ผลการประชุม คสช.แจงมาตรการลดค่าครองชีพ จับกุมยาเสพติด เดินหน้าตรวจสอบจับผู้บุกรุกที่หลวง ปราบปรามพวกทำลายป่าไม้ พร้อมวอนทุกฝ่ายเสนอปัญหาผ่าน ศูนย์ดำรงธรรม และ สปช. เพื่อแก้ไขอย่างเป็นระบบ
วันนี้ (1 ก.ย.) พล.อ.อักษรา เกิดผล ผู้อำนวยการส่วนงานการรักษาความเรียบร้อย สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุม คสช. โดยฝ่ายเศรษฐกิจฯ ได้รายงานถึงมาตรการลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการอยู่ได้แก่ จัดจำหน่ายสินค้าราคาประหยัด จำนวน 39 ครั้ง, โครงการจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จ 825 ร้านค้า, โครงการตรวจสอบและมอบมาตรฐานสถานีบริการน้ำมันเต็มลิตร 310 แห่ง รวมทั้งการเร่งจัดตั้งสถาบันพัฒนาศักยภาพข้าวร่วมกับทีดีอาร์ไอ สำหรับความคืบหน้าด้านยุทธศาสตร์สินค้าเกษตรรายพืชเศรษฐกิจ 4 ชนิด ได้แก่ ข้าวโพด มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน อ้อย ได้ตั้ง 4 คณะอนุกรรมการ แยกเป็นรายพืช เพื่อร่างแผนแก้ปัญหาทั้งระบบ โดยจะมีการเสนอแผนในอีก 2 สัปดาห์
สำหรับส่วนงานขึ้นตรงหัวหน้า คสช.ได้สรุปความคืบหน้าการปฏิบัติงานตาม “แผนแม่บทการแก้ไขปัญหาการทำลายทรัพยากรป่าไม้ การบุกรุกที่ดินของรัฐและการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน พ.ศ. 2557” โดย กอ.รมน. และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก ได้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อกำหนดโซนนิ่งและแนวเขตของพื้นที่ป่าไม้ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พุทธศักราช 2484 โดยจะเร่งดำเนินการกำหนดแนวเขตในเวลา 3 เดือน และยังได้เปิดอบรมการใช้สมาร์ทโฟนเพื่อตรวจสอบแนวเขตพื้นที่ป่าไม้ให้กับเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จังหวัด สามารถนำไปตรวจสอบการบุกรุกในพื้นที่ต้องสงสัยได้ทันที
ส่วนผลการปราบปรามและหยุดยั้งทำลายทรัพยากรป่าไม้ในห้วง ส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบการบุกรุกและถือครองที่ดินป่าสงวนอุทยานแห่งชาติในหลายพื้นที่ ได้แก่ การบุกรุกอุทยานแห่งชาติเกาะช้าง จ.ตราด พบว่ามีการบุกรุก 9 จุด ที่เป็นพื้นที่ที่ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิได้ มีขนาดตั้งแต่ 20-200 ไร่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบและดำเนินคดี, ป่าสงวนแห่งชาติป่าทับกวาง-ป่ามวกเหล็ก จ.สระบุรี ตรวจพบการบุกรุก 2 แห่ง โดยเป็นการนำพื้นที่ไปทำโครงการจัดสรรที่ดินขาย 1,000 ไร่เศษ และเข้าไปครอบครองที่ดินอีก 11 ไร่ ทั้งนี้การตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับการบุกรุก คสช.จะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ผู้ที่มีเอกสารสิทธิถูกต้องจะได้รับความคุ้มครอง แต่ผู้บุกรุกจะถูกดำเนินคดีทั้งทางอาญาและทางแพ่ง
ด้านฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ได้รายงานความคืบหน้าว่าได้เสนอร่างกฎหมายต่อ สนช. และผ่านการพิจารณาในวาระที่ 1 แล้ว จำนวน 11 ฉบับ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอเข้ารับการพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ในวันที่ 17 และ 18 กันยายนนี้ สำหรับในสัปดาห์นี้จะเสนอร่างกฎหมายต่อ สนช. อีก 5 ฉบับ ได้แก่ 1. ร่าง พ.รบ.การรับขนทางอากาศระหว่างประเทศ พ.ศ. ....., 2. ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. ...., 3. ร่าง พ.ร.บ.รับขนคนโดยสารทางถนนระหว่างประเทศ พ.ศ. ...., 4. ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ....) พ.ศ. ...., 5. ร่าง พ.ร.บ. มาตราช่าง ตวง วัด (ฉบับที่....) พ.ศ. ....
ส่วนผลการจับกุมยาเสพติดในห้วง ส.ค.นี้ จับกุมได้ 22,886 คดี ผู้ต้องหา 24,351 ราย ยาบ้า 2,914,312 เม็ด, เฮโรอีน 21 กรัม, ไอซ์ 31.08 กิโลกรัม, กัญชา 1,127.89 กิโลกรัม ยึดอายัดทรัพย์สินของผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด 180 ราย มูลค่า 107.37 ล้านบาท และจับกุมเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดตามข้อร้องเรียน 26 ราย พร้อมขยายผลเพื่อติดตามผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป ส่วนมาตรการตรวจค้นเรือนจำ สามารถยึดโทรศัพท์ได้ 603 เครื่อง ยาบ้า 1,176 เม็ด ยาไอซ์ 528 กรัม
ในช่วงท้ายการประชุม ประธานได้กำชับให้ทุกหน่วยทำงานอย่างต่อเนื่อง และเตรียมปรับอัตรากำลังพลที่ปฏิบัติงานใน คสช.ตามกรอบอัตราที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ให้รักษาสมดุลของการปฏิบัติงานภายใต้กรอบนโยบาย มาตรการ การสร้างความรับรู้ และการมีส่วนร่วมของประชาชน รวมถึงการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อเป็นการขับเคลื่อนตามโรดแมประยะที่ 2 ของ คสช. สำหรับการสานต่อเรื่องการสร้างความเข้าใจและแก้ไขปัญหาของภาคส่วนต่างๆ อย่างเป็นระบบนั้น ให้ทุกฝ่ายใช้ช่องทางที่เหมาะสม อาทิ การร่วมเวทีเสวนาแสดงความคิดเห็น, การมีส่วนร่วมในสภาปฏิรูปแห่งชาติ, การประสานข้อมูลและร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมในทุกจังหวัด หรือสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม โทร. 1567