ผ่าประเด็นร้อน
จะเรียกว่ามาได้ถูกจังหวะเวลาก็คงไม่ผิดนักสำหรับ ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดี สมกับเป็นนักการตลาด เรียกร้องความสนใจได้อย่างดีทุกครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน หลังจากกบดาน สงวนท่าทีการเคลื่อนไหวหลังจากเกิดการรัฐประหารยึดอำนาจของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จนมาถึงการมีรัฐบาลใหม่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และเพิ่งเข้าทำเนียบรัฐบาลครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 เดือน 9 ที่ผ่านมา แม้จะพยายามอธิบายว่า “ไม่เป็นทางการ” เพื่อเลี่ยงแง่มุมทางกฎหมาย แต่ในด้านการรับรู้ของชาวบ้านถือว่ารัฐบาล “ประยุทธ์ 1” เริ่มทำงานแล้ว
แน่นอนว่าในช่วงเวลานับตั้งแต่ 22 พฤษภาคม เป็นต้นมา บทบาทและความเคลื่อนไหวของ ครอบครัวชินวัตร ต้องถูกกำหนดเป็นเงื่อนไขให้ต้องลดลงไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ถูกรัฐประหารก็แทบไม่ปรากฏตัวออกมาให้เห็น แม้ว่าจะมีบ้างในบางโอกาส แต่นั่นก็มีเจตนามุ่งหวังให้ป็นข่าวแบบเนียนๆ เช่น ออกไปชอปปิ้ง ไปท่องเที่ยวตามแหล่งชุมชน แต่ก็แทบจะไม่มีการให้สัมภาษณ์แสดงท่าทีอะไรมากนัก
สอดคล้องกับคำพูดของ ทักษิณ ชินวัตร ที่ส่งผ่านทางคนสนิทที่เดินทางไปพบในต่างแดนให้รับรู้ว่า “ให้รอ”เนื่องจากที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติได้ประกาศให้สัญญาแล้วว่า จะใช้อำนาจเพียงแค่ปีเศษเท่านั้น ก่อนนำไปสู่การเลือกตั้ง ซึ่งหากพิจารณาจากระยะเวลาแล้วถือว่า “ไม่นาน”อีกทั้งที่ผ่านมาทั้งธุรกิจ และผลประโยชน์ต่างๆยังไม่ได้รับการแตะต้อง ทุกคนในครอบครัวยังอยู่ดีมีสุข มีเพียงแค่ถูกจำกัดการเคลื่อนไหวทางการเมืองเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆ
ดังนั้น แม้จะถูกจำกัดให้นิ่ง แต่ก็เป็นการนิ่งแบบชั่งคราวในระยะอันสั้น ซึ่งหากพิจารณาอีกด้านหนึ่งมันอาจเป็นผลดีด้วยซ้ำไป เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการกลับมามีอำนาจทางการเมืองผ่านทางการเลือกตั้ง เพราะเวลานี้เครือข่ายของ ทักษิณ ชินวัตร ยังมีอยู่ครบถ้วน ทั้งมวลชน มือไม้ที่เป็นข้าราชการทั้งที่เพิ่งเกษียณอายุราชการ หรือยังรับราชการอยู่ หลายคนอาจ “แกล้งตาย” เพื่อรอจังหวะ
ยุทธศาสตร์ที่สำคัญก็คือ “ปล่อยให้ คสช. และรัฐบาลแสดงฝีมือให้เต็มที่” จะได้ไม่เป็นข้ออ้างว่าถูกขัดขวางสร้างความปั่นป่วน เพราะเชื่อว่าด้วยระยะเวลาอันจำกัด ประกอบกับปัญหาสารพัดที่สุมกองอยู่คงทำให้ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เดินไปสู่เป้าหมายตามโรดแมปที่ประกาศเอาไว้ได้ยาก โดยเฉพาะเป้าหมายเรื่องการปฏิรูป และการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่อาจเป็นชนวนสร้างความขัดแย้งให้ปะทุขึ้นมาได้อีกทุกเมื่อ
อย่างไรก็ดี ในสภาพที่ตัวเองไม่สามารถกำหนดเงื่อนไข แต่ต้องเป็นผู้ทำตามเงื่อนไขดังกล่าว ทำให้พื้นที่ข่าวของ ทักษิณ ชินวัตร และคนในครอบครัวต้องหดหายไปจากความสนใจ แม้ว่าบางครั้งก็มีเจตนาให้เป็นแบบนั้น แต่ในทางการเมืองการไม่เป็นข่าว ไม่มีการเคลื่อนไหวออกมาให้สังคมได้เห็นมัยก็เกิดผลเสีย เช่นเดียวกัน อย่างน้อยก็มีผลกระทบกับฝ่ายสนับสนุนในระดับมวลชนพื้นฐานที่อยู่วงนอกต้องการรับรู้ผ่านสื่อ คนพวกนี้จะห่างหายเป็นเวลานานเกินไปไม่ได้
ดังนั้น จึงต้องมีการเคลื่อนไหวออกมาให้เห็นบ้าง เป็นระยะเหมือนคราวนี้ที่ใช้สื่อโซเชียลช่องทางของลูกชายตัวเองคือ พานทองแท้ ชินวัตร เป็นตัวกลางเชื่อมต่ออีกทีหนึ่ง โดยโพสต์ข้อความว่า “อีก 3 วันเค้าจะกลับมา” และ “อีก 2 วันจะหายคิดถึง” ซึ่งข้อความดังกล่าวมันก็สะทัอนออกมาให้เห๋นกันแบบโต้งๆ แล้วว่า “การกลับมาคราวนี้เพื่อให้หายคิดถึง” หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง
ขณะเดียวกัน ในเนื้อหาของการ์ตูน เรื่องตาดูดาวเท้าติดดินที่เป็นอนิเมชั่นเกี่ยวกับชีวประวัติของ ทักษิณ ชินวัตร และมีเพลงประกอบที่เนื้อหามีความหมาย เช่น “เคยมองไปบนฟ้า เห็นดวงดาราเรียงรายเป็นล้าน บอกใจไม่หยุดฝัน แม้ว่าเส้นทางจะยากจะหิน ใจมันจะโบยบิน สองเท้าย่ำดินเดินลุยต่อไป พากเพียรสู่จุดหมาย คว้าดาวแสนไกลไว้เป็นของเรา”
หรือ “อดทน เจ็บเก็บไว้ แพ้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ถ้าใจต้องการ หยัดยืนจนวันนั้น วันแห่งชัยชนะ ตาดูดาว เท้าติดดิน ทุกอย่างเป็นจริงด้วยพยายาม ตาดูดาว เท้าติดดิน นี่แหละทักษิณ ผู้ไม่ยอมแพ้ในโชคชะตา”
สำหรับคนที่ติดตามการเคลื่อนไหวของคนในครอบครัวมานานแบบรู้ทันได้ฟังแล้วอาจจะ “อ้วก” ออกมาด้วยความสมเพช แต่สำหรับมวลชนที่หลงไหลมันก็อีกอารมณ์หนึ่ง อย่างน้อยก็รอแบบมีความหวัง และสำเร็จตามที่เนื้อหาของเพลงได้ว่าเอาไว้
ดังนั้น หากพิจารณาในแง่ทางการตลาดก็เข้าใจได้ว่านี่เป็นเพียงอีกกลยุทธ์หนึ่งสำหรับ ทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องการสื่อสารไปถึงพวกเดียวกัน ให้อดทน ให้รอ เจ็บเก็บเอาไว้ เพื่อรอความสำเร็จในวันหน้า ขณะเดียวกัน ยังเป็นการชิงพื้นที่สื่อให้กลับมาบ้าง อย่างน้อยก็ไม่ใช่เงียบหายต๋อมไปเลย !!