“นายกฯ ตู่” นั่งเบนซ์เข้าทำเนียบฯ ครั้งแรก หน้าตาชื่นมื่น ยึดฤกษ์ 09.09 น. ขอบคุณผู้บริหารช่วยกันทำงาน ลั่นทำหน้าที่ให้ดีที่สุด “สุวพันธุ์” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำเนียบ เล็งดันรอง ผอ.ข่าวกรองขึ้นแทนตน ขอ ปชช.เชื่อใจนายกฯ-รัฐ มั่นใจปัญหาไฟใต้ 3 เดือนเห็นรูปธรรม เหตุนายกฯไร้วาระการเมือง ชี้เจรจาสันติสุข ต้องทำคู่ขนานทั้งลับ-เปิดเผย
วันนี้ (15 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.09 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เดินทางเข้าปฏิบัติงานที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลอย่างเป็นทางการวันแรก นายกฯ ได้สวมสูทสีเทา หน้าตายิ้มแย้มแจ่งใส เดินทางด้วยรถยนต์เมอร์เซเดส เบนซ์ หมายเลขทะเบียน ศท 1251 รถยนต์ประจำตำแหน่ง ผบ.ทบ. ขณะที่การรักษาความปลอดภัยในขบวนมีรถสารวัตรทหาร (สห.) นำขบวน 3 คัน มอเตอร์ไซค์ (มดดำ) ประกบข้างรถ 1 คัน รถเบนซ์รักษาความปลอดภัยปิดขบวน 1 คัน และรถของทีมรักษาความปลอดภัยอีก 3 คัน รวมมีรถในขบวนทั้งสิ้น 9 คัน ทั้งนี้มี พล.อ.วิลาศ อรุณศรี ว่าที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และ น.ส.เรณู ตังคจิวรางกูร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายบริหาร ให้การต้อนรับ
โดยนายกฯ ได้กล่าวขอบคุณผู้บริหารที่มาให้การต้อนรับพร้อมขอความร่วมมือให้ช่วยกันทำงานด้วยเจตนาที่ดีเพื่อลดปัญหาความขัดแย้ง ทำให้บ้านเมืองเดินหน้าก้าวหน้าต่อไป โดยตนเองจะตั้งใจทำงานในฐานะนายกรัฐมนตรีให้ดีที่สุดเพื่อบ้านเมือง อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายนายกฯ มีกำหนดการเป็นประธานในการแถลงยุทธศาสตร์ชาติและยุทธศาสตร์ทหาร ที่สโมสรทหารบก วิภาวดี เวลา 13.30 น.
ด้านนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้ามาเนียบรัฐบาลและได้เข้าสักการะพระพรหม ศาลพระภูมิ และศาลตาศาลยาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล จากนั้นนายสุวพันธุ์ให้สัมภาษณ์ถึงการแบ่งงานในตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นคำสั่งของนายกฯ ในเรื่องการแบ่งงาน คาดว่าหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 16 ก.ย.น่าจะรู้ว่าจะได้รับมอบหมายให้ดูแลอะไรบ้าง อย่างไรก็ตาม ตนมารับตำแหน่งนี้คงจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองพอสมควร เพราะในหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) จะไม่ค่อยพูดอะไร ทุกวันนี้ยังไม่คิดว่าจะมาถึงตำแหน่งนี้ได้ แต่เมื่อนายกฯ เชื่อใจว่าจะทำงานให้รัฐบาลก็จะทำให้เต็มที่และดีที่สุด ส่วนคนที่จะมาทำหน้าที่แทนตนในหน้าที่ ผอ.สำนักข่าวกรองคนใหม่หลังจากตนปลดเกษียณในสิ้นเดือนนี้นั้น ตนจะเสนอรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติท่านหนึ่งที่มีลำดับอาวุโสสุงสุดให้ ครม.ได้พิจารณาซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน
นายสุวพันธุ์กล่าวด้วยว่า ตอนนี้สิ่งที่ได้รับมอบหมายอย่างเป็นทางการ คือ การทำหน้าที่ประสานกับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในการทำงานคิดว่าจะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาประมาณ 20 คน แต่ยังไม่ได้มีการหารือกับนายกฯ เป็นกิจจะลักษณะ
“โดยหลักการแล้วเห็นว่าขณะนี้มีกฎหมายหลายฉบับที่จะต้องแก้ไข โดยเฉพาะกฎหมายฉบับหนึ่งที่รอการพิจารณาอยู่แล้ว คือ ร่าง พ.ร.บ.ชุมนุมในที่สาธารณะ ซึ่งจะต้องมาดูให้ตกผลึกในรอบสุดท้ายอีกทีว่าควรจะเดินไปทางไหน แต่ถ้าใครมีอะไรจะแนะนำก็ยินดี ผมตนอยากให้กฎหมายราบรื่นในการเสนอ เราสามารถพูดคุยหรือปรับแต่งได้” รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนตัวดูความมั่นคงมานั้นห่วงปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ นายสุวพันธุ์กล่าวว่า ห่วงเป็นธรรมดา เราต้องยึดหลักเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และยึดหลักตามนายกฯ คือทำก่อน ทำจริง มีผลสัมฤทธิ์และยั่งยืน ซึ่งเราก็ต้องทำแอคชั่นแพลนให้สอดคล้องกับสิ่งเหล่านั้นก็คิดว่าน่าจะดีขึ้น และคิดว่าภาคใต้คงจะมีหลายคนที่มีความรู้มาช่วยกัน เมื่อถามว่า แต่ดูเหมือนสถานการณ์ยังไม่ค่อยดี รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านพอดี ก็รอไปอีกระยะหนึ่ง รอให้รัฐบาลได้มีโอกาสทำงานตามแนวทางของรัฐบาลก่อน และในพื้นที่ก็ให้ทำงานของเขาไปก่อน โดยเฉพาะการเจรจาสันติสุขที่ขณะนี้กำลังเดินไปตามที่ควรจะเป็น ตนไม่อยากจะพูดว่าจะดีขึ้นทันตาเห็น หรือทันทีทันใด
“อยากให้รอดูก่อน ผมเชื่อว่าหากรัฐบาลได้มีโอกาสแก้ปัญหาภาคใต้ประมาณสัก 3 เดือนก็น่าจะเห็นอะไรบางอย่างที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น บางอย่างเจ้าหน้าที่ทำอยู่และเขาก็พูดไม่ได้ แต่ผมเชื่อว่าทุกอย่างที่เขาทำจะทำให้การแก้ไขปัญหาภาคใต้เป็นเอกภาพมากขึ้น และน่าจะทำให้เกิดความไว้วางใจระหว่างรัฐบาลเรากับข้างนอก และในพื้นที่ได้ ลองให้โอกาสรัฐบาลได้ทำในสิ่งที่รัฐบาลได้วางแนวทางเอาไว้ เพราะนายกฯ และคนที่มาช่วยกันแก้ปัญหาในพื้นที่ไม่ได้มีวาระทางการเมือง หรือมีเรื่องส่วนตัว มีวาระเดียวคือ ทำให้เกิดสันติสุข และเกิดความยั่งยั่น วาระเดียวเท่านั้นไม่มีเรื่องอื่น” นายสุวพันธุ์กล่าว
เมื่อถามว่า นายกฯ เป็น ผบ.ทบ.ดูเรื่องนี้มานานควรจะเข้าถึงปัญหาภาคใต้ได้หรือยัง นายสุวพันธุ์กล่าวว่า นายกฯ รับผิดชอบเต็มที่ทั้งหมด ตนเชื่อว่าทุกอย่างน่าจะดีขึ้น ลองให้โอกาสรัฐบาล มีอะไรก็ชี้แนะมา ส่วนการเจรจาสันติสุขรอบใหม่เชื่อว่าจะส่งผลดีหรือไม่นั้น นายสุวพันธุ์กล่าวว่า การพูดคุยถือเป็นกระบวนการหนึ่งในการสร้างสันติสุข เป็นกลไกหนึ่งที่ทำให้เกิดสันติสุขได้ และจะเป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้เกิดความไว้วางใจและเชื่อมั่นกัน จึงเชื่อว่าถ้าทุกอย่างเดินไปได้จะมีประสิทธิภาพ และการพูดคุยควรทำผสมผสานกันไปทั้งทางลับและเปิดเผย
ต่อข้อถามที่ว่าในฐานะดูงานด้านความมั่นคงมา เท่าที่ คสช.ยึดอำนาจมาจัดตั้งรัฐบาล ยังมีปัญหาและอุปสรรคที่จะก่อให้เกิดความร่วมมือตรงไหน นายสุวพันธุ์กล่าวว่า สังคมใหญ่ต้องถามตัวเองด้วยเหมือนกันว่ามาถึงวันนี้แล้วอะไรเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประเทศเรา ตนคิดว่าเราได้อย่างหนึ่งคือความสงบเรียบร้อย ไม่ต้องมาทะเลาะกัน ไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น เราควรจะรักษาสภาพแวดล้อมแบบนี้ต่อไปหรือไม่ ถ้าประเทศเป็นแบบนี้ประเทศจะได้เดินไปข้างหน้าได้ ระหว่างทางอาจจะมีความเห็นที่ไม่ตรงกันก็เป็นเรื่องที่พูดคุยกันได้ ฉะนั้นทุกคนต้องช่วยกัน