โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นับเป็นที่สุดของการคอร์รัปชั่นในรอบ 82 ปี นับตั้งแต่ที่ประเทศไทยมีการเปลียนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย
การทุจริตโกงกินที่เกิดขึ้นในยุคเผด็จการทหารไม่มีกรณีไหนเทียบเท่ากับการโกงของรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยที่มาจากการหย่อนบัตรลงหีบเลือกตั้งของประชาชนอย่างโครงการจำนำข้าว เพราะการทุจริตคอร์รัปชั่นในอดีตส่วนใหญ่เป็นการโกง แบบกินตามน้ำ หาผลประโยชน์อันมิชอบกับโครงการที่มีอยู่แล้วในแผนงานของหน่วยงานรัฐ แต่โครงการจำนำข้าวเป็นโครงการที่ถูกออกแบบมาเพื่อการโกง โดยเฉพาะ โกงทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ
เป็นการโกงอย่างโปร่งใส คือ รัฐบาลไม่สนใจต่อเสียงคัดค้าน ทักท้วง ตลอดจนพยานหลักฐานข้อพิสูจน์เชิงประจักษ์ว่ามีการทุจริตโกงกินกันอย่างไร ที่หลายฝ่ายทั้งพ่อค้าข้าว นักวิชาการ สื่อมวลชน นำเสนอ กลับเดินหน้าทำโครงการต่อไป เหมือนจะท้าทายคนไทยว่า ด่าได้ด่าไป จะโกงเสียอย่าง ใครจะทำไม
โครงการรับจำนำข้าวนี้ นอกจากจะมีการทุจริต อย่างมโหฬารในทุกขั้นตอนแล้ว ยังเป็นโครงการที่ทำลายอุตสาหกรรมข้าวของประเทศไทย ซึ่งเคยเป็นที่หนึ่งของโลก ให้พังทลายลงภายในเวลาเพียงสองปี
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิด นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ว่า มีความผิดฐานละเลย ปล่อยให้มีการทุจริต ในโครงการรับจำนำข้าว และได้ส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด เพื่อยื่นฟ้องต่อศ่าลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่อัยการสูงสุดมีความเห็นว่า สำนวนของ ป.ป.ช. ยังไม่สมบูรณ์ จึงมีการตั้ง คณะทำงานร่วมอัยการ – ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาสำนวนกรสอบสวนเพิ่มเติม
โครงการจำนำข้าวมีขั้นตอนการดำเนินงานที่ซับซ้อน เป็นเรื่องเฉพาะที่ผู้ที่อยู่ในวงการข้าวเท่านั้นจึงจะเข้าใจ นับตั้งแต่ เริ่มต้นโครงการเมื่อสามปีก่อน ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ ทั้งพ่อค้าข้าว นักวิชาการ นักการเมืองฝ่ายค้าน ต่างให้ข้อมูล ทั้งที่เป็นข้อเท็จจริง และความเห็น ในเรื่องการทุจริตที่เกิดขึ้นและผลกระทบของโครงการ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเหล่านี้ กระจัดกระจาย และเกิดขึ้นต่างกรรม ต่างวาระ ในช่วงเวลาที่ยาวนาน ผู้ที่ไม่ได้ติดตามอย่างต่อเนื่อง อาจจะไม่เข้าใจ ภาพรวมทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้น
การให้การศึกษาแก่ประชาชนว่า คนโกง โกงอย่างไร เป็นเครื่องมือที่สำคัญอย่างหนึ่ง ในการต่อต้านการทุจริต คอร์รัปชั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการที่ถูกออกแบบมาเพื่อโกง อย่างมโหฬาร อย่างโครงการรจำนำข้าว สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องมีการบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ทางประวัติศาสตร์ ที่มิใช่เป็นเอกสารราชการ หรืออยู่ในสำนวนการสอบสวน คำพิพากษา แต่เป็นข้อมูล ที่ประชาชนทั่วไปเข้าถึง และเข้าใจได้ง่าย
เป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่ นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดพิษณุโลก ได้เขียนหนังสือ “มหากาพย์โกงข้าว” ชำแหละการโกงจำนำข้าวทุกขั้นตอน ตั้งแต่โกงต้นน้ำ โกงกลางน้ำ โกงปลายน้ำ โดยใช้รูปแบบ “เล่าเรื่อง” ด้วยภาษาง่ายๆ ชัดเจน และข้อมูล ขบวนการทุจริตทุกขั้นตอน
หมอวรงค์ เป็นคนหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญ ในการตรวจสอบ ขุดคุ้ยการทุจริตในโครงการจำนำข้าว แบบกัดไม่ปล่อย ในฐานะฝ่ายตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ข้อมูลที่เขาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน อภิปรายในสภา และในที่ตางๆ ล้วนแต่เป็นข้อมูลชั้นต้น จากพื้นที่และคนที่เกี่ยวข้อง นับเป็นองค์ความรู้ในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น ของนักการเมือง และข้าราชการ ที่มีการบันทึกอย่างเป็นกิจลักษณะ และเผยแพร่ต่อสาธารณชน
สังคมไทยไม่ควรปล่อยให้โครงการจำนำข้าวจบลงไป แต่เพียง การดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้อง แต่จะต้องให้นี้ โครงการจำนำข้าวนี้ เป็นกรณีศึกษา สำหรับประชาชน ให้รู้เท่าทันกลโกงของนักการเมืองที่เข้าสู่อำนาจ โดยการหย่อนบัตรเลือกตั้งของประชาชน
หนังสือ มหากาพย์โกงข้าว ได้เริ่มต้นภารกิจนี้แล้ว