xs
xsm
sm
md
lg

สนช.ถกงบฯ 58 วาระ 2-3 วันที่ 16 กันยาฯ ขณะที่ คสช.เพิ่มงบฯกลางให้ 1.6 หมื่นล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“พรเพชร” นัดประชุม สนช.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 58 วันที่ 16 กันยาฯ วงเงิน 2.5 ล้านล้านบาท วาระ 2 และ 3 ขณะที่ คสช.เพิ่มงบกลางให้รัฐบาล 1.6 หมื่นล้านบาท กันเป็นเงินสำรองฉุกเฉิน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้นัดประชุม สนช.ในวันที่ 16 ก.ย.เวลา 13.00 น. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 วงเงิน 2.5 ล้านล้านบาทในวาระที่ 2 และ 3 หลังจาคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ที่มี พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ เป็นประธานได้พิจารณาเสร็จแล้ว

ในรายงานการพิจารณาของคณะ กมธ.ได้ระบุว่า มีสมาชิก สนช.ได้ใช้สิทธิ์อภิปรายในสภาในฐานะผู้เสนอคำแปรญัตติเพื่อขอปรับลดงบประมาณจำนวน 8 คน ได้แก่ นายกล้านรงค์ จันทิก นายตวง อันทะไชย นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม นายธานี อ่อนละเอียด นายมณเฑียร บุญตัน และ นายสมชาย แสวงการ และ นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน

ขณะที่ คณะกมธ.ได้มีการปรับลดงบประมาณเป็นจำนวน 16,823,680,500บาท โดยงบประมาณที่ถูกปรับลดมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ 1. งบกลาง ปรับลดจำนวน6,200,000,000 บาท 2. กระทรวงคมนาคม ปรับลด 1,659,626,700 บาท 3. รัฐวิสาหกิจ 1,081,124,500 บาท 4. กระทรวงมหาดไทย 1,048,672,700บาท และ 5.กระทรวงศึกษาธิการ919,317,400 บาท

ทั้งนี้ เม็ดเงินในงบประมาณของงบกลางที่ถูกปรับลดมีด้วยกัน 2 ส่วน คือ 1. ค่าใช้จ่ายการปรับเงินค่าตอบแทนของบุคลากรภาครัฐ 5,000,000,000 บาท และ 2. เงินสำรอง เงินสมทบ และเงินชดเชยของข้าราชการ จำนวน 1,200,000,000 บาท

อย่างไรก็ตาม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมให้กับงบกลางเป็นจำนวน 16,823,680,500 บาท โดยเป็นงบประมาณที่เพิ่มเข้ามาอยู่ในแผนงานบริหารเพื่อรองรับกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเงินสำรองจ่ายไว้สำหรับจัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็นแก่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ ที่มีบทบาทหน้าที่ต้องแก้ไขปัญหาเร่งด่วนที่เกิดขึ้นและใช้จ่ายตามความจำเป็นหรือสภาพเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นโดยมิได้คาดหมายและไม่สามารถประมาณการค่าใช้จ่ายที่แน่นอนได้

นอกจากนี้ คณะกมธ.ยังได้มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะต่อการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีของรัฐบาลพอสังเขปว่า งบประมาณรายจ่ายลงทุนของปีงบประมาณที่ผ่านมามีผลการเบิกจ่ายต่ำและมีรายการก่อสร้างที่ไม่สามารถทำสัญญาและเบิกจ่ายได้ทันภายในปีงบประมาณจำนวนมาก เนื่องจากขาดความพร้อมในการดำเนินงาน จึงควรกำหนดให้หน่วยงานต้องเตรียมความพร้อมตั้งแต่การจัดเตรียมสถานที่ก่อสร้าง การออกแบบก่อสร้างและการประมาณการค่าก่อสร้าง เมื่อได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้วจะต้องเร่งรัดกระบวนการประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้าง และทำสัญญาให้ได้ภายในช่วงไตรมาสของปีงบประมาณ โดยวงเงินค่าก่อสร้างจะต้องประมาณการตามปริมาณงานจริงของแบบก่อสร้างที่ได้ดำเนินการสำรวจและออกแบบแล้วเสร็จ

การเดินทางไปราชการต่างประเทศ ควรมีหลักเกณฑ์การจัดสรรงบประมาณที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เฉพาะกรณีที่มีความจำเป็นหรือกรณีที่มีพันธะผูกพันหรือข้อตกลงหรือกรณีเป็นภารกิจ โดยพิจารณาจำนวนคนและระยะเวลาการเดินทางตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยต้องเป็นบุคลากรผู้เกี่ยวข้องโดยตรงเท่านั้น

สำหรับการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณเพื่อเดินทางไปราชการต่างประเทศ ควรดำเนินการเฉพาะกรณีที่เป็นข้อผูกพันหรือความจำเป็นที่เกิดขึ้นระหว่างปีงบประมาณเท่านั้น และควรนำเทคโนโลยีการประชุมทางไกล มาใช้ในการประชุมระหว่างประเทศเพื่อประหยัดงบประมาณ สำหรับหน่วยงานที่มีการตั้งงบประมาณเดินทางไปราชการต่างประเทศในภารกิจเดิมเป็นประจำทุกปี ควรพิจารณาทบทวนโดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประโยชน์ที่จะได้รับอย่างแท้จริง

ส่วนการจ้างที่ปรึกษา ควรบูรณาการระหว่างหน่วยงานภายในกระทรวง หรือระหว่างกระทรวง เพื่อลดความซ้ำซ้อน และประหยัดงบประมาณ ควรเผยแพร่องค์ความรู้จากผลการศึกษาหรือผลการวิจัยที่ผ่านมาให้หน่วยงานต่างๆสามารถเข้าถึงและนำไปประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดร่วมกันได้ สำหรับหน่วยงานที่มีการจ้างที่ปรึกษาต่อเนื่องหลายปีควรปรับปรุงวิธีการดำเนินงานโดยใช้บุคลากรของหน่วยงานดำเนินการเอง และหากสาระสำคัญเป็นความลับของทางราชการไม่ควรจ้างที่ปรึกษาให้ดำเนินการเพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล


กำลังโหลดความคิดเห็น