"ศุภชัย" เผยยังไม่ได้คุยส่งใครนั่ง สปช. โยน 4 คนที่เหลือคว้าเก้าอี้ หาก คสช.ไม่เอาก็ไม่กระทบ "สมชัย" โบ้ยที่ประชุมเลือก คาด "บุญส่ง" ก็ขอบาย แย้มคุยกันพรุ่งนี้ "ประวิช" ไม่พูดเอาหรือไม่
วันนี้ (4 ส.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง หรือกกต. กล่าวกรณีที่สำนักกกต.จะใช้สิทธิในฐานะองค์กรนิติบุคคลเสนอชื่อบุคคล 2 คนเป็นผู้เหมาะสมเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ( สปช.) ให้คณะกรรมการสรรหาของคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้พิจารณาคัดเลือกเป็นสปช.ว่า กกต.ยังไม่ได้มีการหารือพูดคุยในเรื่องนี้ และยังกำหนดไม่ได้ว่าจะพูดคุยกันเมื่อใด อาจต้องประกาศของคสช.ในการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาเสียก่อน ซึ่งทางสำนักงานก็คงเสนอจำนวน 2 คนตามที่มีการเปิดโอกาส โดยจะเป็นการเสนอคนของกกต.เอง แต่ส่วนตัวหากมีการเสนอชื่อคงไม่รับ ซึ่งกกต.ที่เหลืออีก 4 คนถือว่ามีความรู้ ความสามารถเหมาะสมทุกคน และจะมีการเสนอชื่อในสัดส่วนของด้านใดใน 11 ด้านสื่อก็น่าจะทราบอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามเห็นว่าหากเสนอชื่อไปแล้ว ทางคณะกรรมการสรรหาไม่เลือกก็ไม่ได้กระทบกับความน่าเชื่อถือของกกต. เพราะทุกอย่างอยู่ที่คณะกรรมการสรรหา และคสช.จะพิจารณาว่าใครเหมาะสม
ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง ก็กล่าวถึงกรณีมีชื่อว่าเป็น 1 ในบุคคลที่จะถูกเสนอชื่อไปเป็นสปช.ว่า คิดว่ากกต.คงใช้สิทธิในฐานะนิติบุคคลหนึ่งเสนอผู้แทนเข้ารับการสรรหาเท่านั้น ส่วนจะเสนอชื่อใครนั้น ขึ้นอยู่กับที่ประชุมกกต.จะพิจารณา ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบร่วมกัน ไม่มีความแตกแยก และกกต.ท่านใดได้รับการเสนอชื่อก็จะไปเสนอประเด็นในเรื่องของการปฏิรูปการเลือกตั้ง ส่วนกกต.ที่เหลือไม่ได้รับการเสนอชื่อ ก็จะมีบทบาทในฐานะผู้สนับสนุน รวมทั้งอาจไปเป็นกรรมาธิการในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญในอนาคตได้
เมื่อถามว่า หากที่ประชุมกกต.เสนอชื่อให้เป็นรับการสรรหา จะรับหรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า เอาไว้สัมภาษณ์ตนที่ประชุมมีความเห็นแล้วดีกว่า แต่เท่าที่ทราบตัวประธานกกต.คงอยู่ที่กกต. เพื่อทำหน้าที่บริหารงานของสำนักงาน และอีกคนที่มีท่าทีไม่ประสงค์จะไปเป็นสปช คือนายบุญส่ง น้อยโสภณ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย ซึ่งอาจเป็นเพราะอยากทำงานด้านการปฏิรูปงานสืบสวนสอบสวนของกกต.ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยงานดังกล่าวก็ถือว่ามีความสำคัญไม่แพ้กัน ส่วนกกต.ที่เหลืออีก 3 คนมีความรู้ ความสามารถเท่าเทียมกัน เช่น นายประวิช รัตนเพียร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม ก็มีประสบการณ์ด้านการมีส่วนร่วม และประสบการณ์ทางการเมือง ขณะที่นายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ กกต.ด้านพรรคการเมือง ก็มีประสบการณ์ด้านพรรคการเมือง หากเข้าไปในสปช.ก็จะสามารถเสนอในการเรื่องของการปฏิรูปพรรคการเมืองให้มีความเข้มแข็งเป็นสถาบันทางการเมืองที่แท้จริง ส่วนตนก็มีประสบการณ์ด้านการจัดการเลือกตั้ง เห็นปัญหาการจัดการเลือกตั้งเป็นอย่างดี ถ้าเข้าก็จะช่วยออกแบบการจัดการเลือกตั้งของประเทศได้
นายสมชัย ยังกล่าวอีกว่า หากมีการเสนอชื่อไปแล้ว ทางคณะกรรมการสรรหา และคสช. ไม่เลือกตัวแทนของกกต.เข้าไปเป็นสปช. ก็ไม่น่าจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของกกต.เพราะในช่วงที่ไม่มีสภาปฏิรูป กกต.ก็ต้องทำหน้าที่ในการเสนอแนะ แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งไปยังสภาอยู่แล้ว แต่เมื่อมีสปช.ก็ถือเป็นโอกาสพิเศษ ซึ่งส่วนตัวแล้วคิดว่าเราต้องแยกในเรื่องอำนาจ 3 อำนาจ และองค์กรอิสระ ออกจากกัน โดยองค์กรอิสระไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอำนาจนิติบัญญัติแต่ในเรื่องนี้ถือเป็นโอกาสพิเศษที่เราต้องช่วยกัน ถ้าเราไม่ได้เข้าไปทำหน้าที่ก็คงไม่เป็นไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากไม่ได้รับเลือกจะน้อยใจหรืออไม่ เพราะมีกระแสข่าวว่านายประวิช และนายธีรวัฒน์ จะได้รับการเสนอชื่อเพราะมีประสบการณ์ และมีอาวุโสมากกว่า นายสมชัย กล่าวว่า ขอไม่แสดงความคิดเห็นแล้วแต่ที่ประชุมกกต. ซึ่งคาดว่าจะพูดคุยกันในวันพรุ่งนี้ ( 5 ส.ค.)
ขณะที่นายประวิช รัตนเพียร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม ก็ปัดที่จะตอบคำถามของสื่อมวลชนที่ถามว่าพร้อมจะรับตำแหน่งสปช.หรือไม่เพราะมีชื่อเป็นแคนดิเนต โดยกล่าวเพียงว่า ขอให้ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องนี้ก่อน