"บิ๊กตู่" ยัน ย้ายขรก.เป็นธรรม ฟาสแทร็กบ้าง ชี้ขรก.เอี่ยวหลอกแรงงานไทย เชิญ ส.ยาง หาทางออกราคา โวหลังรัฐประหาร ปชช.สุข เผยชื่อ สปช.ถึง คสช. ไร้ล็อคสเปค ปัดดูหมออีทีโยนสื่อตัดสินทุบรังนกกระจอก เล็งตบรางวัลนักกีฬาไทย ยันไป ตปท. ลงพื้นที่ทุกภาค ปัดเป็นศัตรูใคร เมินเป็นนายกฯเลือกตั้ง แย้มเชิญเมียช่วยงาน ทำท่าทุ่มโพเดียม หยอกสื่อหลังถามบี้มุ่งแต่รัฐประหาร
วันนี้ (23 ก.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า การประชุม ครม.ครั้งนี้สำคัญทุกวาระ มีกว่า 10 วาระ ส่วนเรื่องการโยกย้ายถือเป็นช่วงวาระการโยกย้ายประจำปีตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ซึ่งมีการเสนอเข้ามาในที่ประชุม ครม.แต่มีการกลั่นกรองผ่านรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีมาก่อนและตนได้ตรวจสอบอีกครั้งด้วย โดยเรื่องการปรับย้ายต้องให้ความเป็นธรรมแก่ข้าราชการพอสมควร ให้ดีที่สุด สำหรับการโยกย้ายสายงานด้านความมั่นคงนั้นได้ยึดหลักตามหลักความอาวุโส ความรู้ความสามารถสอดคล้องกับการดำเนินการสถานการณ์ในปัจจุบันด้วย บางอย่างมองอาวุโสอย่างเดียวคงไม่ใช่ อันนั้นเป็นหลักการหนึ่งเท่านั้น ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องไม่ข้ามจนมากเกินไป ก็มีฟาสต์แทร็กบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยที่ถูกหลอกไปทำงานบนเรือประมงที่ประเทศอินโดนีเซียว่า ตอนนี้ได้ดำเนินการติดตามทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์กำลังดำเนินการอยู่ มีการโทร.กลับมาและสอบสวนเรื่องการทำความผิดต่างๆ อยู่ ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ากลุ่มนายหน้าคุกคามแรงงานนั้น ถ้าไม่มีนายหน้า ไม่มีการกระทำความผิด ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ก็ทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้อยู่แล้ว ฉะนั้นทุกเรื่องที่กระทำการผิดกฎหมายต้องมีแกนนำต้องมีหัวหน้า ถ้าข้าราชการไม่เข้าไปเกี่ยวข้องก็จบ เดี๋ยวก็จับได้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีที่เกษตรกรชาวสวนยางไม่พอใจเรื่องราคายางพาราตกต่ำและจะเดินทางมาเรียกร้องรัฐบาลที่กรุงเทพฯ ว่า กำลังแก้ปัญหาอยู่โดยให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เชิญสมาคมเกษตรกรมาพูดคุยอีกครั้งเพื่อปรับความเข้าใจกัน จากที่ฟังในหลักการเขารับได้ แต่ในเรื่องความเดือดร้อนเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะทำอย่างไร ซึ่งเขาได้ขอความช่วยเหลือมาอีกทางหนึ่ง โดยอ้างว่าต้องดูแลลูกเต้า ถ้าแก้ปัญหาระยะยาวเกินไปเขาก็เดือดร้อน จะต้องหาทางออกกันให้ได้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงภาพรวมหลังการทำรัฐประหารครบ 4 เดือนว่า ประชาชนเป็นสุขมากขึ้น แต่ คสช.เป็นทุกข์มากขึ้น รัฐบาลก็มีความทุกข์มากขึ้นเพราะต้องแก้ปัญหามากมายหลายประการ ข้อจำกัดเรื่องข้อกำหนดระยะเวลา จะเห็นว่าการประชุมมีหลายเรื่องบางวัน 10 บางวัน 20 ถึง 30 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการทำงานที่มีความต่อเนื่อง
“ทำอย่างไรให้เกิดความโปร่งใส และให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุดในเรื่องที่เขาจะต้องเสียประโยชน์ แต่เพื่อให้ได้ประโยชน์จะทำอย่างไรประชาชนจะได้มากขึ้น นั่นแหละเป็นโจทย์ใหญ่ และทำอย่างไรแผนงานต่างๆ เหล่านี้จะสืบทอดไปในวันข้างหน้าได้ เพราะเดี๋ยวรัฐบาลไหนมาก็จะเปลี่ยนไปตามนโยบายพรรค แต่เราไม่มีนโยบาย มีนโยบายอย่างเดียวคือทำอย่างไรให้เกิดความโปร่งใส และประชาชนได้รับประโยชน์มากที่สุด จะเห็นว่าการจัดทำงบประมาณ นโยบาย การตรวจสอบ การริเริ่มโครงการใหม่ทั้งหมด จะต้องยั่งยืน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะไปล็อกใคร เพียงแต่เริ่มต้นให้ถูกต้อง ถ้านับ 1 ยังไม่ได้แล้วไปนับ 2-3-4 ก็ไม่ได้ จะไม่ต่อเนื่องกัน วันนี้หลายอย่างต้องมานับ 1 ใหม่หมด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงความคืบหน้าการคัดเลือกสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติว่า รายชื่อ 550 คนถึง คสช.แล้ว สัปดาห์ที่แล้วตนได้นั่งไล่ดูอยู่ สัปดาห์หน้าจะประชุม คสช.ในวันที่ 7 ต.ค. และต้องทำให้เสร็จภายในวันที่ 2 ต.ค. ส่วนการประชุม คสช.ร่วมกับรัฐบาลเบื้องต้นอย่างน้องวางไว้เดือนละ 1 ครั้ง เป็นการหารือร่วมกันระหว่าง คสช. ที่ปรึกษา คสช. และครม. การเดินหน้าทุกอย่างของ คสช.และรัฐบาลยังเป็นไปตามโรดแมป ส่วนของ สปช.จะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 2 ต.ค. ซึ่งรายชื่อ 550 คนที่ส่งมาก็ไม่รู้จักใครสักคน อีกส่วน 358 คนนั้นต้องคัดเหลือ 77 คน ก็คัดเหลืออีกจังหวัดละ 5 คน
เมื่อถามว่าจะไม่มีคำครหาเรื่องล็อกสเปกใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มันล็อกยังไง ตนก็ไม่รู้จะล็อกยังไงเหมือนกัน ถามย้ำว่ามีพวกใคร พวกใครหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จะมีพวกใคร ทางจังหวัดก็เลือกมาโดยคณะกรรมการตั้งหลายคน และในส่วนคณะกรรมการคัดสรร 77 คน เท่าที่ทราบไม่ใช่ว่าเรารู้จักคนนั้นคนนี้ ไม่ใช่ เขาใช้โหวตคะแนนกัน ทั้งคงไม่ต้องขอร้องให้นักวิจารณ์หยุดวิจารณ์ ซึ่งคุณสมบัติของคนที่จะมาเป็น สปช.ต้องมีความรู้ความสามารถและมีประสบการณ์ในงานที่สมัครเข้ามา และไม่มีคดีความฟ้องร้อง ซึ่ง กกต.มีข้อห้ามอยู่แล้ว บางคนบอกไปล็อกสเปก เพราะคดียังไม่สิ้นสุด มันคนละเรื่อง นั่นเป็นเรื่องมาตรการ และเมื่อสรรหาเสร็จเรียบร้อยต้องเปิดเผยรายชื่อ เพราะต้องนำรายชื่อทูลเกล้าฯ ถวายเหมือน สนช.
เมื่อถามว่า ส่วนผู้ที่สมัครเป็น สปช.แล้วจะไม่ได้รับการคัดเลือกจะเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จะหาวิธีการในการแสดงความคิดเห็น ไม่ว่าจะเป็นช่องทางศูนย์ดำรงธรรม หรือ กกต.จว.รวมมารวมที่รัฐสภาแล้วเข้าไปสู่สภาปฏิรูป ในส่วนของ คสช.เองก็มีการเตรียมเรื่องที่จะเสนอเข้าไป สปช.ด้วยเช่นกัน และกรอบการทำงานของ สปช.ก็อยู่ที่เรา 10-12 เดือน ซึ่งจะมีเรื่องร่างรัฐธรรมนูญด้วยตามโรดแมปที่วางไว้ เมื่อถามว่าหลังเข้ามานั่งเก้าอี้นายกฯ จะสามารถนำรัฐบาลเดินไปตามกรอบที่วางไว้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทุกอย่างก็ยังเป็นไปตามโรดแมป สปช.ก็จะมีความเรียบร้อยในวันที่ 2 ต.ค.ตามกรอบเวลาที่วางไว้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีที่มีการโพสต์ข้อความระบุว่าตนไปดูหมอดูอีทีในช่วงนี้ว่า ไม่เคยไปดูหมอดูอีที เมื่อถามว่าเชื่อเรื่องหมดดูหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า การฟังหมอดูก็ไม่ได้เป็นเรื่องเสียหาย เพราะเขาห้ามดูถูกกัน แต่ต้องดูว่าดูอย่างไร หากเขาบอกว่าให้เป็นนายกฯ แล้วไม่ทำความดีจะได้เป็นหรือไม่ หรือบอกว่าจะรวยแล้วไม่ทำงาน นอนอยู่เฉยๆ จะรวยได้อย่างไร ฟังไว้อย่าไปงมงาย เรื่องของตนมักจะเตือนเรื่องอุบัติเหตุ คือการปะทะกับผู้สื่อข่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการปรับห้องปฏิบัติการสื่อมวลชน (รังนกกระจอก) ว่าไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไร นิสัยตนจะดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา เมื่อมาที่ทำเนียบเห็นผู้สื่อข่าวอยู่กันแน่นก็อยากให้ปรับปรุง รังกระจอกเป็นประวัติศาสตร์ก็ต้องให้เป็นรังนกกระจอกต่อไป เพียงแต่ว่าอยากให้ทำให้ใหม่หรือไม่ ถ้าให้ทำใหม่ก็จะทำให้อย่างดี หรือจะอยากให้ต่อเติมก็จะกั้นกระจกให้ข้างนอกแบบทรงเดิมที่มีอยู่ หากจะบอกว่าอยู่อย่างเดิมดีแล้วก็จะไม่ทำ ยืนยันว่าจะไม่มีการย้ายรังนกกระจอกแต่อย่างใด ผู้สื่อข่าวมีความสำคัญเพราะประชาชนรับข้อมูลจากสื่อ ดังนั้นจึงต้องเขียนให้ดี เพราะถ้าเขียนขยายไปมันจะไม่ดี เพราะต่างประเทศเอาออกไป เช่นก่อนหน้านี้ที่มีเรื่องบิกินี ตนเพียงเตือนว่าเมืองไทยไม่ได้ปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ต้องระมัดระวัง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวให้กำลังใจนักกีฬาไทยที่ไปแข่งขันเอเซียนเกมส์ที่ประเทศเกาหลีใต้ และได้รับเหรียญทองแดงว่า เมื่อวานก็นั่งดูฟุตบอลอยู่ ชนะไป 6 ต่อ 0 กลับมาแล้วก็จะมีการพิจารณาให้รางวัล จากนี้รัฐมนตรีการท่องเที่ยวและกีฬาก็จะไปทำการสรุปมา เมื่อนักกีฬากลับมาแล้วก็จะมีการต้อนรับเพราะถือว่าเป็นวีรบุรุษของชาติ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการเดินไปเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการว่า ได้มีการวางแผนไว้แล้ว ส่วนจะเดินไปที่ไหนก็ต้องรอดู และการเดินไปประเทศแรกต้องให้ความสำคัญ พร้อมกันนี้เราได้ติดตามภาพที่ต่างชาติมองไทยอยู่ทุกวัน เขามองเราดีขึ้นสถานการณ์สงบเรียบร้อย ขณะนี้ประชาชนเริ่มเข้าใจมากขึ้นแต่ติดอยู่ที่ว่าเราไม่เข้าใจการเลือกตั้ง และหากไปต่างประเทศแล้วเขาถามอะไรมาตนพร้อมตอบทุกเรื่อง ทุกอย่างตนรับผิดชอบเอง
ส่วนกำหนดการลงพื้นที่ต่างจังหวัดนั้น ขณะนี้ทางหน่วยงานความมั่นคงดำเนินการอยู่ ยืนยันตนไม่เป็นศัตรูกับใคร ภาคไหนมีปัญหาก็อยากไปเลย จะได้จบๆ ไปเสียที
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการทำงานของคณะรัฐมนตรีที่ในอดีตจะให้ภรรยาเข้ามาช่วยเสริมการทำงานว่า ยังคิดอยู่ เช่น งานด้านสงเคราะห์ เป็นงานที่ทำประโยชน์ให้สังคมอาจจะต้องมีบ้าง แต่ต้องไม่ใช่งานประชาสัมพันธ์ ภรรยาตนก็ไม่อยากจะทำให้เป็นห่วงกลัวว่าจะเสียหาย อันนี้ถ้าจะทำให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมก็อาจขอจะให้ช่วย แต่เขาก็ทำอยู่แล้วทำอยู่หลายสมาคม หลายมูลนิธิ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า คิดถ้าทำดีต่อไปจะได้เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มีชะตาชีวิต ชะตากรรมอยู่แล้ว ชะตาบ้านเมืองมันมีอยู่แล้วละ ถ้าทุกอย่างมันดีขึ้น ฟ้าดินมันมี พระสยามเทวาธิราชท่านดูอยู่ ผู้สื่อข่าวถามว่า ท่านได้ดูดวงหรือไม่ว่าจะต้องเป็นนายกรัฐมนตรีนานเท่าใด นายกฯ กล่าวเพียงสั้นๆ ก็แล้วแต่ บางคนบอกให้เป็นน้อย บางคนบอกให้เป็นให้มาก ก็ไม่รู้เหมือนกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องคิดจะเป็นนายกฯ จากการเลือกตั้งบ้างไหม นายกฯ ส่ายหน้าพร้อมกับกล่าวว่า ไม่เอาๆ ถามต่อว่าจะรอรัฐประหารอย่างเดียวหรือเปล่า นายกฯ กล่าวว่า เดี๋ยวจะทุ่ม (จับโพเดียม)
