล่องตัวในการลงทุนในประเทศไทย เนื่องจากยังมีอุปสรรคหลายประการเพื่อดึงดูดนักลงทุนเข้ามาในประเทศ ซึ่งเชื่อว่าหากทำได้จะทำให้ราคายางพาราดีดตัวสูงขึ้น
ขณะที่นายนริศ ขำนุรักษ์ อดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงอุปสรรคในการประกอบอุตสาหกรรมการแปรรูปยางพาราว่า มีตั้งแต่บีโอไอขอให้เร่งพิจารณาผ่านการตั้งโรงงานแปรรูปยางพารา ขอให้พิจารณาผ่านเรื่องสิ่งแวดล้อม และ อย. ทั้งนี้ต้องมีการผลิตยางทดแทนการนำเข้า โดยในปัจจุบันนำเข้าปีละกว่า 3 หมื่นล้านบาทจากประเทศที่ไม่ได้ปลูกยางพารา คือ เยอรมนี สหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส ซึ่งรัฐบาลต้องทำให้การนำเข้าเป็นศูนย์