xs
xsm
sm
md
lg

“ทักษิณ” เกาะขอบรั้วกดดันนิรโทษกรรม-ปรองดอง แลกอยู่นิ่ง 1 ปี!?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

จะเรียกว่าหาจังหวะออกมาเคลื่อนไหวแบบเหมาะเจาะได้ทุกที สำหรับ ทักษิณ ชินวัตร หลังจากก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคมต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ 10 สิงหาคมที่สังคมเฝ้าดูว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของเขาที่เดินทางไปท่องยุโรปและอเมริกาแล้วแวะไปร่วมงานวันเกิดว่าจะกลับมาตามกำหนดหรือไม่ ซึ่งก็กลับมา เพราะคดีความสำคัญยังมีเวลาให้ยื้อได้อีกนาน แต่ในเวลาเดียวกันก็ได้เห็นภาพเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งวันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับไทย ทั้งสองพี่น้อง คือ ทักษิณ และ ยิ่งลักษณ์ รวมทั้งน้องเขย คือสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็ยังชักรูปในลักษณะ “สามอดีตนายกฯ” มาให้เห็นพร้อมหน้าพร้อมตาที่สิงคโปร์

แม้ว่าการเดินทางมาสิงคโปร์ดังกล่าวจะเป็นที่คาดการณ์ได้หลายอย่าง ทั้งในเรื่องการเงิน การเซ็นเอกสารสำคัญทางธุรกรรมกับสถาบันการเงิน เพราะรับรู้กันอยู่แล้วว่า ทักษิณได้ลงทุนที่นั่นไม่น้อย อีกทั้งยังเป็นแดนสวรรค์ของนักลงทุนข้ามชาติที่ปกปิดข้อมูลลูกค้าได้ในระดับโลก รวมไปถึงเรื่องนัดหมายสำคัญกับบางคน หรือแม้แต่การมากดดันแบบหายใจรดต้นคออยู่ใกล้บ้านแบบนี้

แต่ตอนนั้นก็ไม่มีใครคิดมาก เพราะทุกสายตาล้วนจับจ้องไปที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าจะกลับไทยตามกำหนด หรือว่าเลื่อนออกไป แต่เมื่อเธอนั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของพี่ชายมาส่งที่สนามบินดอนเมืองในค่ำวันที่ 10 สิงหาคม แล้ววันรุ่งขึ้นก็จงใจเดินไปโชว์ตัวแกล้งช็อปปิ้งในห้างดังให้เป็นข่าวยืนยัน ทุกอย่างก็เงียบไป

ล่าสุด ทักษิณ ชินวัตร ก็ถูกจับตามองขึ้นมาอีก เมื่อปรากฏเป็นข่าวทางสื่อขึ้นมาพร้อมกันแบบ “มีรายงานข่าว” โดยอ้างว่าเป็นการเคลื่อนไหวของเขาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่คราวนี้เกิดขึ้นที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง บอกว่าเป็นการพบปะกับคนใกล้ชิด พวกอดีต ส.ส.อะไรพวกนี้ และในเนื้อข่าวยังรายงานว่า “ทักษิณสั่งให้คนในพรรคเพื่อไทย (น่าจะรวมไปถึงคนเสื้อแดงและฝ่ายสนับสนุน) อยู่นิ่งๆ อย่าขัดแข้งขัดขา ปล่อยให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ทำงานอย่างเต็มที่ หากผิดพลาดล้มเหลวก็จะได้รับผิดชอบไปเต็มๆ อีกทั้ง คสช.ก็อยู่ได้เพียงแค่ไม่เกิน 1 ปี เพราะถูกกดดันรอบข้างและต้องทำตามที่ได้ประกาศเอาไว้”

แต่เนื้อหาสำคัญที่ต่อเนื่องกันก็คือคำพูดที่บอกต่อมาว่า “หากให้อภัยและยอมความกันได้ก็ดี” ที่บอกว่าสำคัญก็คือ คำพูดแบบนี้ก็คือการส่งสัญญาณกดดันแบบมีเงื่อนไข ทำนองว่า “ต้องการให้มีการนิรโทษกรรมเพื่อความปรองดอง”

เมื่อรวมกับคำพูดตอนต้นที่ว่าให้อยู่นิ่งๆ ปล่อยให้ คสช.โชว์ฝีมือให้เต็มที่อย่างมากก็อยู่ได้ไม่เกินหนึ่งปี และหากพลาดหรือมีปัญหาก็จะได้ไม่ต้องมาโทษว่าถูกขัดแข้งขัดขา มันก็มองได้ว่าเขาขอต่อรองแบบให้สัญญาว่าจะอยู่นิ่งๆ เปิดโอกาสให้ทำงานเต็มที่ แต่ขณะเดียวกัน ขอให้ช่วย “ออกคำสั่งหรือเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมให้หน่อย”โดยอ้างความปรองดองของคนในชาติ เลิกแล้วต่อกันได้หรือเปล่า

แต่อีกด้านหนึ่งหากมองในทางลึกมันก็เหมือนกดดันทำนองว่า คสช.หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ในอำนาจได้แค่หนึ่งปี ก็ต้องปล่อยให้มีการเลือกตั้ง ขณะเดียวกัน ภายในระยะเวลาหนึ่งปีนี้ถ้าไม่มีการนิรโทษฯขึ้นมาแล้วละก็อาจ “อยู่ไม่นิ่ง” ได้หรือเปล่า!!

เมื่อพิจารณาจากระยะเวลาหลายอย่างบังเอิญว่าได้จังหวะพอดี นั่นคือเป็นช่วงครบ 3 เดือนของ คสช.(22 ส.ค.) สองคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งไปถึงมืออัยการสูงสุดนานหลายวันแล้ว เวลาในการพิจารณาสำนวนภายใน 30 วันว่าจะส่งฟ้องศาลหรือไม่ก็ใกล้ครบกำหนดชี้ขาดแล้ว คดีถอดถอนยิ่งลักษณ์ ที่ค้างมาตั้งแต่วุฒิสภาชุดก่อน สนช.ชุดนี้จะหยิบยกมาพิจารณาต่อหรือเปล่า รวมไปถึงจะร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ปิดทางพวกที่ถูกตัดสิทธ์ทางการเมือง-เคยโดนข้อหาทุจริตห้ามเข้าสู่การเมืองตลอดชีวิตด้วยหรือเปล่า

ช่วงเวลาแบบนี้กำลังเดินหน้า ทั้งการประชุม สนช.การมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ กำลังจะมีสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ที่สำคัญที่สุดอำนาจทุกอย่างอยู่ในมือของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ภายใต้ “กุนซือใหญ่” อย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่มีบทบาทสำคัญอยู่ข้างหลังว่าจะเลือกเดินแบบไหน หรือจะมาในแนว “เลิกทะเลาะกัน” บ้านเมืองขัดแย้งมาหลายปีแล้ว ต่อไปต้องเลิกทะเลาะกันหันหน้ามาปรองดองจับมือกันเดินไปข้างหน้าอย่างที่ย้ำอยู่หลายครั้งหรือเปล่า ถ้าออกมาในแนวนี้มันก็พอเห็นแววอยู่เหมือนกัน!!
กำลังโหลดความคิดเห็น