การสรรหาบุคคลเพื่อเข้ามาดำรงตำแหน่งสภาปฎิรูปแห่งชาติ (สปช.) นั้น ในส่วนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จะต้องมีการเสนอชื่อ กกต.จำนวน 2 คน ไปให้กับคณะกรรมการสรรหา สปช. ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)แต่งตั้งขึ้นนั้น แหล่งข่าวจาก กกต. เปิดเผยว่า วันที่ 5 ส.ค.นี้ กกต.ทั้ง 5 คน จะหารือเรื่องการเสนอชื่อตัวแทนจากกกต. จำนวน 2 คน ไปเป็นตัวแทนขององค์กร เพื่อเข้าสู่กระบวนการสรรหา สปช. โดยบุคคลที่เป็นตัวเต็งในการถูกเสนอชื่อคือ นายประวิช รัตนเพียร เนื่องจากเป็นผู้มีประสบการณ์ค่อนข้างมาก เคยเป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง อดีตส.ส.หลายสมัย ถือว่าเป็นผู้มีประสบการณ์ทางการเมืองยาวนาน และด้านองค์กรอิสระ ก็เคยเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ผลักดัน การขับเคลื่อนเรื่องการสร้างจริยธรรม คุณธรรม ส่วนตัวแทนอีก 1 คน คาดว่าจะเป็นการเลือกระหว่างผู้พิพากษา คือ นายธีรวัฒน์ ธีระโรจน์วิทย์ และนักวิชาการคือ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ซึ่งมีแนวโน้มว่า นายธีระวัฒน์ จะได้รับการเสนอชื่อให้เป็นตัวแทนของ กกต. ในครั้งนี้ เพราะมีประสบการณ์ด้านตุลาการ มาอย่างโชกโชน
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. กล่าวถึง ความรู้สึกที่มีต่อสภาปฎิรูปฯ ว่า คิดว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีความตั้งใจที่จะผลักดันขบวนการปฏิรูป เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชน และเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ คสช. กำลังจะจัดให้มีสภาปฏิรูป เพื่อทำการนี้โดยเฉพาะ ถือว่าขบวนการเริ่มมีความเป็นรูปธรรมมากขึ้น เรื่องบุคคลที่จะไปดำรงตำแหน่งในสภาฯนั้น คิดว่าคงต้องปล่อยให้เป็นดุลพินิจของ คสช. ในฐานะที่เป็นฝ่ายที่ต้องรับผิดชอบผลลัพธ์ต่างๆ จากขบวนการนี้ เราคงเฝ้าติดตามผลงานที่ออกมามากกว่า ดังนั้น ถ้าดูแล้วว่า คสช. มีความตั้งใจและมีการเริ่มต้นที่เป็นรูปธรรม ก็ควรที่จะให้โอกาสทำงาน ก่อนมาวิพากษ์วิจารณ์ จากนั้นจึงมาดูผลงานกันดีกว่าครับ
นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่า สำหรับแกนนำ กปปส. ถ้าถามความเห็นส่วนตัว เห็นว่าคงไม่มีความจำเป็นที่จะเข้าไปเป็นสมาชิกอยู่ในสภาฯ ยกเว้น กลุ่มนักวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญ เพราะเป็นหน้าที่ตามที่ได้สัญญากับมวลมหาประชาชนว่า จะผลักดันการปฏิรูปอยู่แล้ว และยินดีที่จะให้การสนับสนุนอย่างสร้างสรรค์เต็มที่ เพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม ครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่เราคนไทยจะร่วมมือกันอย่างสร้างสรรค์ เพื่อความก้าวหน้า
ของประเทศไทย
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงการเสนอชื่อบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็นสปช.ว่า เรื่องนี้ได้มีการหารือกันกับผู้บริหารภายในพรรคแล้ว และตัดสินใจกันว่า ทางพรรคจะไม่เสนอชื่อบุคคลเข้าไป เพื่อรับการสรรหาเป็นสมาชิก สปช. เนื่องจากในสายตาของประชาชนที่มองพรรคการเมือง และการเมืองขณะนี้คือตัวปัญหาที่ทำให้เกิดความวิกฤตความขัดแย้งทั้งหมด เป็นจำเลยของสังคมอยู่ จึงไม่ไว้วางใจพรรคการเมือง และนักการเมืองหากจะเข้ามาเป็นสมาชิกสปช. เพราะกังวลว่า พรรคการเมืองและนักการเมืองที่เข้าไปจะทำ เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองอีกหรือไม่ ฉะนั้น เรื่องนี้พรรคจึงขอทำหน้าที่ให้การสนับสนุนให้การปฏิรูปประสบความสำเร็จอยู่ ข้างนอก ไม่อยากให้เกิดผลเสียกับ สปช.
อย่างไรก็ตาม แม้พรรคจะไม่ได้ส่งตัวแทนเข้าไป แต่หากสปช.หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะขอคำปรึกษาเข้ามา ทางพรรคยินดีให้การสนับสนุน ทั้งข้อมูล ความคิดเห็นอย่างเต็มที่ ส่วนพรรคการเมืองอื่นๆ ควรจะยึดบรรทัดฐานเดียวกันนี้หรือไม่ ตนไม่ขอก้าวล่วง เพราะแต่ละพรรค มีแนวทางที่แตกต่างกัน
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. กล่าวถึง ความรู้สึกที่มีต่อสภาปฎิรูปฯ ว่า คิดว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีความตั้งใจที่จะผลักดันขบวนการปฏิรูป เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชน และเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ คสช. กำลังจะจัดให้มีสภาปฏิรูป เพื่อทำการนี้โดยเฉพาะ ถือว่าขบวนการเริ่มมีความเป็นรูปธรรมมากขึ้น เรื่องบุคคลที่จะไปดำรงตำแหน่งในสภาฯนั้น คิดว่าคงต้องปล่อยให้เป็นดุลพินิจของ คสช. ในฐานะที่เป็นฝ่ายที่ต้องรับผิดชอบผลลัพธ์ต่างๆ จากขบวนการนี้ เราคงเฝ้าติดตามผลงานที่ออกมามากกว่า ดังนั้น ถ้าดูแล้วว่า คสช. มีความตั้งใจและมีการเริ่มต้นที่เป็นรูปธรรม ก็ควรที่จะให้โอกาสทำงาน ก่อนมาวิพากษ์วิจารณ์ จากนั้นจึงมาดูผลงานกันดีกว่าครับ
นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่า สำหรับแกนนำ กปปส. ถ้าถามความเห็นส่วนตัว เห็นว่าคงไม่มีความจำเป็นที่จะเข้าไปเป็นสมาชิกอยู่ในสภาฯ ยกเว้น กลุ่มนักวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญ เพราะเป็นหน้าที่ตามที่ได้สัญญากับมวลมหาประชาชนว่า จะผลักดันการปฏิรูปอยู่แล้ว และยินดีที่จะให้การสนับสนุนอย่างสร้างสรรค์เต็มที่ เพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม ครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่เราคนไทยจะร่วมมือกันอย่างสร้างสรรค์ เพื่อความก้าวหน้า
ของประเทศไทย
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงการเสนอชื่อบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็นสปช.ว่า เรื่องนี้ได้มีการหารือกันกับผู้บริหารภายในพรรคแล้ว และตัดสินใจกันว่า ทางพรรคจะไม่เสนอชื่อบุคคลเข้าไป เพื่อรับการสรรหาเป็นสมาชิก สปช. เนื่องจากในสายตาของประชาชนที่มองพรรคการเมือง และการเมืองขณะนี้คือตัวปัญหาที่ทำให้เกิดความวิกฤตความขัดแย้งทั้งหมด เป็นจำเลยของสังคมอยู่ จึงไม่ไว้วางใจพรรคการเมือง และนักการเมืองหากจะเข้ามาเป็นสมาชิกสปช. เพราะกังวลว่า พรรคการเมืองและนักการเมืองที่เข้าไปจะทำ เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองอีกหรือไม่ ฉะนั้น เรื่องนี้พรรคจึงขอทำหน้าที่ให้การสนับสนุนให้การปฏิรูปประสบความสำเร็จอยู่ ข้างนอก ไม่อยากให้เกิดผลเสียกับ สปช.
อย่างไรก็ตาม แม้พรรคจะไม่ได้ส่งตัวแทนเข้าไป แต่หากสปช.หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะขอคำปรึกษาเข้ามา ทางพรรคยินดีให้การสนับสนุน ทั้งข้อมูล ความคิดเห็นอย่างเต็มที่ ส่วนพรรคการเมืองอื่นๆ ควรจะยึดบรรทัดฐานเดียวกันนี้หรือไม่ ตนไม่ขอก้าวล่วง เพราะแต่ละพรรค มีแนวทางที่แตกต่างกัน
