ประธาน คสช.เปิดงานเส้นทางปฏิรูปประเทศไทย “คิกออฟสภาฏิรูป” ระบุเป็นวันประวัติศาสตร์ พร้อมขอโทษที่ต้องมายืนจุดนี้ แต่จำเป็นต้องแก้ปัญหา ประเทศชาติจะก้าวไปข้างหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศงานเส้นทางการปฏิรูปประเทศ ที่ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรกองทัพบก ที่ถือว่าเป็นการคิกออฟสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จัดขึ้นโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เช้าวันนี้ (9 ส.ค.) โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะหัวหน้า คสช.เป็นประธานในพิธี มี พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการสูงสุด, พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ., พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วย ผบ.ทบ., พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. พร้อมหน่วยงานราชการ รวมทั้งภาคเอกชนและกลุ่มประชาชนทุกภาคส่วน ทยอยเดินทางมาร่วมงานดังกล่าวอย่างคึกคัก มีการแจกเอกสารแนวทางการสรรหาสมาชิก สปช. และรวมถึงตัวอย่างแบบฟอร์มต่างๆ ให้ผู้ที่สนใจได้รับไปเป็นแนวทางด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับตัวแทนของภาคการเมืองที่เข้าร่วม เช่น นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ แกนนำ กปปส. นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานกลุ่ม นปช. นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ แกนนำ นปช. นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายสาธิต ปิตุเตชะ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมาร่วมงานด้วย
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเปิดงานว่า ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วน วันนี้ถือว่าเป็นวันประวัติศาสตร์ เราไม่เคยมีการปฏิรูปในลักษณะเช่นนี้มาก่อน ต้องขอโทษทุกคนที่มายืนตรงนี้ เพราะเราเห็นความจำเป็นในการแก้ปัญหา สิ่งที่ต้องแก้ไขและบูรณาการประเทศชาติที่จะก้าวไปข้างหน้าต้องประกอบด้วย 3 เสาหลัก คือ ความมั่นคง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม โดยเฉพาะปีหน้าเราจะก้าวสู่ประชาคมอาเซียน เราต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบที่เป็นมา ในอดีตเราเดินไปแบบนั้นไปไม่ได้ ยากที่จะอธิบายให้คนทั้งโลกเข้าใจ แต่เราจะก้าวไปข้างหน้าด้วยการใช้สติปัญญาของคนไทย เราจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนโดยใช้สติปัญญาของคนไทยในการแก้ปัญหา เดินไปข้างหน้าของประเทศชาติให้เข้มแข็ง
วันนี้เราแบ่งเป็นหลายประชาคมโลก เราประเทศเดียวไม่มีน้ำหนักพอที่จะไปต่อสู้กับเขา ยิ่งเราทะเลาะเบาะแว้งกัน เขาก็คงไม่เอาเข้าไปอยู่ในประชาคมอาเซียน และทั้งหมดนี้ก็ด้วยทุกคนที่เป็นคนไทยที่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
“ที่เราเลือกวันนี้เป็นวันคิกออฟปฏิรูปเพราะเดือนนี้เป็นเดือนมหามงคล วันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ 82 พรรษา ผมเคยพูดไว้ว่าเราต้องมองไปข้างหน้า คือมองให้พ้นตัวเองก่อน มองว่าจะทำอะไรให้ประชาชนหรือให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ให้สังคมได้บ้าง ใครมีหน้าที่ตรงไหนก็ทำตรงนั้น ถ้าเรามองที่ตัวเราเองก่อนเราก็จะคิดอะไรไม่ออกว่าจะได้ตรงไหน คิดอย่างนี้ประเทศชาติไม่ได้อะไร
ผมไม่ได้เป็นคนเก่งหรือวิเศษกว่าท่าน แต่ผมมีจิตสำนึกอย่างนั้นและคิดว่าหลายคนก็มีจิตสำนึกดีๆ แต่มันติดขัดหลายอย่าง วันนี้เรามามุ่งตรงไปว่าผลประโยชน์ประเทศชาติอยู่ตรงไหน ผมเองก็ให้การสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลทุกรัฐบาลที่ผ่านมา แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นก็จำเป็นที่ผมจะต้องนำพาประเทศชาติให้เกิดความสงบสุขอย่างยั่งยืน
ปัญหาที่ผ่านมาเกิดจากการใช้อำนาจ มันมีความต่อเนื่องเชื่อมโยงหลายอย่างทำให้เกิดการเผชิญหน้าอย่างรุนแรง วันนี้ที่เราต้องอพยพคนมาจากลิเบีย เสียงบประมาณมหาศาล ผมถามว่าเราต้องการอย่างนั้นหรือ ถ้าต้องการอย่างนั้น ท่านก็เผชิญหน้ากันต่อไปเลย แต่ถ้าไม่ต้องการอย่างนั้น เราก็ต้องแก้ไข ในสถานการณ์ที่ปกติทหารมีกฎระเบียบในเรื่องของการใช้กำลัง ผมเดินตามกติกามาตลอด จนสุดท้ายมันไม่ได้ ท่านก็รู้ดีว่ามันไปไม่ได้ การพัฒนาประเทศไปไม่ได้ทุกด้าน รัฐบาลขับเคลื่อนประเทศไม่ได้ นี่คือปัญหาทั้งสิ้น ปัญหาการทุจริตก็ต้องให้ต่างฝ่ายตรวจสอบและตัดสิน ต่อสู้กันไป ผมเชื่อว่าทุกคนที่ทำงานขณะนี้มีความตั้งใจแต่อาจจะติดปัญหาบางประการ เราก็จะลดแรงกดดัน”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า นโยบายเศรษฐกิจที่ต้องเดินหน้าไปตลอดเวลา การใช้จ่ายงบประมาณยังคงต้องทำอยู่ โดย คสช.และทุกส่วนราชการ พยายามสร้างความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งในไทยและต่างประเทศ
สำหรับประเทศในกลุ่มยุโรป เช่น เยอรมนี ได้มีการทำความเข้าใจในสถานการณ์ด้านต่างๆ และด้านแรงงาน และความชัดเจนของ คสช.และรัฐบาลในอนาคตทางด้านเศรษฐกิจกับกรรมการบริหารสมาคมธุรกิจเยอรมันประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และได้ทราบว่าภาคธุรกิจขายปลีกของเยอรมนีมีความเข้าใจและมีปฏิกิริยาตอบรับในทางบวก
กลุ่มประเทศอาเซียนนั้น ห้วงที่ผ่านมาผู้บริหารระดับสูงของอินโดนีเซียได้แสดงความเข้าใจและพร้อมให้ความร่วมมือที่จะผลักดันเศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไป รวมทั้งมุมมองจากการสัมมนาของอดีตเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย พอจะสรุปที่เขากล่าวไว้ว่า “แนวทางประชาธิปไตยในรูปแบบตะวันตกอาจไม่ใช่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบ จึงไม่มีความจำเป็นที่ทุกประเทศต้องปฏิบัติตาม แต่ละประเทศควรหาแนวทางที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของแต่ละประเทศ ทั้งนี้โดยไม่ขัดแย้งต่อหลักการประชาธิปไตยของสังคมโลกมากนัก” อันนี้เคยเรียนแล้วว่าคนไทยต้องใช้สติปัญญาในการพัฒนาประชาธิปไตยของไทยว่าจะเดินหน้ากันไปอย่างไร ในขณะเดียวกันต้องได้รับการยอมรับจากโลกสากลด้วย
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานซึ่งกระทรวงคมนาคมได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์ไว้เป็นระยะเวลา 8 ปี 5 แผนงาน คำว่าแผนยุทธศาสตร์ คือ วางแผนระยะยาวเอาไว้ ทั้ง 5 แผนงาน 8 ปี ไม่ใช่สร้างทั้งหมดกี่ล้านล้านบาท ไม่ทราบเรื่องตัวเลข ตัวเลขตั้งแต่ 8 ปี ถ้าทำทีเดียวก็ต้องเป็นแบบนั้น จากนั้นจะนำแผนที่วางมาตัดตอนว่าจะปีไหน
“งบประมาณมาจากที่ไหน ยังไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น ก็บอกว่าเหมือนกัน เดี๋ยวก็มีการทุจริตตรงนั้น ตรงนี้ คนละขั้นตอน ขั้นตอนที่ไปทำ ไปจัดซื้อจัดจ้าง ไปตรวจสอบการทุจริต ไปว่ากันตรงโน้น ตรงนี้เป็นเรื่องของนโยบายเป็นเรื่องของการอนุมัติแผนงานโครงการระยะยาว ก็เหมือนที่เราวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ก็เดินไปทุก 5 ปี ก็เหมือนกันให้สอดคล้องกับแผนที่วางไว้”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าจะมีการเชื่อมโครงข่ายคมนาคมกับประตูการค้า เมืองหลัก กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ต้องเข้าใจทั้งชายแดน ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น ต้องต่อเนื่องเชื่อมโยง ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการให้บริการประชาชนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม
ประธาน คสช.กล่าวว่า เรื่องต่อไปที่เราเร่งให้ดำเนินการ คือ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งทางราง เพราะไม่มีการขนส่งใดที่มีค่าใช้จ่ายถูกกว่าการให้บริการทางราง ทั้งขนส่ง โดยสาร การบริการอื่นๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกนั้นก็เป็นเรื่องของทางน้ำ ทางบกใช้สิ้นเปลืองใช้งบประมาณสูง แต่ก็เป็นเรื่องที่จำเป็นทุกอย่าง
“ต้องทยอยทำไปตามแผนงาน จะไปหาเงินที่ไหนกันมา จะไปกู้หรือไม่ ใช้เงินงบประมาณในประเทศหรือไม่ ยังไม่ได้พูดถึง พูดถึงตัวเลขคร่าวๆ เท่านั้น ถึงเวลานั้นอาจจะถูกกว่านี้ แพงกว่านี้อีกก็ได้ ถ้าเราตีเส้นว่าจะเท่านี้เท่านั้น ทำอะไรไม่ได้ทั้งหมด ไปแยกขั้นตอนให้เป็น คิดให้ออก ให้เหมือนที่พวกเราคิด ท่านคิดได้ดีกว่าผมอยู่แล้ว ถ้าท่านไม่ฟังผม ท่านก็จะพูดของท่านไปเรื่อย และกลับมาที่เก่า ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในห้วงที่ผ่านมาตัวแทนหอการค้าสหรัฐฯ ในอาเซียน ได้เข้าพบหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ ได้ทราบถึงแนวทางพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทย ซึ่งจะอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนเป็นอย่างมากในอนาคต มีความพึงพอใจในสิ่งที่ คสช.ได้วางยุทธศาสตร์ไว้ในเรื่องของการคมนาคมและขนส่ง และรับว่าจะมีการนำไปประชาสัมพันธ์ในต่างประเทศ เพื่อให้มีการลงทุนค้าขายเพิ่มเติมกับเราต่อไป นั้นคือสิ่งที่เราจัดทำแผนงานเตรียมการยุทธศาสตร์
“ยุทธศาสตร์เป็นเรื่องใหญ่ เรื่องของประเทศ วางกรอบไว้ ถ้าทำงานไม่มียุทธศาสตร์ใหญ่ ก็ทำเป็นชิ้น ทำเป็นแผนย่อย เป็นโครงการย่อย ก็จะเป็นแบบเดิม ทุกเรื่องต้องมียุทธศาสตร์”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ลองกองในปีนี้ผลผลิตล้นตลาดแน่นอน มีการประชุมในคสช. เหมือนประชุมในลักษณะคณะรัฐมนตรี (ครม.) นำทุกพืชผลมาพูดกัน ข้าว ลองกอง มังคุด อ้อย มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์ม พูดหมด เดี๋ยวจะน้อยใจว่าพูดแต่เรื่องข้าวไม่พูดเรื่องอื่น พูดทุกเรื่อง รู้ว่าทุกเรื่องคือปัญหาและทุกอย่าง ทุกเรื่องก็แก้มาทุกรัฐบาล ก็แก้ระยะยาวไม่ได้ เดือดร้อนก็ Subsidize ลงไป นำเงินไปช่วยก็เป็นอยู่แบบนี้ 10 ปีหน้าก็เป็นแบบนี้
“วันนี้ทำให้เป็นระบบขึ้น ทุกอย่างต้องดูเรื่องการขนส่ง การจัดหาตลาด ควบคุมพ่อค้าคนกลาง รวมทั้งแปรรูปให้มีมูลค่าสูงขึ้น ส่งออกต่างประเทศได้ง่ายขึ้น มีคุณภาพ ไม่มีเชื้อโรค ไม่มีปลอมปน คืออย่าไปโกงใครเขา เวลาค้าขายกับต่างประเทศ มีคนบางกลุ่มบางพวกกะขายทีเดียวรวยแล้วเลิก แต่ประเทศชาติเสียหาย ไปกำจัดคนเหล่านี้ให้ได้ มีทุกกระบวนการ ส่งไปตรวจสอบดี แต่เวลาส่งจริงๆ ทั้งหมดมีปลอมปนลงไป ปิดบริษัทหนีไป เลิก ผมว่าคนแบบนี้ใช้ไม่ได้ อย่าให้มีอีก”
หัวหน้า คสช.กล่าวว่า ยางพารา ให้ไปดูความต้องการในประเทศ แต่วันนี้ในหลายประเทศปลูกยางมากขึ้น ประเทศใหญ่ๆ เขาไปปลูกที่อื่นแล้ว ไปสนับสนุนในประเทศอื่นๆ ประเทศไทยมีมากแล้ว ฉะนั้นถ้าไปปลูกที่อื่นค่าใช้จ่ายลดลง ถูกลง ราคายางต้องตกลง อยากให้พี่น้องสวนยางเข้าใจตรงนี้ด้วย และมาดูว่าจะทำอย่างไร เราจะลดต้นทุนลงไปได้ ท่านมีกำไรบ้างพอสมควร ไม่ใช่กำไรมากจนเกินไป อันนั้นเป็นการสร้าง Demand (อุปสงค์) เทียม ฉะนั้นต้องควบคุมทั้งอุปสงค์อุปทาน ถ้าไปตัดทั้ง อุปสงค์อุปทาน ต้องพอเพียงต่อกันและเป็นข้อเท็จจริง มีการสำรวจที่มีฐานข้อมูลที่ตรงกันที่ชัดเจนไม่โกหกกัน ถ้าแบบนั้นจะวางแผนได้ เราจะได้วางแผนและใช้เวลาแก้ไขวาง Road map ว่า เราจะแก้เรื่องยางอย่างไร พื้นที่ตรงนี้ควรจะปลูกเพิ่มหรือไม่ ในเมื่อปริมาณที่ต้องการในตลาดไทย ตลาดโลก ลดลงและเราจะปลูกไปและจะทำอย่างไร วันหน้าถ้าปลูกไปเรื่อยๆ เห็นรายได้ดี ก็มารุมกันปลูก ไม่ได้
“ฉะนั้นต้องมีการ Zoning แน่นอน Zoning นี้ ผมเตือนไว้แล้วว่าจะต้องมีการ Zoning ตั้งแต่วันนี้แต่จะบังคับใช้เมื่อใดไปว่ากันอีกที”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอสร้างความเข้าใจกันก่อนว่า ถ้าท่านบอกว่าอยากจะปลูกอันนี้ และท่านเรียกร้องว่าราคาต้องสูงแบบนี้ ไม่มีใครทำได้ในโลกนี้ ไม่มี ฉะนั้นค่อยคุยกัน ตรงไหนจะ Zoning ปลูกอะไร ตามความต้องการเท่าใด ตรงไหนจะต้องแปลงไปเป็นอะไร มีตั้งหลายอย่าง ปลูกพืชทดแทน ปลูกพืชหมุนเวียนหรือไปทำอุตสาหกรรมอย่างอื่น หรือยกระดับอุตสาหกรรมในท้องถิ่น โรงงานขนาดเล็กแปรรูป ยกระดับ
สำหรับเรื่องโรงน้ำตาลและอ้อยได้มีการขยายการปลูก เพราะอ้อยเป็นผลผลิตที่ทำรายได้ให้กับประเทศเป็นแสนล้านบาท และมีพื้นที่เป็นจำนวนมาก วันนี้หลายภาคส่วนอยากจะตั้งโรงงานน้ำตาลเพิ่ม ตนยืนยันไปว่าถ้าจะตั้งโรงงานน้ำตาลเพิ่ม ต้องอยู่ในระยะ 80 กิโลเมตร ของเดิมที่ตั้งมาแล้ว ระยะยังไม่ได้ ท่านต้องไปหาแหล่งปลูกอ้อยของท่านเอง ไม่อย่างนั้น ถ้าใครจะแย่งกัน ต้องอยู่ในระยะไม่เกิน 60 และจะทำอย่างไร ก็ต้องไปกดราคาของผลผลิตจากเกษตรกรใช่หรือไม่
“เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ผมยืนยันเหมือนเดิม 50 โรงให้กระทรวงอุตสาหกรรมไปตรวจแล้วว่า ถูกกี่โรง ที่เหลือจาก 80 โรง ถ้าไม่ถูกไปหาวิธีการแก้ไขให้เขาให้ได้ จะไปรื้อทิ้งคงจะไม่ได้ต้องไปหามาตรการ กฎหมายอะไรต่างๆ ก็ว่าไป และจะทำอย่างไรให้ขยายไปเปลี่ยนที่เพาะปลูกอ้อย มาเป็นเพาะปลูกข้าวแทน และส่งเสริมโรงงานที่ไม่มีวัตถุดิบได้หรือไม่ ประเภทตั้งใหม่ต้อง 80 กิโลเมตร”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า เรื่องการเจรจาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ โดยอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเดินทางไปเจรจาที่จีน มีผลการเจรจากลับมา เป็นข่าวดีคือ การส่งมอบข้าวตามสัญญาที่เหลือ 9 แสนตัน ทางจีนแจ้งว่าจะยังคงดำเนินการต่อไปทุกเดือน เดือนละ 8 หมื่นถึง 1 แสนตัน ตั้งแต่เดือนกันยายน 2557 ถึงกันยายน 2558 จริงๆ แล้วต้องส่งเขาล็อตที่ 2 แล้ว สำหรับกติกาเดิม ล็อต 1 ล็อต 2 วันนี้ล็อต 2 จีนเขาให้แก้ราคาใหม่ได้ ตามราคาท้องตลาดไม่อย่างนั้นราคาจะต้องต่ำกว่านี้ สำหรับล็อตแรก และนี่คือสิ่งที่เราทำ
“จีนสนใจการสั่งซื้อปลายข้าว โดยสั่งซื้อ 1 แสนตันในเดือน ส.ค. 2557 และเปิดโอกาสให้เราส่งตัวอย่างข้าว ที่เราไปตรวจมา แล้วที่ผ่านมาตรฐานดีที่สุด ดี ปานกลาง ต่ำ ให้เขาเลือกดูว่าเขาจะช่วยเราตรงไหนได้บ้าง ทางเราจะเสนอราคาให้จีนพิจารณาเพิ่มเติม ประเด็นสำคัญจีนมองว่า ข้าวเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมระหว่างไทย-จีน ซึ่งน่าชื่นใจ”
ด้านนายวีระกานต์กล่าวว่า ในส่วนของ นปช.ได้ติดตามข่าวสารการดำเนินงานด้านต่างๆ อย่างใกล้ชิด และยินดีที่จะได้ร่วมแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้