ผ่าประเด็นร้อน
อย่าคิดว่าการร่นเวลารายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จากเดิมทุกวันศุกร์เวลาประมาณ 20.15 น.มาเป็นทุกวันศุกร์เวลาประมาณ 17 .00 น.ตามคำแถลงเมื่อวันก่อนของทีมโฆษก คสช. พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง ซึ่งยืนยันว่าสาเหตุที่ต้องเปลี่ยนแปลงกำหนดเวลาดังกล่าวเป็นความต้องการของ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนส่วนใหญ่สามารถรับทราบผลการทำงานของ คสช.ได้ทั่วถึงมากขึ้น รวมทั้งสื่อก็สามารถรายงานนำเสนอออกไปได้อย่างเต็มที่ไม่ติดเงื่อนไขเรื่องเวลาเหมือนแต่ก่อน
ยืนยันไม่ได้เป็นเพราะเสียงบ่นเสียงไม่พอใจของคอละครหลังข่าว ที่กำลังจดจ่ออยู่กับรายการบันเทิงที่ชอบอย่างที่มีการพูดถึงแต่อย่างใด
ไม่ว่าจะเป็นเพราะสาเหตุใดก็ตามต้องยอมรับว่า การเลือกออกรายการคืนความสุขฯในช่วงวันศุกร์ เวลา 20.15 น.ถือว่าเป็น “เวลาดี” ที่ชาวบ้านเสร็จจากภารกิจประจำวันกำลังพักผ่อนดูทีวี และแน่นอนว่าในช่วงเวลาเดียวกันนั้นคนไทยส่วนใหญ่ที่เป็นระดับชาวบ้านไม่ว่าจนหรือรวยก็ต้องชื่นชอบละคร หรือรายการที่เรตติ้งสูงมักจะลงจอกันในช่วงเวลานี้พอดีเหมือนกัน แต่บังเอิญว่าบางครั้งเมื่อกำลังจดจ่ออยู่เรื่องที่ตัวเองกำลังลุ้นแบบตัวโก่ง กำลังอินอยู่กับละครว่านางเอกกับพระเอกมันจะได้กันหรือไม่ หรือจะเข้าใจผิดเพราะนางร้ายเข้ามาแทรกกลางหรือเปล่า คุณป้า คุณยายกำลังลุ้นกันแบบลืมปาดน้ำหมาก จู่ๆ ก็ตัดฉับมี “ลุงตู่” โผล่ขึ้นมา ครั้งสองครั้งอาจไม่เป็นไร แต่นานไปอาจมีปัญหาเหมือนกัน ยิ่งคนพูดมีสีหน้าเคร่งเครียด เรื่องที่พูดก็มีแต่เรื่องเครียด หนัก ตลอดรายการ มันก็ทำให้อารมณ์เปลี่ยนได้เหมือนกัน ดังนั้นเมื่อร่นเวลาขึ้นมาให้เร็วขึ้นมัยก็เหมือนเป็นการหาทางออกให้กับทุกฝ่าย วินวิน อย่างน้อยก็ไม่เสียลูกค้า
อีกด้านหนึ่งก็แสดงให้เห็นว่า เป็นการผ่อนความรู้สึก ยอมเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ยอมกันได้ ไม่เสียหาย ตรงกันข้ามผลสะท้อนกลับมาน่าจะเป็นทางบวกมากกว่าลบแน่นอน อย่างน้อยก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าไม่ยอมขัดใจ “รากหญ้า” ก็แล้วกัน
ดังนั้นเรื่องแบบนี้อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก เพราะนี่คือการเล่นกับความรู้สึกของสังคม ซึ่งที่ผ่านมาถือว่า เขา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังรักษาระดับ “ขวัญใจมหาชน” เอาไว้อย่างคงเส้นคงวา แม้ว่าจะมีเสียงขัดคอออกมาบ้าง แต่ก็ยังถือว่า “ไม่ระคายผิว”
อีกเรื่องหนึ่งที่หากโยงมาเป็นเรื่องเดียวกันได้ก็คือ คำสั่งให้กระทรวงการคลังพิจารณาปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการชั้นผู้น้อยที่มีวุฒิการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี และมีเงินเดือนไม่เกิน 9,000 บาท โดยเร่งให้ทันปีงบประมาณที่จะถึงนี้ นั่นคือในราวเดือนตุลาคมนี้เลย รวมไปถึงสั่งตรึงราคาสินค้าก็ต้องบอกว่าได้ใจไปอีกดอกใหญ่เต็มๆ
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากเรื่องอื่นๆก็ล้วนออกมาในทำนองเดียวกัน นั่นคือ “เน้นการครองใจมหาชน” อย่างที่เห็นในช่วงเข้ามาควบคุมอำนาจใหม่ๆ สิ่งแรกที่ลงมือทำก่อนก็คือ “จ่ายหนี้จำนำข้าว” ให้ชาวนา แม้ว่าเรื่องนี้ไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาลหรือผู้บริหารก็ต้องจ่ายอยู่แล้ว แต่เมื่อ คสช.มาได้ถูกจังหวะเวลาก็ต้องได้แต้มไปก่อน
แต่บางอย่างก็น่าสนใจน่าจับตาจนเป็นคำถามก็คือ ทำไมไม่แตะ “ทักษิณ ชินวัตร-เครือข่าย” เท่าที่เห็นอย่างมากก็แค่จัดการกับบรรดา “พวกลิ่วล้อปลายแถว” ไม่มีความหมาย และในทางกฎหมายก็ถือว่าผิดเต็มประตูอยู่แล้ว แต่กับ “ตัวการใหญ่” ดังกล่าวทำไมเฉย อย่างน้อยในเรื่องการเรียกมารายงานตัวตามหลักการ แม้รู้ดีว่าไม่มา แต่ทีคนอื่นทำไมถึงเรียก ติดตามมาดำเนินคดี หรือแม้แต่การเพิกถอนหนังสือเดินทาง ถอดยศ ริบเครื่องราชฯ เป็นผลมาจากคำพิพากษาจำคุกคดีถึงที่สุดแล้ว จนสร้างความแปลกใจไปทั่ว
แต่หากพิจารณาในมุมการเมือง มันก็อาจอธิบายได้ว่า “ยังไม่ถึงเวลา” หรือเปล่า เพราะไม่อยากให้สถานการณ์ “กระเพื่อม” จนป่วนขึ้นมาอีก หลังจากสามารถควบคุมทุกอย่างแบบเบ็ดเสร็จไปแล้ว และที่บอกว่าไม่ถึงเวลานั้นก็คือต่อไปรอให้กลไกปกติจัดการ ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยกล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้ก็ได้ นั่นคือปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมจัดการ แต่เมื่อถอดรหัสคำพูดของเขาออกมาก็อาจเข้าใจได้ว่า “หากอยู่ในประเทศก็ต้องถูกดำเนินคดี แต่หากไม่อยากถูกลงโทษก็ต้องหนีไป” เป็นคำนิยามเฉพาะสำหรับใช้กับ “คนแดนไกล” ซึ่งก็ต้องจับตากรณีของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของ ทักษิณ ชินวัตร ที่ได้รับโอกาสออกไปนอกประเทศว่าจะ “หนีไป” ซ้ำรอยหรือเปล่า
ดังนั้นหากพิจารณาในภาพใหญ่แบบต่อเนื่อง ทุกอย่างมันก็สอดรับกันพอดี เพราะนอกเหนือจากสองสามเรื่องดังกล่าว ที่มีทั้งได้ใจเอาใจชาวบ้าน การรักษาสถานการณ์ให้นิ่ง ระหว่างที่กำลัง “ทำการใหญ่” ในวันหน้า อาจจะเรียกว่า “ประชานิยมแนวใหม่” เป็นการสรุปบทเรียนในอดีตเพื่อครองใจ แต่ก็นั่นแหละมันก็ตัองขึ้นอยู่กับผลที่ออกมา ว่าเป็นของจริงแบบยั่งยืนหรือเปล่า เพราะหากเป็นแค่สร้างภาพฉาบฉวยคนจับได้ไล่ทัน มันก็อยู่ไม่นานหรอก แต่เอาเป็นว่า นาทีนี้สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังเดินไปข้างหน้า ส่วนจะอยู่ได้ยาวหรือเปล่า น่าติดตาม!!