xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” ยันไม่คิดเสวยอำนาจ สนช.ทหารเยอะอย่าด่วนติงวอนดูผลงานก่อน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ประยุทธ์” ตัดพ้อหากคิดเสวยอำนาจ-โกยผลประโยชน์คงบริหารโดย คสช. ไปแล้ว ปัดโควตา สนช. ชี้ทหารเยอะคัดสรรมองภาพรวมในห้วงที่ไม่ปกติ วอนรอดูผลงานก่อนอย่าเพิ่งติ พร้อมเปิดสโมสรทัพบก9ส.ค.เชิญทุกฝ่ายร่วมแนะปฏิรูป ยันไม่เข้าไปยุง รับปากจะรักษาวินัยการเงินการคลังให้ได้



วันนี้ (1 ส.ค.) เมื่อเวลา 20.25 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ว่า หลังมีรัฐธรรมนูญชั่วคราวหลายคนวิจารณ์ว่า คสช.ต้องการใช้อำนาจ หรือว่าต้องการผลประโยชน์ ถ้าคิดอย่างนั้น คสช.ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องจัดตั้งรัฐบาลเลย คงบริหารโดย คสช.แบบระยะแรกไปแล้ว ยืนยันว่าเราไม่ได้มุ่งหวังจะใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ เราต้องการใช้เพื่อให้การปฏิรูปดำเนินต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดผลสัมฤทธิ์ การให้อำนาจของ คสช. อยู่ในบางเรื่อง เพราะมีความจำเป็นในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายมีการเลือกตั้งโดยเร็ว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงโรดแมประยะที่2 ว่า ต้องใช้เวลา หลังจากมีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว กว่าจะเลือกตั้ง คัดสรร โปรดเกล้าฯ ถึงจะได้สภาปฏิรูปฯ จึงจะเริ่มทำงานได้ ดังนั้นอย่าเพิ่งตำหนิรอดูกันก่อน วันนี้ยังต้องบริหารราชการแบบไม่ปกติอยู่ระยะเวลาหนึ่ง ถ้ามีรัฐบาล มีรัฐธรรมนูญชั่วคราว มี ครม. ถือว่าเป็นประชาธิปไตยเหมือนกัน เรานำประชาธิปไตยแบบสากลมามาก อาจจะต้องมีประชาธิปไตยแบบไทยชั่วคราวไปก่อน

ส่วนการตั้ง 200 สนช. ยืนยันว่าไม่มีโควตา เป็นการให้ทุกกลุ่มทุกฝ่ายเสนอชื่อมา ถ้าไม่บอกว่าเสนอมา 10 คน 20 คน มาคัดเลือกกัน ก็จะเสนอกันมาเป็นพัน ตนถึงบอกว่าตรงนี้เสนอมา 20 30 40 ทั้งหมดก็มาคัดกัน ได้เท่าไหร่ไม่รู้เป็นเรื่องของคณะกรรมการที่จะต้องพิจารณาในภาพรวม จะมีทหารมากน้อยก็เป็นเรื่องธรรมดา เป็นห้วงที่ไม่ปกติ ถ้าปกติก็ทะเลาะกันเหมือนเดิม

ขณะที่ด้านการปฏิรูปนั้น ทุกคนยังมีส่วนร่วมได้ตลอดเวลา ในการที่จะไปทำกฎหมาย ในการที่จะร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ขอให้ทุกคนเตรียมการให้พร้อม อย่าบอกว่าไม่ชอบไม่เห็นด้วย ไม่เข้ามาดีกว่า เขียนรัฐธรรมนูญชั่วคราวไปแล้ว เราต้องทำตามนั้น คสช. จะไม่เข้าไปชี้นำในสภาปฏิรูป เป็นเรื่องของท่าน ท่านต้องมาทำกันให้ได้ โดยเราจะเปิดให้แนะนำวันที่ 9 สิงหาคม 2557 ณ สโมสรกองทัพบกวิภาวดีรังสิต ขอเชิญทุกภาคส่วนที่ต้องเกี่ยวข้องทั้ง 11 กลุ่มจากตัวแทน หรือใครอยากจะมาร่วมก็เชิญด้วย จะได้มาร่วมมือร่วมใจกัน ในการจะปฏิรูปกันต่อไป

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงประเด็นการเงินการคลัง ว่า จะรักษาวินัยการเงินการคลังให้ได้ พยายามไม่เกิดหนี้สาธารณะ แม้วันนี้จะอนุมัติงบฯให้กระทรวง ทบวง กรม นำไปบริหารจำนวนมากก็ตาม เราจะมีการตรวจสอบและตัดลดโครงการต่างๆ ที่เห็นว่ามีปัญหาเรื่องความโปร่งใส ไม่คุ้มค่า ไม่ได้เอื้อประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งในงบประมาณประจำปี 2557 ครั้งที่ 2 เราสามารถปรับลดวงเงินลงได้ถึง 6,314.74 ล้านบาท

“คนที่ทำผิดกฎหมายหมิ่นประมาท มาตรา 112 ว่า ต้องยอมรับว่าตัวเองนั้นทำจริง ถ้าไม่ได้ทำจริงลงโทษไม่ได้อยู่แล้ว เพราะต้องผ่านกระบวนพิจารณาหลายขั้นตอน ขอความร่วมมือกับทุกท่านช่วยกัน ทำอย่างไรให้สถาบันอยู่ในจุดที่เหมาะสม และปลอดภัย จากการที่จะนำมาเป็นข้ออ้างเพื่อจะทำลายกัน ชาวต่างชาติอาจจะยังไม่เข้าใจสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย พระองค์ท่านทรงอยู่เหนือการเมือง อยู่เหนือทุกอย่าง อันนี้ก็ต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจด้วย”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงโครงการรับจำนำข้าว ว่า เราน่าจะดีใจที่ข้าวเสียน้อย เพราะถ้าเสียมากมูลค่าก็ลดลง ราคาก็ตก ของก็เสีย ขายก็ไม่ได้ รัฐจะไม่ได้เงินคืน ส่วนเรื่องใครทุจริตผิดกฎหมายอย่างไรก็ไปว่าในกันในกระบวนการยุติธรรม ทุกขั้นตอนมีการตรวจสอบทั้งหมด ถ้าข้าวไม่ครบ คนที่รับผิดชอบในส่วนนี้ก็รับผิดชอบไป ถ้าในขั้นตอนการขายคนที่ขายก็รับผิดชอบไป หรือการรับจำนำข้าวบกพร่อง ทุจริตก็รับผิดชอบ บางคนอาจจะต้องรับผิดชอบตั้งแต่ต้นก็ได้ แล้วแต่กระบวนการยุติธรรม

อย่างไรก็ดีในส่วนของการดำเนินการจับกุมคดีต่างๆ คสช.ไม่สามารถจะไปบังคับให้จับใคร หรือจะไปเลือกจับรายเล็กก่อน จับรายใหญ่ทีหลังไม่ได้ ไม่มีการเลือกข้างเลือกฝ่าย ไม่มีปลาใหญ่ ปลาเล็กปลาน้อยอะไรทั้งสิ้น ทุกอย่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายกฎหมาย เขาดำเนินการไปตามข้อเท็จจริง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่าบ้านเมืองเรามีปัญหามายาวนาน ระบบประชาธิปไตยที่เราเลือกตั้งกันมา ที่ว่าดีแล้วไม่สามารถแก้ปัญหาได้ วันนี้มันถึงต้องมี คสช.ไง ถ้าหากเป็นห่วงว่าออกอะไรมากๆไป มีกฎหมายมากไป วันหน้าจะอยู่ยังไง เราจะปกครองได้ยังไง เราจะเข้ามาบริหารได้ยังไง จะมีผลประโยชน์ได้อย่างไร หากคิดได้เท่านี้ตนถือว่าไม่น่าใช่คนไทย คนไทยต้องเอาประเทศชาติมาก่อน หรือถ้ายังกังวลว่าต่อไปวันข้างหน้าไม่มีนโยบายเรื่องประชานิยมแล้ว พรรคจะไม่ได้คะแนนเสียง ประชาชนจะไม่เลือก ตนว่ามันมีวิธีการตั้งร้อยแปดพันเก้าวิธีที่จะทำให้ประชาชนเลือก ไม่ต้องกลัวหรอกถ้าทำดีคนเขาเลือกแน่นอน

   คำต่อคำ : คืนความสุขคนในชาติ 1 สิงหาคม 2557

สวัสดีพ่อแม่พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักทุกท่าน วันนี้มาพบกันอีกครั้งนะครับ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเราได้มีการพบปะพูดคุยกันหลายครั้งแล้ว ก็อยากจะกราบเรียนทุกคนที่กรุณาฟังมาโดยตลอด ก็ขอกรุณาช่วยชี้แจงเพิ่มเติมให้กับผู้ที่ไม่ได้ฟังด้วย จะได้ทำความเข้าใจด้วยกัน ก้าวหน้า เดินขับเคลื่อนประเทศไปด้วยกัน

วันนี้ก็กว่า 2 เดือนแล้ว ที่ คสช.ได้เข้ามาบริหารประเทศ วันนี้สถานการณ์โดยรวม ทั้งด้านการเมือง และชีวิตความเป็นอยู่ของพ่อแม่พี่น้องชาวไทยก็ดูมีความสงบเรียบร้อยดี มีรอยยิ้ม อยู่ในพื้นที่ทุกพื้นที่ ถึงแม้ว่าจะมีปัญหาในเรื่องของการทำมาหากินอยู่บ้าง แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเรามองย้อนกลับไปก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 นั้น พวกเรายังคงจำได้ว่ามีเหตุการณ์ความวุ่นวายต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ความขัดแย้ง การชุมนุม ประชาชนไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข มีการใช้ความรุนแรง มีการใช้อาวุธสงครามต่อกัน ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมากพอสมควร มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง มีการใช้สื่อสร้างความเกลียดชังระหว่างกัน คนไทยด้วยกัน เพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมืองและทางด้านอื่นๆ ด้วย ทำให้ทรัพย์สินและประชาชนเสียหาย เศรษฐกิจของประเทศประสบปัญหา มีทั้งเรื่องของความโปร่งใส ไม่โปร่งใส การทุจริตคอร์รัปชันในภาครัฐ ภาคเอกชน ที่ร้ายแรง รัฐบาลไม่สามารถให้การบริการประชาชนได้ ในเรื่องพื้นฐานต่างๆ อย่างเต็มที่ และประเทศเรานั้นสุ่มเสี่ยงต่อการเข้าสู่สภาวะรัฐล้มเหลว หรืออาจจะเกิดจลาจล หรือสงครามกลางเมืองได้ตลอดเวลา สิ่งเหล่านั้นอยู่กับพวกเรามาตลอดระยะเวลาประมาณกว่า 10 ปีมาแล้ว ประมาณปี 2549 และก่อนหน้านั้นอีก ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นมันมาจากหลายประการด้วยกัน ประเด็นสำคัญคือในเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชัน การขาดคุณธรรม จริยธรรม ความขัดแย้งทางด้านความคิด อุดมการณ์ทางด้านการเมืองที่แตกต่างกันออกไป และอื่นๆ เรื่องเหล่านี้พี่น้องทุกคนคงทราบดีนะครับ เราจะมาช่วยกันแก้ไข

การแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่ลืมไปแล้วว่า มีการฝังรากลึกมาเป็นเวลาหลายปี เราต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวด ในการที่จะแก้ไขโดยอาศัยความตั้งใจที่แน่วแน่ ความร่วมแรงร่วมใจจากพี่น้องประชาชนคนไทยทุกท่าน ทุกภาคส่วนที่จะต้องมุ่งมั่นทุ่มเทกัน เพื่อให้ประเทศของเรากลับมาเป็นประเทศที่น่าอยู่ ประชาชนมีความสุข มีระบบการเมืองการปกครองที่เป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ และเอื้อประโยชน์ต่อทุกกลุ่มทุกฝ่ายอย่างทั่วถึง และเท่าเทียม

การดำเนินงานของ คสช.ปัจจุบันนั้นอยู่ในระยะที่ 2 ตามโรดแมปคือ การประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว และการเดินหน้าการปฏิรูปประเทศ ซึ่งมีหลายประเด็นด้วยกัน ที่จะเรียนให้พี่น้องประชาชนทราบนะครับ

เรื่องแรก เรื่องอำนาจตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว คสช.ก็ยืนยันเหมือนเดิม ว่าเราไม่ได้มุ่งหวังจะใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ เราต้องการใช้เพื่อให้เกิดการปฏิรูปดำเนินการต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพให้เกิดผลสัมฤทธิ์ จะเห็นได้ว่าในระยะที่ 1 ที่ผ่านมานั้น คสช.ใช้อำนาจอย่างระมัดระวัง โดยใช้เท่าที่จำเป็น แล้วก็ไม่ให้กระทบกับสิทธิเสรีภาพของประชาชนโดยรวมมากนัก การดำเนินการต่างๆนั้น เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน เคารพศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ และดำเนินการทุกอย่างให้เป็นไปตามโรดแมปที่ได้วางไว้ และได้สัญญาไว้กับพ่อแม่พี่น้องประชาชนไว้ตลอดมา

การที่มีอำนาจของ คสช.อยู่ในบางเรื่องนั้น ก็อาจจะมีความจำเป็นในสถานการณ์ที่ไม่ปกตินะครับ เพราะเรามีเวลาจำกัดที่จะต้องเร่งเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย เพื่อให้มีการจัดการเลือกตั้งได้โดยเร็ว

ในเรื่องต่อไป คือเรื่องของการเคลื่อนไหวต่อต้าน ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ที่เป็นประเด็นในเวลานี้ ก็คือในเรื่องของมาตรา 112 นะครับ ก็ขอความกรุณาให้แยกแยะออกจากกันได้ว่า ประชาชนทั่วไป เราก็มีกฎหมายปกติ คือกฎหมายหมิ่นประมาท สำหรับสถาบันเราซึ่งเป็นสถาบันที่เคารพนับถือ ก็ถือว่าพวกเราต้องดูแลครับ ไม่ว่าจะทำอย่างไรให้สถาบันอยู่ในจุดที่เหมาะสม และปลอดภัย จากการที่จะนำมาเป็นข้ออ้างเพื่อจะทำลายกัน

สำหรับใครที่ทำความผิดใครที่ไปกล่าวร้าย ใครที่ทำผิดกฎหมายก็ต้องยอมรับว่าตัวเองนั้นทำจริง ถ้าทำไม่จริงก็ลงโทษไม่ได้อยู่แล้ว เพราะกระบวนการมีหลายขั้นตอนด้วยกัน แต่การร้องทุกข์กล่าวโทษ การพิจารณาของคณะกรรมการจะฟ้องหรือไม่ฟ้องก่อนจะส่งอัยการ เมื่อส่งอัยการขึ้นไปแล้วก็จะมีคณะทำงานของกระทรวงยุติธรรมดูอีก ทั้งนี้ เป็นไปตามพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยรับสั่งไว้อยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีคนที่คอยจะละเมิด คอยที่จะไม่เข้าใจ คอยที่จะนำมาใช้ประโยชน์ในการให้ร้ายซึ่งกันและกัน มันต้องมีการพิสูจน์ทราบว่าใครทำจริงไม่ทำจริง ถ้าไม่ทำหรือทำโดยไม่เจตนา ผมว่ากฎหมายก็มีข้อยกเว้นให้ หรือมีข้อพิจารณาเป็นพิเศษให้อยู่แล้ว ก็ขอความร่วมมือกับทุกท่านด้วย ก็ต่างชาติอาจยังไม่เข้าใจสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย พระองค์ท่านทรงอยู่เหนือการเมือง อยู่เหนือทุกอย่าง มันอยู่ที่คนจะทำให้ท่านทรงเสื่อมเสีย อันนี้ก็ต้องช่วยกันระมัดระวังและสร้างความเข้าใจด้วย

ในส่วนการปฏิบัติงานของ คสช.ที่ผ่านมา ถ้าสรุปโดยสั้นๆ แล้ว ช่วงแรกคือช่วงนี้ประมาณ 3 เดือน ที่จัดระเบียบโดยใช้การบริหารโดย คสช.ก่อนจะมี ครม.พอระยะกลางเราจะมีรัฐบาลใช่ไหมครับ ที่ผมเคยเรียนไว้ว่าประมาณเดือนกันยายน เราจะต้องมีรัฐบาลในการที่จะเป็นรัฐบาล อาจเรียกว่าเป็นรัฐบาลเฉพาะการ แต่มีอำนาจเต็มในการบริหารราชการแผ่นดิน อันนี้เราจะต้องนำระยะที่หนึ่งมาสู่การแก้ปัญหาที่ต้องใช้เวลา ที่ต้องใช้กฎหมายมากขึ้น แล้วก็นำไปสู่การปฏิรูป แล้วก็การจัดทำกฎหมายใหม่บางอะไรบาง แล้วก็เตรียมกติกาการเลือกตั้งต่างๆ เพื่อให้เกิดเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์

เมื่อจบระยะที่ 2 เราก็จะส่งต่อให้กับระยะยาว คือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง อันนี้ผมเรียนไปหลายครั้งแล้วว่าใจเย็นๆ นิดหนึ่ง ถ้าท่านใจร้อนผมก็ใจร้อน ไปเร่งรัดอะไรต่างๆ ให้มันเร็วขึ้นไปเรื่อยๆ ผมว่ามันอันตรายในการที่จะทำงานบางอย่าง ต้องแก้ปัญหา ใช้เวลามากพอสมควร เพราะมันเกิดขึ้นมาเป็นหลายสิบปีแล้ว บางอย่าง

ประเด็นสำคัญคือ เราต้องไว้วางใจซึ่งกันและกันระหว่างประชาชนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง หรือเรียกว่าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรา กับเรา ก็คือกับประเทศชาติ เพราะ คสช.ถือว่าเราทำเพื่อประเทศชาติ ไม่ได้ทำเพื่อพวกเรา ทำเพื่อ "เรา" คือคนไทยทุกคน เราไม่ได้วาดหวังผลประโยชน์อเะไร ทำดีมันก็แค่เสมอตัว พวกเราทราบดี ถ้าไม่ทำอะไรก็ปล่อยให้ประเทศล้มเหลวไป เราก็ปล่อยไม่ได้เหมือนกัน เพราะว่าเป็นหน้าที่ ชีวิตจิตใจของพวกเรานั้นก็เหมือนกับทุกท่าน รักชาติ รักแผ่นดินเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเรามีหน้าที่ในงานด้านความมั่นคง เราก็คงปล่อยให้ประชาชนนั้นเดือดร้อนไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราต้องไว้วางใจซึ่งกันและกันก่อน มันถึงจะทำอะไรต่อไปได้ ไม่ใช่อะไรนิดอะไรหน่อยก็ นี่จะต้องเป็นอย่างนี้ จะต้องเป็นอย่างนั้น จะต้องเป็นเหมือนวันนั้น เหมือนวันนี้ ถ้าคิดแบบนี้มันก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง วันนี้เราพยายามคิดใหม่ ทำใหม่ บางอย่างเป็นปัญหาเก่า บางอย่างเป็นปัญหาใหม่ บางอย่างเป็นเรื่องของความขัดแย้ง ซึ่งมันไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย ทุกคนต้องไปย้อนดูซิว่า มันเกิดขึ้นเพราะอะไร โดยใครบ้างที่มีส่วนเกี่ยวข้อง มันก็มีความจำเป็นที่ต้องแก้ปัญหาให้ได้

เพราะฉะนั้น ถ้าหากทุกคนคิดว่า คสช.ต้องการใช้อำนาจ หรือว่าต้องการผลประโยชน์ ถ้าอย่างนั้น คสช.ก็ไม่จำเป็นหรอกครับที่จะต้องจัดตั้งรัฐบาล เราบริหารโดย คสช.แบบระยะแรกไปดูจะดีกว่านะ ไม่ยุ่งยากแต่เราก็ทำไม่ได้ เพราะเราต้องการแสดงให้ทุกคนเห็นว่า เราไม่ต้องการอำนาจ เราต้องการให้การปฏิรูปมันเดินไปได้โดยมีทุกภาคส่วนเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่อย่างนั้นพอทำไปแล้วท่านก็ไม่รับอีก วันหน้ามันก็เกิดปัญหา เพราะฉะนั้นใครที่จะไม่ร่วมการปฏิรูปท่านก็คิดเอาแล้วกัน ว่าเมื่อถึงเวลาที่เขาทำกันเสร็จเรียบร้อย แล้วท่านไม่เข้ามา วันหน้าท่านจะมาปฏิเสธความรับผิดชอบ ท่านบอกท่านไม่รู้เรื่อง ถ้าไม่ได้เข้ามาผมว่าไม่ถูกต้องไปคิดเสียใหม่

เพราะฉะนั้นวันนี้เราพยายามทุกอย่างที่จะลดความกดดันทั้งในประเทศ และต่างประเทศ แม้ว่าจะมีคนบางส่วนไม่พอใจอยู่บ้าง ผมก็เข้าใจนะครับ ในส่วนที่ยังต้องการให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วอยู่เช่นเดิม แหมผมก็ไม่เข้าใจว่า ไม่รู้สึกอะไรกันเลยหรือว่าจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา บ้านเมืองของเรามันอันตรายแค่ไหนอย่างไร วันนี้ทุกประเทศในโลกรบกันแทบเป็นแทบตายอยู่ ทำไมเราจะต้องกลับไปสู่แบบนั้นอีก วันนี้เราต้องเตรียมการอพยพผู้คนอีกมากมาย หลายประเทศมีการสู้รบสงครามกลางเมือง เราจะกลับไปสู่แบบนั้นหรือ เดี๋ยวผมจะพูดอีกครั้งแล้วกัน

ในส่วนของความพึงพอใจของประชาชน ในห้วง 2 เดือนที่ผ่านมา เกือบ 3 เดือนแล้ว การแก้ไขปัญหาในเรื่องของความเดือดร้อน อาชีพ รายได้ ความเป็นอยู่ อันนี้เราแก้เร่งด่วนเท่านั้นเองนะครับ ระยะยาวมันยังทำอะไรมากนัก เพราะปัญหามันสะสมมานาน เพราะฉะนั้นการแก้ปัญหาที่เป็นระบบ และยังไม่มีผลชัดเจนที่อาจจะลงมาสู่แต่ละกลุ่ม แต่ละครอบครัว แต่ละบ้านไม่ได้มากนัก มันมีผลกระทบในวงกว้าง เพราะฉะนั้นการที่เราจะแก้ปัญหา เราต้องแก้ปัญหาในทุกระดับ ต้องมีมาตรการต่างๆ เพราะว่าเราเป็นสังคมที่มีคนอยู่มากหลายกลุ่ม หลายหมู่เหล่าที่อยู่ด้วยกัน มีความเป็นอยู่หลายระดับด้วยกัน เราจะต้องแก้ทางนโยบาย การปกครอง การบริหารจัดการ การใช้จ่ายงบประมาณที่เหมาะสม ระเบียบข้อบังคับ กฎหมาย ระบบข้าราชการที่จะต้องเอื้อต่อการให้การบริการ เหล่านี้ถ้าเราแก้ทั้งระบบได้ มันก็จะกลับมาสู่ประชาชนให้มากยิ่งขึ้น วันนี้ก็ต้องอดทนกัน พยายามแก้ไขปัญหาเร่งด่วนให้ มันจะมีผลกระทบในสิ่งที่ดีๆต่อประชาชนในระยะยาว เราเร่งด่วนทำไปมันก็ได้วันนี้ แก้วันนี้ วันหน้าก็เกิดขึ้นมาอีก ทำอย่างไรล่ะมันจะไม่เกิดขึ้นอีก

ในส่วนของการทำงานให้บริการกับประชาชนจากข้าราชการนั้น มันน่าจะดีขึ้นถ้าเราปฏิรูปได้ทุกระบบอย่างที่เราตั้งใจไว้ ต้องใช้เวลาในระยะที่ 2 ในการที่จะจัดระเบียบ

วันนี้การจัดระเบียบสังคมในเรื่องต่างๆ อาจจะทำให้บุคคลบางกลุ่มเดือดร้อนอยู่บ้าง ฉะนั้นท่านใดก็ตามที่ไปเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมาย ถึงแม้ท่านจะได้เงินมา ท่านจะได้รายได้มาเลี้ยงครอบครัว บุตร ภรรยา แต่มันผิดกฎหมายนะครับ และมันก็ไม่ได้ยุติธรรมกับคนที่ทำผิดกฎหมาย เขาก็ไม่สามารถจะมาหากินได้ ไม่สามารถจะประกอบสัมมาอาชีวะได้ เจ้าหน้าที่ทุจริตก็เกื้อกูลซึ่งกันและกัน ก็สมยอมกัน บ้านเมืองก็ไร้ระเบียบกฎเกณฑ์ ไม่เรียบร้อย ถ้าเราปล่อยสิ่งต่างๆเหล่านี้ไว้ มันก็เกิดความไม่เป็นธรรม ประชาชนก็เดือดร้อน คนส่วนน้อยก็ได้ประโยชน์ คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ประโยชน์ มันก็มีผลกระทบ มีความขัดแย้งกันเหมือนเดิม เราต้องแก้เหล่านี้ให้ได้ แก้ที่ใคร แก้ที่พวกเราทั้งสองฝ่าย ทั้งข้าราชการ ประชาชนนะครับ ต้องใช้ความมีคุณธรรม มีจริยธรรม ในการจะอยู่ร่วมกัน

ในเรื่องของการปฏิรูป 1..2..3.. นี่ 1 ก็คือทำไปแล้ว ขั้นการเตรียมการที่มีสำนักงานปฏิรูปฯ ของ คสช.นั่นไง ที่ผมบอกว่ามันต้องมีการเตรียมการก่อน บางคนบอกว่า ไม่เห็นต้องเตรียมอะไรเลย แล้วมันจะไปรู้เรื่องอะไร ทำกันแค่ 3 เดือน จะปฏิรูปได้ยังไง เขาเตรียมการ แล้วเดี๋ยวเราจะมาเข้าระยะที่ 2 ก็คือเมื่อมีสภาปฏิรูปฯ ในประมาณสัก .. หลังจากมี ครม.แล้ว ก็น่าจะประมาณสักเดือนกว่าๆ เกือบสองเดือน กว่าจะเลือกตั้ง กว่าจะคัดสรร เลือกตั้ง อะไรเรียบร้อย โปรดเกล้าฯ ลงมา เป็นสภาปฏิรูปฯ ก็ต้องใช้เวลา แล้วเพิ่งจะเริ่มทำงานได้

ปัจจุบันนั้น ผมอยากจะกราบเรียนทุกคนที่เกี่ยวข้อง ที่เป็นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับประเทศนี้ บ้านเมืองนี้ หลังจากไม่มีนักการเมืองทั้งในอดีต ปัจจุบัน อนาคต ท่านต้องยอมรับก่อนว่าในปัจจุบันนี้บ้านเมืองไทยเรามีปัญหา มีมายาวนานแล้วด้วย ระบบประชาธิปไตยที่เราว่าดี ของเราเลือกตั้งกันมา อะไรกันมา ก็มีปัญหาอีก ต้องแยกแยะจากกันนะครับ เอาตัวเองถอยออกมา มองปัญหา ของตัวเองเอาไว้ก่อน ปัญหาของตัวเองเก็บไว้ข้างนอกก่อน แล้วมองปัญหาส่วนรวมไว้ซีกหนึ่ง ประเทศชาติอยู่ทางด้านซ้าย แล้วก็เอาวิธีการแก้ปัญหาอยู่ซีกขวา แล้วเราจะช่วยกันเอาซ้ายกับขวามาแก้ยังไง ปัญหา + วิธีการ แก้กันซะ เมื่อหาข้อยุติมาได้แล้ว เอาตัวเราเข้ามา ถ้าเอาตัวเราเข้ามาตั้งแต่ต้น พอเริ่ม ซ้ายมา พอจะทำ ขวามา แล้วเราจะอยู่ตรงไหน เราจะได้อะไร มันก็แก้ไม่ได้อยู่ดี เพราะฉะนั้นท่านเอาตัวของท่านออกมาก่อน ถ้ามาพูดว่า เรื่องโน้นเรื่องนี้มันเป็นอย่างนี้ แล้วทำไมท่านไม่แก้มาล่ะ สมัยก่อนนี้ ท่านก็แก้ไม่ได้ วันนี้มันถึงต้องมี คสช.ไง เพราะฉะนั้นจะบอกว่า เอาประชาธิปไตย ต้องการประชาธิปไตยเวลานี้ อ้าว แล้วเวลาก่อนนี้มีประชาธิปไตยทำไมท่านไม่ทำ วันนี้ขอร้องอย่าเพิ่งพูด พูดไปมันก็ไม่เกิดผลดีอะไรขึ้นมาสักอย่าง มีเวลาเป็นสิบๆ ปีแล้วท่านไม่ทำกันเอง วันนี้เราถึงต้องมาช่วยกันทำไง ไม่ใช่ผมต้องมาทำคนเดียวด้วย ท่านต้องมาช่วยผม ไม่ใช่มาสะกิดสะเกา เป็นห่วงเป็นใยเรื่องนี้ เรื่องโน้น ท่านรู้ปัญหาทุกอันนั่นล่ะ เพราะท่านเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับปัญหามาโดยตลอด แต่ท่านแก้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นการที่จะทำให้การเมืองของเราก้าวหน้านั้น เราจะต้องเอาตัวออกมา เอาตัวออกมาก่อน เมื่อไรก็ตามที่เราแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ แก้กระบวนการได้ แก้วิธีการได้ แก้การบริหารจัดการได้ เราเข้ามา แล้วก็ให้การบริการต่อประชาชน อย่างนี้ถึงเรียกว่าการปฏิรูปนั้นสำเร็จ แต่ถ้าหากว่าทุกคนห่วงว่าถ้ามันออกอะไรมากๆ ไป มีกฎหมายมากไป เอ๊ะ แล้วเราจะทำยังไง วันหน้าเราจะอยู่ยังไง เราจะปกครองได้ยังไง เราจะเข้ามาบริหารได้ยังไง เราจะมีผลประโยชน์ได้อย่างไร ถ้าอย่างนี้ผมถือว่าไม่น่าใช่คนไทยนะ คนไทยต้องเอาประเทศชาติมาก่อน พวกผมคิดอย่างนั้นนะ ใครจะมองยังไงผมไม่ทราบ แต่พวกเราคิดอย่างนั้น เพราะเราเป็นทหารของประชาชน

หากว่าทุกคนมองว่าถ้าไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่มีการเลือกตั้ง หรือโดยปัจจุบัน ถ้าหากว่าต่อไปวันข้างหน้าไม่มีนโยบายเรื่องประชานิยมแล้ว พรรคเราจะไม่ได้คะแนนเสียง ประชาชนจะไม่เลือกพรรคเราเข้ามา ผมว่ามันมีวิธีการตั้งร้อยแปดพันเก้าวิธีนะ ที่จะทำให้ประชาชนเขาเลือกท่านเข้ามา ไม่ได้กลัวหรอกถ้าทำดีคนเขาเลือกท่านแน่นอน ท่านเสนอแนวทางของท่าน พรรคของท่าน ใครก็ต้องเลือกท่าน และท่านทำให้ดีแล้วกัน อย่ามาทำให้เกิดความวุ่นวายสับสน ความขัดแย้ง ไม่โปร่งใส ผมว่าใครก็เลือกท่าน อย่ากังวล

ในเรื่องของการปฏิรูปทรัพยากรบุคคลเป็นงานสำคัญด้วย เรามีอยู่ในหัวข้อของ 11 เรื่องอยู่แล้ว ตามราชการทุกอย่างมาด้วยคน ถ้าคนใน 11 เรื่องไม่ได้เรื่อง ใช้ไม่ได้ มันก็ไปไม่ได้อีก เพราะคนคือทรัพยากรสำคัญของทุกประเทศในโลกนี้ แผ่นดินนี้มันเกิดขึ้นในประเทศ ล้วนมาจากคนทั้งนั้น เพราะคนมีความคิดที่แตกต่าง มีความเชื่อ มีทัศนคติที่แตกต่างกันออกไป เพราะฉะนั้นถ้าหากเราปรับค่านิยมของคนไทย หรือทัศนคติต่างๆ ให้กลับมาเป็นคนไทยโดยสมบูรณ์ที่มีความน่ารัก ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ถ้อยทีถ้อยอาศัย มีรอยยิ้ม ที่ผมก็ยิ้มอยู่ พยายามยิ้มอยู่ คุณธรรมจริยธรรม รู้จักหน้าที่ มีความรับผิดชอบ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติเป็นหลัก ดังที่เคยกล่าวไปแล้ว ในเรื่องของค่านิยมคนไทย 12 ประการ ไม่ได้ยากเลย ไม่ได้เสียสตางค์เลย 22 สตางค์ เขาว่าหน้างอกล้ามเนื้อทำงานมากกว่ายิ้ม ยิ้มกล้ามเนื้อทำงานน้อยกว่า เพราะฉะนั้นจะได้บริหารกล้ามเนื้อไปด้วย อย่าทำหน้างอ อย่าทำหน้าโกรธแค้นกันมากนัก

การปลูกฝังค่านิยมต้องปลูกตั้งแต่เด็กๆ นะครับ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะฉะนั้นผู้ใหญ่ต้องปลูกฝังเด็ก ผู้ใหญ่ต้องทำตัวเป็นตัวอย่าง คนไทยจะเป็นคน.. โดยธรรมชาติแล้วเป็นคนอย่างไรนะ เป็นคนรักพวกพ้อง รักตัวเอง บางครั้งก็หลงลืมไป จนกระทั่งดูเหมือนว่า ขาดความเมตตาไป เพราะรักพวกตัวเอง รักตัวเอง แต่เวลาถ้าใครจะมาทะเลาะเบาะแว้งด้วย อันนี้เราจะสู้ จะรวมๆ สู้ อันนี้เป็นตั้งแต่อดีต ตั้งประวัติศาสตร์มาแล้ว ถ้าอยู่ด้วยกันเดี๋ยวก็ทะเลาะกันหน่อย พอใครจะมารังแกเราๆ ก็จะรวมตัวกันสู้ นี้คือคนไทย ไม่ใช้นิสัยหรืออะไรที่เสียหายเลยนะ เป็นสิ่งที่ดีด้วยซ้ำไป เพียงแต่ยามปกติเราอย่าทะเลาะกันเลย วันนี้มันทะเลาะไม่ได้แล้วโลกมันใหญ่ ประเทศมีตั้ง 200 กว่าประเทศวันนี้ทั้งโลก ถ้าในชาติเราทะเลาะกันแล้วเราจะไปสู้กับอีก 200 ประเทศเหล่านั้นได้อย่างไร เราต้องมีความเมตตา ห่วงใยผู้อื่น อย่าเป็นคนเห็นแก่ตัว โกรธแค้นชิงชังผู้อื่น บางทีไม่รู้จักใครก็บอกว่าคนนี้ดีคนนี้ไม่ดี ก็ไปรักคนนี้ไม่รักคนนี้ ไม่รู้จักเขาสักหน่อย หรือไม่ก็ไปทุ่มเทให้เขา เพราะเขาอาจรักเรา เขาก็ให้โน้นให้นี้ ก็ได้ประโยชน์ บางทีก็ลืมไปว่าไอ้ทีเขาเอามาให้เรามันถูกต้องไหม เอาเงินจากที่ไหนมา เอาของจากที่ไหนมาให้เรา

เพราะฉะนั้นมันก็ทำให้เกิดความแบ่งกลุ่มแบ่งพวกแบ่งเรา เพราะอย่างไรก็ตามผลประโยชน์มันไม่ทั่วถึงหรอกครับ ถ้าจะมาแจกจ่ายละก็ไม่ถึง เพราะฉะนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงสั่งไว้ว่าก็อย่าให้แต่ปลาต้องให้เบ็ดตกปลาเราด้วย เพราะฉะนั้นถ้าเราจะให้ทุกคนได้รับอย่างทั่วถึงเราต้องเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน มองในภาพรวมให้เกิดการยอมรับให้มากขึ้น ถ้าเป็นอย่างนั้นต่อไปสังคมมันก็แหลกเหลว คนดีอยู่ไม่ได้ ทุกคนก็ไปทำความไม่ดีทั้งหมด ทั้งประชาชน ข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหารทัศนคติก็จะเปลี่ยนไป ก็จะยอมรับอิทธิพลนอกระบบ ทำไม่ดีโกงแต่แบ่งปัน ไม่แบ่งปันไม่ได้ไม่ดีอะไรทำนองนี้มันเท่ากับไปส่งเสริมการทำนอกระบบทำผิดกฎหมาย แล้วก็ไปเรียกมาปกป้องซึ่งกันและกัน ก็ทำให้เกิดความขัดแย้งแล้วทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ทั้งด้วยวาจา ด้วยกำลังบ้าง ด้วยอาวุธบ้าง ทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตาย หรืออย่างน้อยก็เสียชื่อเสียง

สำหรับคนดีๆ ก็หมดกำลังใจ บางคนบอกว่า การเมืองเราไม่คอยดีทำให้ไม่อยากเข้ามา ไม่อยากมาเลือกตั้ง ทำไมเป็นอย่างนั้นครับ ทำไมไม่ทำให้เขาคิดว่า การเมืองของเราเป็นการเมืองที่ส่งเสริมสร้างสรรค์ ทุกคนอยากเข้ามา ไม่มีสตางค์ก็มาได้ มาให้การบริการ มาช่วยเหลือ ถ้าทำอย่างนี้คิดแบบนี้การเมืองเราจะดีขึ้น เพราะฉะนั้นความเป็นอันตรายที่สุดคือ การฉ้อฉล นิยมปลุกปั่น ทุจริตผิดกฎหมาย รักพวกพ้อง และร่วมกันทำความไม่ดี อันนี้เป็นบ่อเกิดของความวุ่นวาย เพราะฉะนั้นบ้านเมืองนั้นเป็นของศักดิ์สิทธิ์

เพราะฉะนั้นการที่เราจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากสิ่งที่เราโกงเขามา และให้แต่พวกนี้พวกนั้นเป็นการเฉพาะ แต่ส่วนใหญ่เอาไปแล้ว ประชาชนได้แต่เพียงส่วนน้อย อันนี้ผมคิดว่า ประชาชนต้องเข้าใจ และมองให้กว้างขึ้น เฉลี่ยความสุขที่ตัวเองเคยได้รับมากกว่าคนอื่น ให้คนอื่นที่เขาไม่ได้ด้วย เพราะเขาไม่ใช่พวก เพราะฉะนั้นอันนี้เป็นหน้าที่ของประชาธิปไตยที่ต้องดูแล คนทุกพวกทุกฝ่ายถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ฝ่ายรัฐบาล เป็นฝ่ายค้านก็ตาม ทุกคนต้องมีสิทธิเท่าเทียมกัน อันนี้คือเรื่องของการเมือง เรื่องของระบอบประชาธิปไตยไทยนะครับ

ในส่วนของ สตช. ครม. หรือแม้กระทั่ง สปช.ก็ยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง อยู่ในขั้นตอนทั้งสิ้น มีการบ่นต่อว่าบ้างว่า ไม่เป็นประชาธิปไตย ทำไมกลุ่มนี้มากกลุ่มนี้น้อย ก็วันนี้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งไม่ใช่หรอครับ วันนี้เราจะแก้ปัญหาการปฏิรูป เพราะฉะนั้นมันไม่ได้มาจากการเลือกตั้งประชาธิปไตย 100% อยู่แล้ว เราต้องการทำอย่างไรให้กลไกมันเดินต่อไปข้างหน้าได้ และเราไม่ใช่ ส.ส. เราไม่ใช่นักการเมือง เราเป็นทหาร เราก็เป็นข้าราชการ เป็นประชาชนอีกส่วนหนึ่งที่สนับสนุนเรา ก็ดูเขาก่อนว่า เขาจะมาทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ อย่าไปดูบุคคลนี้บุคคลนั้น เหมือนมีใครเป็นคนดีที่สุด ไม่มีใครเลวที่สุดนะ เอาดีมากกว่าเลว ถ้ามองกันต้องเลือกเลวๆก็ไม่ต้องคบใครล่ะครับ เลวมากเลวน้อยก็มองกันไปเรื่อยๆ เกลียดกันไปเรื่อยๆ กลายเป็นไม่มีความดีสักคน ฉะนั้นมีดีอยู่คนเดียวคือตัวเอง ไม่ใช่ ฉะนั้นผมว่าอยู่กันไม่ได้ ขอให้รอดูผลงานที่เกิดขึ้นโดยความร่วมมือของท่าน บริหารของเรา ฉะนั้นสิ่งต่างๆที่เราจะทำมันจะเป็นสิ่งที่ประชาธิปไตยที่ผ่านมามันทำไม่ได้ตลอดมา กฎหมายบางอย่างออกไม่ได้เป็น 10 ปี 20 ปี บางอย่างไม่ทันสมัย บางอย่างเป็นข้อตกลงที่ทำไม่ได้ เพราะมีผลประโยชน์เข้าไปเกี่ยวข้องทั้งสิ้นในการบริหารราชการ หรือในการบริหารราชการแผ่นดินอะไรก็แล้วแต่ ทุกท่านทราบดี ท่านต้องลดเรื่องพวกนี้ให้ได้ เลิก ต้องเลือก

สนช.ที่กำหนดมา 200 คน ก็ไม่ใช่โควตานะ จริงๆแล้วเข้าใจผิด ผมไม่อยากให้ใช้คำว่าโควตา เป็นการให้ทุกฝ่ายเสนอชื่อมา ถ้าไม่บอกว่าเสนอมาสัก 10 คน ไม่เสนอมา 20 คน มาคัดเลือกกัน หรือมาคัดสรรอะไรเหล่านี้ ก็เสนอมาเป็นพันสิครับ ผมถึงบอวก่า เสนอมาสัก 20 30 40 มา แล้วทั้งหมดก็มาคัดกัน คอยดูก็แล้วกัน คงไม่ใช้คำว่าโควตานะ ใช้คำว่าให้เสนอมาเพื่อพิจารณา แต่ได้เท่าไหร่ไม่รู้ เป็นเรื่องของคณะกรรมการที่ต้องพิจารณาในภาพรวม มันจะมีทหารมาก ทหารน้อย ก็เป็นธรรมดา เป็นช่วงไม่ปกตินะ ถ้าเอาปกติก็ไม่ต้องทำอะไรกันแล้วก็ทะเลาะเบาะแว้ง ตีกันอยู่เหมือนเดิม ฉะนั้นการทำงานระยะที่ 2 เป็นหัวใจสำคัญในการปฏิรูป หัวใจอยู่ในการปฏิรูปที่ทำอยู่เพื่อจะนำไปสู่จุดสุดท้าย คือการมีรัฐบาลที่ถาวร รัฐบาลที่มาจากรัฐธรรมนูญ ฉบับถาวรที่จะทำ ฉะนั้นถ้าตรงกลางมันเกิดไม่ได้ ตรงปลายก็เกิดไม่ได้ ฉะนั้นต้องเข้าใจ อย่าตำหนิอะไรกันมากเลย รอดูก็แล้วกัน

วันนี้ก็ยังต้องบริหารราชการอย่างแบบไม่ปกติอยู่ระยะเวลาหนึ่ง พอถึงมีรัฐบาล มีรัฐธรรมนูญชั่วคราว มี ครม.แล้ว ก็ถือว่าเป็นประชาธิปไตยเหมือนกันนะ แต่เป็นแบบไทยๆ บ้าง วันนี้ประชาธิปไตยแบบต่างประเทศ สากล มาเยอะแยะแล้ว อาจจะต้องมีประชาธิปไตยแบบไทยๆชั่วคราวก่อนสักนิดหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ผมถือว่าต่างชาติต่างก็ยอมรับมากขึ้นในเรื่องของการเดินสู่ระยะที่ 2 ของเราตรงนี้ เราคัดมาจากคนที่มีความรู้ความสามารถ ความเชื่อมั่นไว้วางใจแล้ว ยังมีองค์ประกอบอีกหลายๆอย่าง ฉะนั้นต้องเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อจะได้มีการเปิดประชุมสภานิติบัญญัติให้ได้โดยเร็ว เราต้องการให้เกิดความเป็นเอกภาพ และตอบสนองภารกิจหลักคือการปฏิรูป ให้เป็นผลสำเร็จได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว อันนี้ทุกคนน่าจะเข้าใจ ขอร้อง เรื่องกฎหมายที่ล้าสมัย เป็นอุปสรรคต่อการบริหารราชการ การบริหารจัดการ ระบบราชการ การศึกษา กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม สาธารณสุข และเรื่องอื่นๆ ทั้งหมด 11 เรื่อง อาจจะมากกว่า 11 ก็ได้ ใช้คำว่าอื่นๆ ก็ทั้งหมดเดี๋ยวไปแก้กันให้ได้

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของงานหลักๆในเรื่องของการปรับปรุงกฎหมายที่สำคัญทั้หงมดนั้น จะต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ เพราะถ้าเราออกกฎหมายไปเร็วๆ บางครั้งการมีส่วนร่วมนั้นก็ไม่ครบ ฉะนั้นสภาปฏิรูปเป็นคนไปหามา ว่าต้องแก้ไขอะไรกันบ้างเพื่อทำให้มันเดินไปได้ข้างหน้า ฉะนั้นนี่สำคัญนะครับ สนช.ก็เพียงดำเนินการในเรื่องของการปรับปรุงกฎหมาย คนที่ต้องแก้ไข ที่ต้องเป็นประโยชน์กับชาติ ส่วนร่วม ที่เคยเห็นพ้องต้องกันแล้ว ออกไม่ได้ ก็ออกให้ได้โดยเร็ว ไอ้ส่วนใหม่ๆก็ต้องไปคุยกันปฏิรูปมาให้ออก หรือจะเสนอกันมาก็แล้วแต่

ในการปฏิรูปนั้น ถึงแม้ว่าเราจะมีสภาปฏิรูป คัดมาจาก 550 เหลือ 173 แล้วคัดมาจาก 5 คน ในแต่ละจังหวัดให้เหลือจังหวัดละ 1 คน ทั้งหมดคือ 173+77 ก็เป็น 250 นั่นคือยอดของปฏิรูป ฉะนั้น 250 ที่มาทั้งหมด นอกจากจะมาพูดคุยกันในสภาปฏิรูปแล้ว แต่ละจังหวัด ที่เราไปเปิดสภาฯไว้แล้ว เปิดศูนย์ปรองดองปฏิรูปทุกจังหวัด ทุกอำเภอ หมู่บ้าน ก็เสนอไปได้นะครับ เสนอผ่านตัวแทนของท่านที่เข้ามา ซึ่งจะต้องเสนอมาโดยนิติบุคคลที่เป็นเสนอรายชื่อเข้ามา แล้วก็สมัครเข้ามา ฉะนั้นในระหว่างที่เขาประชุมกัน ท่านก็ส่งข้อมูลมาได้ผ่านคนของท่านเข้ามา เราเปิดให้ทุกช่องทางอยู่แล้ว นี่คือการเตรียมการระยะที่ 1 ผมเคยเรียนแล้วว่า จะไปสู่ระยะที่ 2 ทุกคนก็ยังมีส่วนร่วมกันได้ตลอดเวลา ในการที่จะไปทำกฎหมาย ในการที่จะไปร่างรัฐธรรมนูญใหม่อะไรก็แล้วแต่ อันนี้ก็ขอให้ทุกคนเตรียมการให้พร้อม อย่าบอกว่า ไม่ชอบ ไม่เห็นด้วย ก็ไม่เข้ามาดีกว่า เพราะมันเกิดขึ้นแล้ว แล้วเราก็เขียนในรัฐธรรมนูญชั่วคราวไปแล้ว เราก็ต้องทำตามนั้น

คสช.จะไม่เข้าไปชี้นำในสภาปฏิรูปฯ เป็นเรื่องของท่าน ท่านต้องมาทำ แล้วเราจะเปิด แนะนำ หรือภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า Kick off วันที่ 9 สิงหาคม 2557 ณ สโมสรกองทัพบก วิภาวดีรังสิต นี่ก็กำลังให้กระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นเจ้าภาพในเรื่องนี้ จัดแนะนำ ชี้แจง ในวันที่ 9 ก็เชิญทุกภาคส่วนที่ต้องเกี่ยวข้องทั้ง 11 กลุ่ม จัดตัวแทนมา อะไรมา หรือใครอยากจะมาร่วม ก็มาเถอะครับ จะได้มาฟังกัน มาร่วมมือร่วมใจกัน ให้คนเขาเห็นว่านี่เราจะดำเนินการปฏิรูปกันต่อไปนะ

ในเรื่องของความคืบหน้างานด้านเศรษฐกิจ ภาพรวมความเชื่อมั่นยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันนี้เป็นตัวเลข เป็นตัวประมาณการ เป็นตัวคาดการณ์ เพราะฉะนั้นอย่าคิดว่าเอ๊ะ พูดแล้ว แล้วถึงเวลามันลงมา มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์หลายอย่าง สถานการณ์โลก สถานการณ์การสู้รบ สถานการณ์ในโลกตะวันตก ตะวันออก เศรษฐกิจโดยรวมว่ายังไง มันมีผลกระทบทั้งสิ้น ไม่ใช่มีวันนี้ แล้วต้องมีตลอดไป ทุกคนต้องเข้าใจ ขณะนี้โลกมันวุ่นวายนะ เพราะฉะนั้นเราอย่าวุ่นวายเลย เราก็เตรียมการของเราให้พร้อมแล้วกัน ถ้ามันเกิดอะไรขึ้นมา เราก็ต้องแก้ไป ผมไม่อยากจะให้โทษใคร ให้ทุกคนได้ช่วยกันตั้งหลัก ตั้งตัวให้ได้ ให้พร้อม เข้มแข็งพอที่จะสู้เขา

ความเชื่อมั่นผู้บริโภค และภาคธุรกิจ เอกชน ก็เริ่มปรับตัวดีขึ้น ความเชื่อมั่นในภาคอุตสาหกรรมก็ปรับตัวดีขึ้น ดัชนีนี่คือคาดการณ์ ความเชื่อมั่น หรือตัวชี้วัดที่ออกมาจากตัวเลขต่างๆ ที่ทำมา ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนมิถุนายน 2557 เพิ่มเป็น 88.4 จากระดับ 85.1 ในเดือนพฤษภาคม ก็เห็นว่ามันดีขึ้น

ภาพรวมของการดำเนินการกิจการต่างๆ เราอำนวยความสะดวกให้มากขึ้น มีความคล่องตัวมากขึ้น คำสั่งซื้อในอุตสาหกรรมหลายอุตสาหกรรมเริ่มเพิ่มขึ้น เช่น เครื่องนุ่งห่ม เสื้อผ้ากีฬา รองเท้ากีฬา

ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า ก็บ่งชี้ถึงสถานการณ์ระยะต่อไป เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 1.9 จากเดิมร้อยละ 1.0 ในเดือนพฤษภาคม

สำหรับการลงทุนมีสัญญาณดีขึ้นชัดเจน การยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนผ่านบีโอไอ ในช่วงครึ่งปีแรก มีประมาณ 634 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 337,400 ล้านบาท จำนวนโครงการก็ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนมิถุนายนนี้ มีสูงสุดในรอบ 6 เดือน เพราะฉะนั้นเป็นสัญญาณที่ดีว่า นักลงทุนเริ่มมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ก็คาดว่ายอดขอรับการส่งเสริมทั้งปีของปี 2557 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ คือประมาณ 700,000 ล้านบาท ตามที่ได้กำหนดไว้เมื่อปี 57 ที่ผ่านมา

ในส่วนของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ได้มีมติครั้งที่ 2/2557 ได้มีการอนุมัติให้มีการส่งเสริมการลงทุนจำนวน 15 โครงการ มีมูลค่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้นอีก 51,526.5 ล้านบาท โครงการสำคัญได้แก่ โครงการผลิต อุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องรถยนต์อีโคคาร์ ซึ่งวันหน้าต่อไปมีความจำเป็นมาก รถยนต์ที่ราคาถูก และซ่อมบำรุงง่าย อะไรต่างๆ เหล่านี้ รวมทั้งโครงการที่อนุมัติหลังจากตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ จำนวน 92 โครงการ คาดว่าจะมีการพิจารณาโครงการที่เหลือให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน

เรื่องรถยนต์เหมือนกัน บางคนบอกว่า การประกอบการมันลดลง ก็ลดลงสิครับ เพราะในห้วงปีที่ผ่านมามันมีเรื่องโครงการรถยนต์คันแรกไง พอรถยนต์คันแรกปุ๊บ ก็มาซื้อกันใหญ่โต มีการคืนภาษีกันอะไรกัน บางทีก็ยังมีปัญหาอยู่บ้าง พอไม่มีการสนับสนุนเรื่องของรถคันแรกมา ยอดมันก็จะตก นี่ไงเป็นการสร้างดีมานด์เทียม ทุกเรื่องนะถ้าเราสร้างดีมานด์เทียม สร้างประชานิยม มันก็จะเกิดภาพนี้ขึ้นมา เพราะฉะนั้นจะต้องแก้ปัญหากันต่อไป อย่ามาโทษอย่างโน้นอย่างนี้ ไมใช่ ผมว่าต้องไปดูกันให้ละเอียดนะครับ

ในส่วนของการส่งออกในเดือนมิถุนายน ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา ในปีที่แล้ว มูลค่าการส่งออกในเดือนมิถุนายน จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 หลังจากลดลงต่อเนื่องในห้วง 3 เดือนก่อนหน้านี้ นี่คือผลของปี 57 หลังจากพฤษภาคมมาแเล้ว มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 19,842 ล้านดอลลาร์ เมื่อแลกเป็นเงินบาทแล้ว รายได้ที่เกิดจากการส่งออกในเดือนมิถุนายน ก็จะเพิ่มจากเดือนพฤษภาคม ประมาณร้อยละ 3.0 สินค้าส่งออกมีการขยายตัว ทั้งอุตสาหกรรม ด้านการเกษตร อุตสาหกรรมการเกษตร เดือนนี้การส่งออกสินค้าเกษตรกลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกใน 6 เดือนที่ผ่านมา

จากการเพิ่มเติมในเรื่องของการส่งออกสินค้าเกษตร อุตสาหกรรม การเกษตร เช่น ข้าว ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผัก ผลไม้สดแช่แข็ง และแปรรูป และไก่สดแช่แข็งและแปรรูป ในขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมที่ขยายตัวได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก และพวกวัสดุก่อสร้าง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง คาดว่า มูลค่าการส่งออกทั้งปีน่าจะขยายตัวร้อยละ 1.5 สภาพัฒน์คาดการณ์ไว้ร้อยละ 2 ก็เป็นตัวเลขในการคาดการณ์ อาจจะสูงขึ้น อาจจะต่ำลงก็ได้ แล้วแต่สถานการณ์ของเศรษฐกิจภายนอกด้วย

เรื่องต่อไปที่ประชุม คสช.ได้พิจารณาอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 งบกลางเป็นกรณีพิเศษ จำนวน 835.9 ล้านบาทเศษ เพื่อเป็นการใช้จ่ายในการดำเนินการก่อสร้าง และปรับปรุงถนนที่ชำรุดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งยังคงไม่ได้ดำเนินการนะครับ การปรับปรุงถนนที่ชำรุดในครั้งนี้ จะเป็นการนำร่องโดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการใช้ยางธรรมชาติ ผสมยางมะตอย ซึ่งอาจจะมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นบ้าง แต่มันมีความทนทานกว่าปกติประมาณ 2-3 เท่า มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าประมาณ 2 เท่า จะเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา สร้างแพง รักษาง่ายใช้ไปได้นานมันน่าจะโอเค น่าจะดีขึ้น และจะเป็นการเพิ่มประมาณการใช้ยางพาราที่เรามีอยู่มากมายในประเทศของเรา จะได้แก้ปัญหาเรื่องผลผลิตยางที่ล้นตลาดในสต๊อกก็มีอยู่นะครับ เป็นจำนวนมากพอสมควร เพื่อจะทำให้ราคายางนั้นไม่ตกต่ำ โดยให้กระทรวงคมนาคม กรมทางหลวงชนบท ไปศึกษาความเป็นไปได้ว่า ทำอย่างไรจะนำผลผลิตจากพี่น้องชาวสวนยางในประเทศ มาใช้ในการปฏิบัติการก่อสร้าง และปรับปรุงถนนในพื้นที่อื่นๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นอิฐบล็อก เป็นแผ่นปูถนนอะไรทำนองนี้ จะต้องไปพัฒนา เพื่อจะเพิ่มมูลค่าของยางที่เรามีเป็นจำนวนมากในขณะนี้ เดี๋ยวราคาก็ตกต่ำอีก ถ้าเราไม่แก้ไข ได้พิจารณาไปทำตัวหนอนบ้าง เป็นวัตถุดิบในการก่อสร้างสนามฟุตซอล อันนี้ก็ใช้ได้เท่าที่ได้รับรายงานมา ได้สั่งการไปแล้วให้นำไปพิจารณาดำเนินการโดยด่วน

ในเรื่องของการแก้ปัญหาราคายางนั้น เราให้ความสำคัญนะครับ พี่น้องเขาเรียกร้องมาอยู่เสมอ และมันก็เป็นมาทุกปี ข้าว ยาง ปาล์ม มันไม่พ้นเรื่องพวกนี้ อ้อย มันสำปะหลัง พอถึงเวลาก็สไตรค์กันไป เดี๋ยวปีหน้าก็เป็นกันใหม่ เพราะอะไร เพราะว่านโยบายมันไม่ชัดเจน การบริหารก็ทำไม่ได้อย่างแผนงานที่วางไว้ เพราะฉะนั้นทุกอย่างอะไรก็ตามที่เป็นปัญหา ที่มันซ้ำซากเหล่านี้ มันต้องมีแผนงานที่ชัดเจน มีโรดแมปในการดำเนินการแก้ปัญหาระยะสั้น ระยะยาว ก็ว่ากันไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเกษตรกรต้องร่วมมือกับเรา ถ้าท่านอยากปลูกอย่างที่ท่านอยากจะปลูกมันก็จะต้องเสียหาย เพราะว่าแล้งซ้ำซาก ถ้าท่านไม่โซนนิ่งเลยมันก็ล้นตลาด มันมีปัญหาทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นอะไรที่ช่วยได้เราจะช่วยไปก่อน แต่การแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบพี่น้องทุกคนเกษตรกรทุกคนต้องร่วมมือกับเรา แล้วทุกคนก็ต้องช่วยกันเฉลี่ยแบ่งปันกำไร ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยหรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะให้กับเกษตรกรเขาลดต้นทุนการผลิตได้มากขึ้น ท่านต้องช่วยเรา รัฐต้องไปดูแลในเรื่องของการควบคุมพื้นที่ไม่ให้มีการปลูกยางอย่างไม่จำกัด ในอดีตที่ผ่านมามีนโยบายรัฐบาลกำหนดไป พอราคายางสูงก็ปลูกเข้าไป บุกรุกบ้างไม่บุกรุกบ้าง วันนี้ต้องตีกรอบให้ได้ชัดเจน ไม่งั้นเดือดร้อนอีกเดี๋ยวร้องเรียนอีกแน่นอน ก็ช่วยกันครับ ท่านก็ต้องไปปลูกอย่างอื่นบ้าง

น้ำไม่มีท่านจะไปปลูกข้าวทำไม ปลูกให้มันตาย 3-4 ครั้ง บางพื้นที่ปลูกข้าวปีละ 4 ครั้ง ผมก็ดีใจนึกว่ารวยแย่ เปล่า 4 ครั้งได้ครั้งเดียว ที่เหลือ 3 ครั้งตายหมด มันไม่ได้นะ ท่านก็ต้องแก้ไขนะ ต้องร่วมมือกับเรา รัฐบอกอะไรก็ทำบ้าง อันนี้ก็จะเป็นประโยชน์กับทุกคนทุกพวกทุกฝ่าย ไอ้พวกทำลายต้นกล้า ปุ๋ย วัสดุอื่นๆ ก็ต้องช่วยกันลดราคาอย่าเอากำไรมากนัก อย่ามีปุ๋ยปลอม ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ให้มาก ผมทราบว่ากำหนดเป็นวาระแห่งชาติไปแล้วนะการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ เพราะฉะนั้นต้องช่วยกันทำให้ทุกอย่างมันโตไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ข้าวดี ผลิตผลการเกษตรดี แต่ผลผลิตอื่นๆ มันล้มเหลว ไม่ได้มันต้องไปด้วยกัน เพราะฉะนั้นจะไปด้วยกันได้ไงมันต้องเฉลี่ยๆ กำไรกัน

ภาคผลิต ภาคขนส่ง ภาคแปรรูปอะไรก็แล้วแต่ การตลาดต้องลดลงบ้างครับ ถ้าทุกคนจะเอารวยกันหมดก็คงไปไม่ได้หรอก หรือจะประชานิยมอย่างเดียวก็ไม่ได้อีก ถ้ากลไกตลาดมากๆ ก็ต้องดูในประเทศว่าไง ต่างประเทศว่าไง ประชาชนรายได้น้อยจะทำยังไงต้องดูให้ครบระบบ วันนี้ได้สั่งการให้ส่วนราชการที่ข้องเข้าไปดูแลวางแผนกำหนดมาตรการอย่างยั่งยืน ปัจจัยการผลิต การส่งเสริมการตลาด การเพิ่มปริมาณการนำผลผลิตใช้ในประเทศ การส่งเสริมอุตสาหกรรมการแปรรูปยางพารา การควบคุมพื้นที่ และไม่ให้มีการปลุกรุกแผ้วถางเพิ่มเติม ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงเกษตรกรบางคนบางกลุ่มที่ไม่มีที่ดินของตัวเองด้วย

สำหรับปัญหาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อันนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2557 ที่ผ่านมา หลายเดือนแล้วจนถึงสิงหาคม 2557 ยังไม่ได้รับการแก้ไข มันก็มีผลกระทบให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ประสบความเดือดร้อน คสช.ได้เห็นชอบอนุมัติร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์เรื่องการนำข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักรตามข้อตกลง ทุกอย่างมันอยู่ในข้อตกลงภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียนแล้ว แล้วก็ภายใต้กรอบองค์กรการค้าของโลก (WTO) ทั้งนี้เพื่อแก้ไขปัญหาปริมาณข้าวโพดที่มีน้อยในช่วงนี้ ไม่เพียงพอความต้องการ มีราคาสูง ส่งผลกระทบต่อราคาอาหารสัตว์ในช่วงเวลานี้ รวมทั้งก็ต้องรองรับผลผลิตของผู้ที่ไปลงทุนปลูกข้าวโพดในประเทศเพื่อนบ้านด้วย

เมื่อวันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้คุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษา คสช.ในฐานะทูตพิเศษ เดินทางไปส่งสารถึงประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ของจีน ผ่านรองประธานาธิบดี ที่ศาลามหาประชาชนกรุงปักกิ่ง เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางด้านการค้า เศรษฐกิจ การลงทุน ก็ทราบว่า ทางจีนยินดี ที่จะช่วยเหลือในการหาตลาดรองรับสำหรับสินค้าทางการเกษตรต่างๆของไทย ไม่ว่าจะเป็นข้าว ยางพารา ผลไม้ รวมทั้งสินค้าอื่นๆอีกด้วย ต้องมีการพูดคุยทำข้อตกลงกันต่อไป โดยใช้หลักความไว้วางใจซึ่งกันและกัน เท่าเทียม เป็นธรรม กับประเทศคู่ค้า

ในเรื่องของการแก้ไขปัญหาเรื่องข้าว เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 57 ทาง พล.อ.ฉัตรชัย รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช.ได้รายงาน มีการประชุมนะครับ แล้วรายงานให้ทราบว่า ในการประชุม นบข.ได้เห็นชอบยุทธศาสตร์เพิ่มเติมในการผลิตข้าวของไทย ประกอบด้วยยุทธศาสตร์ด้านการผลิต และการตลาด ก็จะมุ่งหวังให้เกษตรกรผลิตข้าวคุณภาพดี ขายได้ในราคาที่เหมาะสม

โดยคณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณข้าวได้รายงานแล้วว่า วันนี้จากการตรวจสอบทางกายภาพของข้าวทั่วประเทศตามโกดังต่างๆ ตรวจไปแล้ว 1,290 แห่ง จากทั้งหมดมี 1,787 แห่ง คิดเป็นประมาณ 72% ใน 72% ที่ตรวจไปแล้ว ประมาณ 80% มีคุณภาพ อีกประมาณ 10 หรือกว่า 10% ยังมีปัญหาอยู่ ไม่ตรงกับที่แจ้งไว้ และเสื่อมคุณภาพ ไอ้ตัวเลขตัวนี้ บางคนบอกว่าทำไมมันน้อย มันจะมากจะน้อยก็เป็นไปตามข้อมูลที่ให้มาครับ ข้อมูลให้มาเริ่มตรวจสอบ เราไปตรวจสอบเพื่อจะไประบายข้าว เมื่อไปตรวจสอบก็จะพบว่า ยอดที่ให้มา กับยอดในคลังมันไม่ตรงกัน ก็ไปดูว่ามันไม่ตรงกันเพราะอะไร มันเสื่อมสภาพเท่าไรก็ไปดูมา ตรงไหนมันผิดมันถูก ก็ไปดำเนินคดี อันนี้มันแค่ปลายเหตุนะครับ ไอ้ไปตรวจสอบข้าว ผมว่ามันมีหลายประเด็นที่เกี่ยวข้อง จะผิดจะถูกผมว่าไปว่ากันอีกที อย่าเพิ่งมาจับผิดจับถูกตรงนี้ นี่คือการกระทำ การตรวจสอบที่ปลายเหตุ เรื่องจำนวนข้าว เราต้องอย่าลืมว่า ถ้าเรา เราน่าจะดีใจนะ ถ้าหากว่ามันเสียน้อย แต่ถ้าเสียมากมูลค่ามันก็ลดลง ราคาก็ตก ของก็เสีย ขายก็ไม่ได้ เงินก็จะเสียหาย รัฐก็จะไม่ได้เงินคืน

แต่ไอ้เรื่องทุจริตผิดกฎหมายก็ไปว่า กันสิครับในขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่การรับจำนำ ไปประทวน การเก็บรักษา ค่าเช่าโกดัง โควตาราคาขาย ไปว่ากัน มันก็ผิดๆ ทุกวันถ้ามันผิด ไม่ใช่ว่าอันนี้ต้องผิดมากๆ ตามไปทุกวัน มันไม่ใช่ครับ ไปคิดใหม่นะ เพราะมันอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบทั้งหมด ถ้ามันผิดทุกขั้นตอน มันก็มีคนผิดทุกขั้น ถ้าข้าวมันไม่ครบ คนที่รับผิดชอบอันนี้ก็รับผิดชอบไป ถ้าในขั้นตอนการขาย ก็คนรับผิดชอบในการขายก็รับผิดชอบไป การรับจำนำข้าวบกพร่องทุจริตก็รับผิดชอบไป บางคนอาจจะต้องรับผิดชอบตั้งแต่หัวถึงท้ายก็ได้ มันก็แล้วแต่กระบวนการยุติธรรมก็ว่ามา ป.ป.ช.เขาสอบอยู่ ทางเราต้องตรวจสอบเพื่อจะระบายข้าว อันนี้ก็ขอให้ทุกคนเข้าใจอีกครั้งนะครับ อย่าตำหนิต่อว่ากันเลยหรือสงสัย คสช.ตรวจได้อย่างไร รู้ว่า 10% ก็ถ้ามัน 10 ก็คือต้อง 10 ไม่ใช่ 10 แล้วจะตรวจไป 30 ก็ไม่ได้ เพราะคนไปตรวจก็เป็นร้อย บางคนบอก ไปตรวจทั่วหรือเปล่า ก็ไปดูทุกกองนะ ทุกกองก็เจาะก็สุ่ม มันมีวิธีการไหนไหม ที่ไปตรวจข้าว ประมาณล้านกระสอบ โดยที่ต้องเจาะทุกกระสอบ มันทำได้ไหมล่ะครับ ถ้าทำได้ก็มาเลย มาสมัครเลย เดี๋ยวจะให้ไปด้วย

ในเรื่องของวินัยการเงินการคลัง คสช.รับทราบอยู่แล้ว ว่าเราจะต้องรักษาวินัยการเงินการคลังให้ได้ในช่วงนี้ หลายคนก็ไม่วางใจ เดี๋ยว คสช.จะไปใช้เงินใช้ทอง ผมจะไปใช้ตรงไหน ตัวเลขตรงนี้บางคนบอกทำไมมันน้อย ที่อนุมัติโครมๆ มันไม่ได้ใช้นะ คสช.ไม่ได้ใช้ เป็นเรื่องของกระทรวง ทบวง กรม เขาก็ไปบริหาร เราก็พยายามจะทำอย่างไรให้ยอดเงินตรงนี้ไม่เสียวินัย ไม่เกิดหนี้สาธารณะ ในการที่เราเข้ามาในช่วงนี้มีการตรวจสอบ มีการปรับปรุงฐานข้อมูล ปรับปรุงแผน ในการบริหารหนี้สาธารณะเป็นครั้งที่ 2 แล้วนะครับ ก็ได้วงเงินลดลงจำนวน 6,314 ล้านบาทเศษ อันนี้ก็เป็นจากผลที่เราไปตรวจสอบ และปรับลด หรือตัดออกไป จากโครงการต่างๆ ที่ดูแล้วไม่คุ้มค่า ก็ได้เงินมาตั้ง 6 พันกว่าล้าน

อาจจะมีปัญหาเรื่องความโปร่งใส ไม่เอื้อประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามถ้าเรา Stop หยุดทั้งหมด การลงทุนก็ไม่เกิด อันไหนที่บริสุทธิ์ อันไหนที่คุ้มค่า เราก็อนุมัติเหมือนเดิม เพียงแต่ปรับหน่อย ปรับทีโออาร์ ปรับราคา ปรับอะไรต่างๆให้เป็นธรรม ให้มันถูกต้อง ไม่มีใครได้ประโยชน์ อันนี้ยากนะ ผมว่าเป็นการยาก ถ้าเราไม่ไปเรียกผลประโยชน์สักอย่าง เราก็น่ากำกับได้ แต่คนข้างล่างลงไปก็ต้องไปกำกับของตัวเองเหมือนกัน เพราะกว่าจะไปถึงคนใช้ไม่รู้กี่ขั้น ฉะนั้นคนใช้ข้างล่าง ประชาชนก็ช่วยกันดูแล้วกัน ถ้ามีปัญหาก็แจ้งมา

วันนี้เราต้องลงทุนในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน การจะหารถเมล์ รถซ่อมทาง รถไฟ การจัดซื้อหัวรถจักร อะไรพวกนี้มันเร่งด่วนทั้งนั้น ฉะนั้นมันค้างมานานหลายปีแล้ว อะไรทำได้ก็ทำ แต่ต้องโปร่งใสเท่านั้นเอง

ด้านความมั่นคงหลังจากต้อนรับ ผบ.สิงคโปร์ ผบ. 2 อาทิตย์ที่ผ่านมานั้น สัปดาห์นี้ก็มี ผบ.ทบ.สิงคโปร์ ได้เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เนื่องจากต้อนรับตำแหน่งใหม่ และกระชับความสัมพันธ์ในด้านการทหาร ด้านความมั่นคง และความร่วมมือต่างๆ การฝึกร่วม แล้วท่านผู้บัญชาการทหารบกสิงคโปร์ก็ยืนยันเรื่องความสัมพันธ์ และมิตรภาพที่มีมาอย่างยาวนานร่วมกัน แล้วมีความเข้าใจสถานการณ์ในไทย ต่างคนต่างเป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน เขาก็เป็น Smart Nation ทำเพื่อ Generation ที่ 3 หรือเรียกว่า Third Generation ของสิงคโปร์ ของเราก็เหมือนกัน มีแผนงานโครงการของกองทัพเราเหมือนกัน 3 ระยะ ห้วงระยะเวลาเหมือนกัน สรุปทุกประเทศทำเพื่อลูกเพื่อหลาน เพื่อคนรุ่นใหม่เขาทั้งนั้น ถ้าเราไม่ทำให้ลูกหลานแล้วใครจะทำ เพราะฉะนั้นเขาก็ขอบคุณไทยที่ให้ความร่วมมือทางด้านการทหารกับสิงคโปร์มาอย่างต่อเนื่อง และพร้อมจะร่วมมือกับเราในการพัฒนาความสัมพันธ์ในทุกด้าน ไปทุกความยั่งยืน มีเสถียรภาพ และพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนต่อไป

ในวันที่ 29 ทาง คสช.ได้ให้การต้อนรับ พล.อ.เตีย บัญห์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา และพร้อมคณะนายทหารระดับสูงทุกเหล่าทัพ เดินทางมาในฐานะแขกของกระทรวงกลาโหม มากระชับความสัมพันธ์ด้านการทหาร ด้านความมั่นคงระหว่างไทย-กัมพูชา และได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับ คสช.ด้วย ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ท่านนายกฯ ฮุน เซน ก็สั่งการมาว่า ให้มาเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ให้ความร่วมมือทางด้านการทหารให้แน่นแฟ้นขึ้น และทาง คสช.ก็ได้ขอบคุณท่านนายกฯ ฮุน เซน และแสดงความซาบซึ้งถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี เราฝากขอบพระคุณไปยังคนกัมพูชาทุกคนด้วย ที่ได้ดูแลช่วยเหลือ และให้นายวีระ สมความคิด ได้รับการอภัยโทษ เราได้มีการพูดคุยถึงความสัมพันธ์ที่ดีในฐานะเป็นมหามิตรกันมาอย่างยาวนานทั้งสองประเทศ รวมไปถึงเผื่อแผ่ไปถึงประเทศอื่นๆ ในอาเซียนด้วย เราสัญญากันว่า เราจะร่วมมือกันก้าวข้ามความขัดแย้งจากปัญหาชายแดนที่มีอยู่ และร่วมกันพัฒนาความร่วมมือทางด้านการค้า การลงทุน ผมได้เรียนไปว่า เรามีนโยบายในการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดนขึ้น ในแนวชายแดนทั้งสองประเทศ และประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ด้วย มีแผนงานในปีนี้ ปีหน้า และปีต่อๆ ไปในทุกด้านของประเทศ เรามีเส้นชายแดนกว่า 5,600 กิโลเมตรที่เราต้องดูแลใน 5,600 กิโลเมตร เชื่อมต่อหลายๆ ประเทศที่เป็นประเทศเพื่อนบ้าน บางบ้านเช่นทางเหนือเชื่อมไปถึงจีน อินเดียไปโน้น ใต้ก็ลงไปสิงคโปร์ มาเลเซีย

ตะวันออกเฉียงเหนือก็ไปลาว ไปจีน พม่าอะไรก็แล้วแต่ มีรอบบ้านเราเป็นศูนย์กลางของการเชื่อมต่อ นอร์ท เซาท์ อีสต์ เวสต์ เรามีแกนอยู่แล้ว เราต้องใช้สิ่งที่เราเป็นอยู่ ที่เรามีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด วันนี้ทุกประเทศก็แสดงความชื่นชมในการทำงานของคนไทย ของประเทศไทยในการเปลี่ยนผ่าน ในการปฏิรูป

ในเรื่องของความคืบหน้าการแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าว และการค้ามนุษย์ ฝ่ายความมั่นคง คสช. โดย คตร.ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวนั้นมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันได้เปิดศูนย์ประสานงาน และศูนย์บริการจดทะเบียนแล้วดังนี้ สำหรับการรับแรงงานกัมพูชาจำนวน 4 จังหวัด สระแก้ว จันทบุรี ตราด และสุรินทร์ สำหรับในการจัดตั้งศูนย์การจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จของ กทม. 6 แห่ง จังหวัดชายทะเลอีก 22 แห่ง เช่น กระบี่ จันทบุรี ชุมพร ตราด ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ประจวบคีรีขันธ์ ปัตตานี พังงา เพชรบุรี ภูเก็ต ระนอง สตูล และสมุทรสงคราม ได้ดำเนินการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวไปแล้วกว่า 3 แสนคน 354,617 คน แยกเป็นแรงงานพม่า 1.2 แสน กัมพูชา 1.7 แสน ลาว 5 หมื่น และจะดำเนินการจัดตั้งศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จให้ครบทุกจังหวัดโดยเร็ว สัปดาห์หน้าจะเปิดศูนย์เพิ่มอีก 53 แห่ง

ทั้งนี้แรงงานต่างด้าวจะต้องมาขึ้นทะเบียน ที่ศูนย์จดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ ภายใน 31 ต.ค.57 อย่าให้เลยนะครับ สำหรับในวันที่ 23 24 กรกฎาฯ 57 เสธ.ทหาร ประธานดำเนินการ คตร.ได้ไปตรวจเยี่ยมการทำงานของศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จใน 3 จังหวัดไปแล้ว เช่น นครศรีธรรมราช ระนอง สงขลา มีผลปฏิบัติงานเป็นที่เรียบร้อย แรงงานพอใจ

การช่วยเหลือแรงงานไทยในต่างประเทศ เช่นในอิสราเอล ที่มีอยู่ประมาณ 7,000 คน ทำงานในฉนวนกาซา 4,276 คน กต.ได้ประสานกับทางการอิสราเอลอย่างใกล้ชิด และอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมการอพยพแรงงานดังกล่าวออกมาจากพื้นที่สู้รบ ขณะนี้เราย้ายมาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยแล้วนะครับ และได้กำหนดมาตรการในการอพยพแรงงานไทยทั้งหมด หากมีความจำเป็นกลับมาสู่ประเทศไทย ส่วนน้อยขอกลับ ส่วนใหญ่ก็จะขออยู่ในพื้นที่หลบภัยไปก่อนเพื่อดูสถานการณ์ เพราะต้องเห็นใจเขา เขาไปทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัวเขา แต่ต้องปลอดภัย ฝากให้เจ้าหน้าที่ดูแล ประสานงานอย่างใกล้ชิด

สำหรับสถานการณ์อีกที่ ที่มีผลกระทบก็คือในลิเบีย สถานเอกอัครราชทูตก็จะเปิดศูนย์รองรับแรงงานอพยพชาวไทยที่เมืองเจอร์บา ประเทศตูนิเซีย ใกล้ชายแดนห่างกรุงตริโปลี ประมาณ 170 กิโลเมตร ตั้งแต่บ่ายวันนี้ ในระยะแรกท่านเอกอัครราชทูตจะไปดูแลใกล้ชิด คนไทยหากจะกลับก็กลับมาที่ตูบาร์ก่อน หรือจะมารวมตัวที่สถานเอกอัครราชทูตไทยที่ตริโปลีก็ได้

ในไทยขณะนี้กระทรวงต่างประเทศ จะมีศูนย์ติดตาม และคอยช่วยเหลือ ประสานงาน มีอธิบดีกรมเอเชียใต้รับผิดชอบ ขึ้นตรงกับศูนย์ติดตามของฝ่ายความมั่นคง และศูนย์บรรเทาสาธารณภัย ณ กองบัญชาการกองทัพไทย และเราได้จัดเตรียมเครื่องบินกองทัพอากาศซี 130 ไว้ในยามฉุกเฉิน เราก็ได้แต่เพียงหวังว่า อยากให้สถานการณ์ทั้งทาง 2 ประเทศ กลับมาสงบ และปลอดภัยให้ได้โดยเร็ว

อยากให้กลับมาแบบบ้านเรานะ สงบเรียบร้อย ยิ้มแย้มแจ่มใสกัน อย่าไปรบกันอีกเลย สงครามกลางเมืองมันเกิดขึ้น มีแต่ผลเสียทั้งสิ้น คนกันเอง รบกันเอง มันก็อยู่กันอย่างนี้ เราโชคดีแล้วที่เราไม่เกิด

ในเรื่องของการดำเนินการตามข้อตกลงของต่างประเทศ อันนี้มีหลายอย่างด้วยกัน คสช.ได้เห็นชอบให้ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทวิภาวีระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญา และสำนักงานสิทธิบัตรยุโรป เพื่อให้สอดคล้องว่าเราจะต้องร่างกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือรอบด้านพีทีเอ และเป็นประเด็นที่ไทยพยายามจะผลักดันในการเจรจาความตกลงการค้าเสรี เอฟทีเอ ระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป โดยให้กระทรวงพาณิชย์ไปพิจารณาให้ครบถ้วนถึงในการที่ไทยต้องจดลิขสิทธิ์ ที่ผมให้เพิ่มเติมไปคือเรื่องการจดทะเบียนลิขสิทธิ์ในเรื่องเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมไทยต่างๆ การเกษตร ภูมิปัญญาท้องถิ่น และงานวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อคนไทย ที่เราคิดกันเองมา บางอย่างมันคิดมาแล้วแต่เราไม่ได้ทำต่อ ต่างชาติก็มาเอาไป แล้วไปคิด แล้วก็ไปต่อยอดมา แล้วก็กลับมาขายเรา อันนี้ผมว่าเราต้องจดทะเบียนให้ได้โดยเร็ว ทุกเรื่อง ทุกด้าน ต้องช่วยกัน แล้วเราก็อย่าไปลอกเลียนเขามา เช่นเดียวกัน เราก็จดของเราไว้ แล้วเราก็อย่าไปลอกเขา เราก็คิดเอง ผิดกฎหมาย

เรื่องต่อไป คสช.เห็นชอบถ้อยแถลงร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มแม่น้ำโขงกับเกาหลีและญี่ปุ่น เพื่อยืนยันเจตนารมณ์ที่จะสานต่อความร่วมมือ และรับมือแผนการปฏิบัติงานในปี 57-59 เรื่องความเชื่อมโยงกันระหว่างกันในอาเซียน การพัฒนาที่ยั่งยืน และมุ่งเน้นประชาชน นอกเหนือจากด้านเศรษฐกิจแล้ว คสช. ผมก็ได้ให้กระทรวงการต่างประเทศไปเพิ่มเติมในเรื่องว่า ในการประชุมลุ่มแม่น้ำโขงเราจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศสมาชิก ที่มีดินแดนติดต่อกับแม่น้ำโขง จะต้องได้รับประโยชน์อย่างเท่าเทียมกัน ในการใช้ลำน้ำโขง ใช้น้ำในแม่น้ำ

การก่อสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำของแต่ละประเทศที่อยู่ตอนบน มีเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้ใช้น้ำตอนใต้ ประเทศสมาชิก มีปัญหา ได้รับผลกระทบ อาจเกิดจากน้ำท่วม อาจจะจากน้ำแล้งด้วย ทั้งคู่ ก็อยากจะขอร้องให้คำนึงถึงสิทธิมนุษยชนด้วย ในเรื่องของสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติด้วย เพราะว่าน้ำเป็นปัจจัยหลักของสิ่งมีชีวิต เพราะฉะนั้นถ้าหากเราเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีโอกาสใช้น้ำอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง ก็น่าที่จะเป็นสิ่งที่ดีในการพูดคุยกันต่อไป

ในเรื่องของการรักษาความสงบเรียบร้อย ผลการปฏิบัติงานของ คสช.ที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน ถึง 29 กรกฎาคม มีการจับกุมดำเนินคดีอาวุธสงคราม ปืนยาว ปืนสั้น ประมาณ 1,700 กระบอก แล้วก็กระสุนปืนกว่าหมื่นนัด ลูกระเบิดขว้าง 45 ลูก ระเบิดยิง 19 ลูก ขณะนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องแล้วจำนวน 2,774 คน ในส่วนนี้ก็เกี่ยวข้องกับผู้ก่อเหตุรุนแรงจำนวน 8 ครั้ง ผู้ต้องหา 12 คน ของกลาง ประกอบด้วย ปืนกลชนิดต่างๆ จำนวน 11 กระบอก ปืนยาว ปืนลูกซอง 3 กระบอก ปืนพก 21 กระบอก เครื่องยิงจรวดอาร์พีจี 1 ลูกระเบิด ส่วนระเบิด M79 19 นัด ลูกระเบิดอาร์พีจีอีก 3 ลูก และยุทธภัณฑ์อื่นๆ

ในการจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด การจับกุมผู้ลักลอบเล่นการพนัน การจับกุมผู้ลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติ ก็ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง มีผลการปฏิบัติมากมาย

ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม ถึง 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีผลการดำเนินการในเรื่องของการพนัน คือการจับกุมบ่อนการพนัน การลักลอบการเล่นการพนันจำนวน 12,782 คดี ผู้ต้องหา 22,752 ราย ของกลาง อาทิ ตู้พนัน ตู้ม้า ตู้ไฟฟ้า ตู้ดีดลูกแก้ว 4 พันกว่าตู้ แล้วก็ของกลาง ไพ่ อุปกรณ์การเล่นไฮโล สลากกินรวบ จำนวนมาก

การจับกุมยาเสพติด 66,657 คดี ผู้ต้องหา 70,635 ราย ของกลาง ยาบ้าจำนวนกว่า 83 ล้านเม็ด ยาไอซ์กว่า 1,000 กิโลกรัม เฮโรอีนจำนวน 369 กิโลกรัม กัญชาอบแห้งจำนวน 22,644 กิโลกรัม พืชกระท่อม 38,738 กิโลกรัม ฝิ่น 109 กิโลกรัม โคเคน 31 กิโลกรัม ซูโดอีเฟดรีน จำนวน 229,850 เม็ด ยาแก้ไอ 334 กิโลกรัม

การจับกุมการลักลอบทำลายทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ 987 คดี ของกลาง ไม้พะยูง 4,197 ลูกบาศก์เมตร มูลค่า 630 ล้านบาท ไม้สัก 580 ลูกบาศก์เมตร มูลค่า 15 ล้านบาท ไม้กระยาเลย 1,900 ลูกบาศก์เมตร มูลค่า 29 ล้านบาท

สำหรับการดำเนินการจับกุมคดีต่างๆ นั้น อยากจะเรียนว่า คสช.ไม่สามารถจะไปบังคับให้จับใครก่อนใครหลังได้ หรือจะไปเลือกจับรายเล็กก่อน จับรายใหญ่ทีหลัง ไม่ได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการแจ้งความ การสืบสวนสอบสวนไปสู่การดำเนินการทางกฎหมายทั้งสิ้น ไม่มีการเลือกข้างเลือกฝ่าย ไม่มีปลาใหญ่ ปลาเล็กปลาน้อย อะไร เห็นวิพากษ์วิจารณ์กันเยอะแยะไปหมด ทุกอย่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายกฎหมาย เขาดำเนินการไปตามข้อเท็จจริง ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้กระบวนการยุติธรรมต้องเสียหาย ก็เป็นขั้นเป็นตอนไป ใครไม่อยากโดนจับ ไม่อยากถูกว่าเป็นฝ่ายไหน ก็อย่าไปทำสิครับ ถ้าทำก็ต้องโดนจับ

ในส่วนของฝ่ายกฎหมายและองค์กร กระบวนการยุติธรรมต่างๆ ผมคิดว่าวันนี้เราเคยคุยกันแล้วว่า ยังไม่น่าที่จะต้องไปสรุปอะไรล่วงหน้า ก็ชี้แจงเฉพาะสิ่งที่ดำเนินการไปแล้ว ผลสรุปต่างๆ ว่าใครจะผิด จะถูก ก็เข้าไปในขั้นตอนให้เรียบร้อย จะได้ไปชี้ผิดชี้ถูกให้มันชัดเจนขึ้น ก็จะได้ข้อยุติที่ทุกคนยอมรับ ทุกคนต้องยอมรับว่าถ้าทำความผิดแล้ว ก็ต้องมีโทษ ต้องถูกดำเนินคดี นะ อย่าให้เขามาตอบโต้ได้ อะไรได้ ว่าไม่ชอบธรรมอีก เพราะฉะนั้นต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คสช.ระวังอยู่แล้ว ทุกคนก็ต้องช่วยกันระวังในเรื่องนี้ด้วย

เรื่องการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ก็อยากให้ทุกคนได้เข้าใจ วันนี้มันทำให้ทุกคนอึดอัด คสช.ก็ทำงาน หน่วยงานความมั่นคงเขาก็ทำงาน ทำงานอยู่ทุกคนนะ ตำรวจ ทหาร เขาก็อยู่ ประชาชนก็เสี่ยงภัยอันตรายอยู่ แต่ผมเรียนว่า วันนี้ผมอยากพูดอีกครั้งหนึ่ง ให้คนไทยทุกคนเข้าใจว่า วันนี้ฝ่ายผู้ก่อเหตุเขาใช้ประเด็นอะไรในการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ประเด็นก็คือการอ้างความเป็นอัตลักษณ์ เรื่องความแตกต่างทางศาสนา ความไม่ชอบธรรม ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ สิ่งเหล่านี้มันง่ายในการที่จะปลุกคนขึ้นมาให้มาต่อสู้เพื่อไปสู่อิสระเสรีภาพอย่างที่เขาต้องการ ที่เขาคิด เมื่อมันมีการต่อสู้ด้วยอาวุธ มันก็ต้องมีการบังคับใช้กฎหมาย มันก็เลยมีการปะทะกัน มีการบาดเจ็บ สูญเสีย ทั้งประชาชน ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ อะไรต่างๆ เมื่อเหตุการณ์มันลุกลามบานปลายจนกำลังในพื้นที่ดูแลไม่ได้ มันก็ต้องมีการใช้กำลังทหารเพิ่มเติม รัฐบาลต้องรับผิดชอบในการจัดกำลังทหารไปเพิ่มเติมในพื้นที่ที่เกิดความไม่เรียบร้อย มีอันตรายต่อประชาชน ทุกรัฐทุกประเทศในโลก็ต้องทำ จะมาบอกว่าของเราไม่ต้องเอาทหารลงไปมันจะได้เลิกรบ ผมว่ามันไม่ใช่ มันไม่ใช่หลักการในการคิดเลย โลกเขาคิดกันแบบนั้น เพราะฉะนั้นการที่เอาทหาร ตำรวจลงไปดูเพิ่มเติม เพราะในพื้นที่เขารับไม่ได้ รับไม่ได้เพราะอะไร เพราะพื้นที่มันกว้างถึง 37 อำเภอ 2,000 กว่าหมู่บ้าน และถ้าเขาทำเขาทำได้ทุกที่ เราต้องเอาคนไปดูทุกพื้นที่ ทั้งพื้นที่ที่แรงมากแรงน้อยก็ต้องมีคนดู ถ้าไม่มีคนดูเผลอตรงไหนเขาทำตรงนั้น นั้นไงเราถึงต้องเตือนคนมากขึ้น ที่ไปอยู่ไม่ใช่เพราะอยากได้เงินได้ทองได้เบี้ยเลี้ยง ผมว่ามันไม่มีใครอยากไปอยู่ไกลบ้าน ทหารก็ไม่อยากไปไกล แต่เขาต้องไป เพราะเขามีหน้าที่สั่งไปเขาก็ต้องไป เขาก็ไปดูคน 2 ล้านคนใน 37 อำเภอ หรือ 2,000 หมู่บ้านให้ปลอดภัยทั้งหมด มันจะได้แค่ไหนก็ทำให้เต็มที่ ใน 2,000 กว่าหมู่บ้าน หรือ 37 อำเภอ มันก็เกิดขึ้นบางอำเภอ แต่เราจะทำเฉพาะบางอำเภอก็ไม่ได้ ตรงไหนว่างตรงไหนมีช่องว่างเขาก็จะทำตรงนั้นอีก มันก็เลยต้องใช้คนเป็นหมื่นคนใน 37 อำเภอ โรงเรียนมีกี่โรงเรียน ถนนเส้นทางมีกี่กิโลเมตรมีกี่เส้น พื้นที่เสี่ยงภัยมีเท่าไร ครูมีอีกเท่าไร ก็ต้องเอาทหาร ตำรวจไปเติมไปดูให้เขาหมด มันแน่นอนครับ มันต้องมีจุดบกพร่อง มันต้องมีช่องว่างแน่นอน เพราะเราลงไปทำงานทั้งที่เรามีแผนงาน มีการฝึก มีการหัด แต่ผมว่าการที่เอาทหารลงไป 30,000-40,000 คน และตำรวจเพิ่มเติมลงไปกับในพื้นที่แล้วประมาณ 40,000-50,000 คน ว่า เฉลี่ยไปแล้ว 37 อำเภอ 2,000 หมู่บ้านเหลือไม่เท่าไร สัดส่วนต่อพื้นที่ และต่อคนที่ไปดูแลอีก 2 ล้าน มีชาวไทยมุสลิมเข้าไปล้านแปดล้านเก้าแล้ววันนี้ตัวเลขขึ้นมาเรื่อย

ในส่วนของคนไทยก็ประมาณ 2-3 แสน ทำยังไงเราจะทำให้คน 2 ล้านเศษเขาปลอดภัย ก็ต้องเอาทหารที่มีตำรวจที่มีไปดูทั้งหมดทุกพื้นที่ทุกเส้นทาง ในขณะเดียวกันวันนี้่เราก็ถูกอ้างไปว่า เมื่อลงไปแล้วทำให้เกิดความวุ่นวาย เกิดการสูญเสียประชาชนไม่พอใจ ผมถามว่าไปถามเขาว่าประชาชนต้องการอะไร มันก็จะมีคนอยู่ไม่กี่กลุ่มที่ไม่ต้องการให้ไปดูแลเขา ผมว่ามันไม่ใช่หลักการคิดที่ถูกต้อง เมื่อเราเอาคนลงไปมากขึ้นมันก็มีการจับกุมดำเนินคดีมากขึ้น มีการปะทะกันมากขึ้น ฝ่ายโน้นก็เอาไปขยายความว่าเราไปละเมิดสิทธิมนุษยชนทั้งๆ เราไปใช้กฎหมาย เราไม่ได้ไปละเมิดอะไรเลย ใช้กฎหมายทั้งสิ้น สืบจับ สอบสวน ดำเนินดคี ปิดล้อมตรวจค้นตามเป้าหมาย เรื่องของการต่อสู้ในเชิงการเมืองด้วย ในเชิงลักษณะการแยกดินแดนมันหาหลักฐานยาก เพราะว่าเป็นการเหมือนการใช้ยุทธวิธีการก่อความไม่สงบ เราก็ไม่อยากจะพูดให้มันมีผลกระทบในวงกว้าง ปัญหาบ้านเราต้องแก้บ้านเรา อย่าไปโพนทะนาให้คนเขารู้เห็นมากนัก

เพราะฉะนั้นบางทีเขาทำแค่เนี่ยเขาไม่ได้ต้องการอะไรหรอก เขาต้องการเพียงแค่ให้คนได้เห็นให้คนได้กลัวเขา เจ้าหน้าที่ทำงานไม่ได้ รัฐล้มเหลว เดี๋ยวต่างชาติมาช่วยเขา เพราะเขาไม่มีกำลังที่จะมาสู้กับเรา เขาก็ใช้วิธีนี้ แล้วเราบางทีก็ไม่เข้าใจ ก็กดดันกันไปกันมา บางอย่างสื่อก็เป็นห่วง ผมเข้าใจดีความห่วงใยประชาชน ห่วงใยเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ผมไม่ห่วงมากว่าท่านหรือ ผมเป็นคนใช้เขาไป ผมก็ต้องดูแลลูกเมียเขาเวลาเขาบาดเจ็บล้มตาย มันเป็นภาระความผูกพันของทหารต่อทหารด้วยกัน ตำรวจด้วยกัน ข้าราชการทุกคน บาดเจ็บล้มตายผมเสียใจหมด เพราะเป็นคนใช้เขา ถ้าใช้เขาแล้วเขาไม่ไปอีกเรื่องหนึ่ง วันนี้เขาไปอยู่แสดงว่าเขายังรักชาติรักแผ่นดิน ยังเชื่อฟังคำสั่งเราน่าจะดีใจตรงนั้นนะ แล้วไม่ใช่ตายไปก็ช่างไม่เป็นไร สวดมนต์ให้เขาทุกวันให้เขาปลอดภัยให้เขามีความสุข ให้เขาทำงานได้ดี ประชาชนเข้าใจ เพราะฉะนั้นในบางครั้งการเข้าไปดูแลพื้นที่มันกว้าง คนมันเยอะ การสัญจรไปมาก็เป็นปกติ การเคอร์ฟิวต่างๆ ก็ไม่เข้มงวด เพราะว่าอะไรคนภาคใต้เขาใช้วิธีอะไร เขามีอาชีพในเรื่องของการเกี่ยวกับยางใช่ไหม ไปกรีดยางไปทำมาหากินบ้านไกลกลับบ้านก็มืดค่ำ เช้าก็ต้องไปกรีดยางตี 3 ตี 4 เราไปเคอร์ฟิวมากๆ เขาก็เดือดร้อนมีปัญหา มันเป็นบางพื้นที่ทีมีความรุนแรงเกิดขึ้น ทั้งเขตเมือง เขตป่าเขา เขตชนบทมันมีหมด ตรงไหนว่างก็ทำตรงนั้น นี้คือสิ่งที่มันเป็นความเลวร้าย และมันทำให้เราแยกแยะคนร้ายได้ไม่ชัดเจน เพราะว่าเราไม่ได้ห้ามขาด ห้ามคนสัญจรไปมาไม่ได้ ทุกคนยังต้องการความเป็นปกติ ทุกคนต้องการเสรีภาพปกติ แต่ทุกคนต้องการความปลอดภัยไปด้วยไม่มีประเทศไหนเขาทำได้ เราทำได้ผมถือว่าเต็มที่แล้ว เพราะฉะนั้นทุกคนต้องช่วยกัน

สื่อต้องระมัดระวังการเสนอข่าว ผมไม่ได้บอกให้ท่านปิดบังมันเป็นเรื่องข้อเท็จจริง แต่ไม่ต้องไปแพร่ซ้ำบ่อยแล้วมันไม่ได้อะไรขึ้่นมา แพร่ซ้ำมันเป็นการเปิดพื้นที่ข่าวให้กับเขา เขาต้องการให้ต่างชาติรับรู้ต้องการให้คนมากดดันเจ้าหน้าที่กดดันรัฐแล้วผมถามมันทำอะไรได้มากกว่านี้ไหม ในระหว่างนี้เราก็ทำในเรื่องของการแบ่งพื้นที่ ในเรื่องของการใช้กำลังในการเสริมสร้างกำลังลงไป ในการเพิ่มมาตรการด้านการข่าว การปฏิบัติตามกฎหมายให้เต็มที่ เพราะไม่ใช่แต่ประชาชนตายเจ้าหน้าที่ก็ตาม เจ้าหน้าที่ก็บาดเจ็บ แล้วก็ยังบอกว่าทำไมในเมื่อเจ้าหน้าที่บาดเจ็บแล้วประชาชนจะปลอดภัยได้ไง เพราะเขาจะตายเพราะเขาไปดูแลท่านก่อนใช่ไหม เมื่อดูแลท่านมันก็เกิดช่องว่าง เพราะว่าเราไปอยู่กับท่านอยู่ท่ามกลางประชาชน เราก็ใช้อาวุธอะไรไม่ได้เต็มที่ เขาก็มาปะปนอยู่กับชาวบ้าน แล้วเวลาใช้อาวุธเขาไม่ต้องระวังใคร ไม่ต้องระวังเจ้าหน้าที่ ไม่ต้องระวังชาวบ้าน แต่เราต้องระวังเวลาใช้เพราะเดี๋ยวโดนประชาชนขึ้นมาทำยังไง นั้นมันเป็นสิ่งที่เราเหมือนกับถูกมัดมือไว้เหมือนกัน แต่เราทำเต็มที่ ก็มีการสืบจับกุมดำเนินคดีตามหลักฐานตามกล้องๆ ต่างภายหลังทั้งสิ้น ถ้าปะทะก็ปะทะกันไป ขอร้องอย่างเดียวว่าอย่าพยายามอย่าแพร่อะไรที่มันเกินเลยออกไป หรือวิพากษ์วิจารณ์จนเกินเหตุ แล้วมันวิพากษ์ไปแล้วก็ทำไม่ได้ ทำไม่ได้อย่างนั้น ยังไงก็ทำไม่ได้ ถ้าจะทำได้ก็ต้องเข้มงวดกว่านี้ ประชาชนก็เดือดร้อนอีก คนที่ไม่เดือดร้อนมันก็มี เราไม่สามารถไปกำหนดได้เฉพาะถนนเส้นนี้ หรือเฉพาะบ้านนี้ บ้านโน้นเข้มงวดไม่ได้ มันก็ต้องดูแลทั้งพื้นที่

การจัดตั้งมวลชนหมู่บ้าน การสร้างแกนนำขัดขวางการบริหารงานของเจ้าหน้าที่รัฐวันนี้เราจะใช้ยุทธศาสตร์พระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา และก็ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเร่งรัดลงไปพัฒนาในพื้นที่ เราแบ่งเป็นพื้นที่ตามความหนักเบาของสถานการณ์ ถ้าพื้นที่หนักหน่อย คือพื้นที่ความมั่นคง ใช้กำลังทหาร ตำรวจมากหน่อย พื้นที่เสริมสร้างการพัฒนา อันนี้เป็นพื้นที่ที่เบาแล้ว อีกอันพื้นที่ที่ต้องเร่งรัด คือพื้นที่ที่ยังรุนแรง ต้องเร่งพัฒนาให้เข้าไปให้คนเข้าใจ คนออกมาร่วมมือกันในการที่จะพัฒนา วันนี้ทุกเรื่อง ทุกอย่าง ใช้เวลามานานพอสมควร มันต้องใช้เวลา ระยะที่ 2 นี่ก็ 2 เหมือนกัน ระยะที่ 1 เอาทหารลงไป ระยะที่ 2 กำลังปรับดำเนินการ ระยะที่ 3 ก็เตรียมส่งต่อพื้นที่ให้กับกำลังปกติ ไปไม่ได้เหมือนกัน เหมือนกับการปฏิรูปนี่ล่ะ เพราะฉะนั้นก็ใจเย็นๆ นิดหนึ่ง ทำยังไงจะตายน้อยลง ทำยังไงจะไม่ตาย ทำยังไงจะไม่เจ็บ ทั้งประชาชน ทั้งเจ้าหน้าที่ มีชีวิตจิตใจ โน่น ไปหาคนทำโน่น ว่าทำไมวันนี้ในเมื่อจะแยกดินแดน อ้างศาสนา อ้างอะไร แล้วทำไมวันนี้คนไทยมุสลิมตายมากขึ้นเรื่อยๆ แสดงว่าไม่สนใจว่าเป็นศาสนาไหนทั้งสิ้นนะ คนทำเนี่ย ผมว่าไม่ได้ ต้องแก้ไข ขณะเดียวกันบางส่วนก็หลบหนีข้ามไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน มีทั้งป่าเขา มีทั้งลำน้ำ มันข้ามง่ายตลอด ไม่มีรั้วเลย กำลังจะเร่งรัดกันว่าจะทำยังไง จะสร้างรั้วกันได้มั้ย หรือติดอะไร เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการดูแลชายแดนได้ ทุก 5,600 กิโลเมตร ยังใช้ทหาร ใช้ตา ใช้อะไรเฝ้าระวังอยู่ตลอด เพราะมันใช้งบประมาณสูง รั้วก็ไม่มี เห็นใจกันบ้างนะครับในการทำงาน เขาก็เสี่ยงชีวิตให้ท่านทุกวัน ทั้งหมดทหารทำงานอยู่ 8 หมื่นคนต่อวันมั้ง ชายแดนทั้งหมดนี่ ใต้ด้วย อะไรด้วย 8 หมื่นนะ ต่อวัน แล้วตำรวจอีกล่ะ ข้าราชการพลเรือนอีกล่ะ แล้วประชาชนที่เขาอยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงอีกล่ะ นั่นคนไทยทั้งสิ้นนะครับ ไทยพุทธบ้าง ไทยมุสลิมบ้าง

ในส่วนของการพูดคุยสันติภาพ ที่ผ่านมาก็มีการพูดคุยมาตามลำดับ ทั้งทางลับบ้าง ทางเปิดบ้าง ทีนี้พอเปิดมากๆ เข้า มันไม่ได้แล้ว เราจำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมให้มากขึ้นกว่าเดิม อันแรกคือการที่จะมา ใครที่จะมาคุยกับเรา มันต้องเป็นผู้นำขบวนการที่แท้จริง คำว่าแท้จริง คือ จะต้องไปรวมทุกกลุ่มมาให้ได้ ไม่ใช่ว่ากลุ่มนี้ใหญ่ แล้วก็มาคุยกลุ่มเดียว กลุ่มเล็กๆ มันก็มีศักยภาพอยู่เหมือนกัน ทำความรุนแรงมากบ้าง น้อยบ้าง ถ้ากลุ่มใหญ่มาคุย กลุ่มเล็กก็อยากยกระดับตัวเองขึ้นมาบ้าง ให้มีการเข้าร่วมการพูดคุย เพราะฉะนั้นที่เกิดมามีหลายกลุ่ม เรามีข้อมูลเกือบหมด มีการปะทะ มีการจับกุม มีหลักฐาน วันนี้เราต้องทำยังไงให้มันรัดกุมขึ้น ทำยังไงเขาจะไปรวมกันมาได้ แล้วมาพูดคุยกันในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพัฒนา เรื่องการหยุดยิง เรื่องของกฎหมาย เรื่องของความไม่เป็นธรรมทั้งหมด เราตั้งคณะกรรมการหลายคณะที่จะต้องเร่งดำเนินการคุย ตอนนี้ สมช.กำลังเร่งอยู่นะครับ ถ้าเรารีบร้อน คุยกันแล้ว 3 ครั้งแล้ว ต้องจบแล้ว 5 ครั้ง ไม่มีทางเป็นไปได้ ทั้งโลกเขาก็เป็นอย่างนี้ เขารบกันมาเป็นสิบๆ ปี ประเทศในอาเซียนก็มี นี่ก็ยังรบกันอยู่เลย ถึงแม้จะมีการเจรจากันแล้ว เพราะว่าทุกอย่างมันเป็นขั้นเป็นตอน ทุกอย่างใช้เวลา ทุกอย่างเขาไม่ได้มีระเบียบวินัยเหมือนเรา เราสั่ง ผมสั่งคนเดียวเลย ทั้งกองทัพก็ต้องทำตามผม แต่ฝ่ายโน้นเขาไม่ได้สั่งคนเดียว คนสั่งหลายคนหลายกลุ่ม และเป็นการสั่งแบบขาดตอน สั่งแบบเขาเรียกว่าอะไร สั่งแบบเปิดไปทำร้ายตรงโน้นตรงนี้ ตั้งแต่วันนี้ไปทำร้ายให้มากที่สุดแล้วกัน สั่งแบบนี้เมื่อไรก็ได้ ที่ไหนก็ได้ อย่างนี้ผมสั่งท่านได้ไหม ผมสั่งไม่ได้ ผมก็ต้องสั่งพื้นที่นี้ พื้นที่นั้นวางราง ใช้ยุทธวิธีอย่างนี้ ยุทธศาสตร์เข้าไปอย่างนี้ พัฒนาเข้าไปอย่างนี้

วันนี้เราก็ใช้ยุทธศาสตร์การเมืองนำการทหาร ไปสร้างความเข้าใจมีตั้ง 9 ยุทธศาสตร์ที่้ทำอยู่ เป็นยุทธศาสตร์ของ สมช. และทำตั้งแต่ปี 55 มาแล้ว ทำมาตลอดทั้ง 9 ยุทธศาสตร์ ไม่ใช่บอกว่าทหารใช้แต่อาวุธ ทหารวันนี้รู้มากอยู่แล้ว เพราะเป็นคนคิดไปกับเขาว่า ต้องสู้แบบไหน มันต้องทำงานแบบไหน ทั้งการพัฒนา การเมือง การสร้างความเข้าใจ การพูดคุยหาทางออก ทหารเป็นคนเสนอทั้งนั้นแหละครับ ถ้าเราต้องการจะใช้กำลังอย่างเดียว ต้องการจะใช้งบประมาณอย่างเดียว ผมจะเสนอให้คนอื่นเขามาร่วมกับเราทำไม ทหารก็ทำเอง วันนี้ก็มีทั้ง ศอ.บต. มีทั้ง กอ.รมน. มีทั้งกระทรวง ทบวง กรม ศาลแพ่ง 21 กระทรวงที่เกี่ยวข้อง และมีศาลแพ่งออกมา 3 ระดับลงมาตั้งแต่นโยบายขับเคลื่อน และผู้ปฏิบัติ ทหารคิดไปทั้งนั้นแหละครับ คิดให้การเมืองมันนำการทหาร นี่เราคิด ไม่ใช่คิดทหารนำการเมือง นี่คือสิ่งที่ผมอยากจะพูดให้พวกเราเข้าใจ ถ้าเรามากดดันกันมากๆ ทำไมไม่สู้กันไป ไม่มีบาดเจ็บล้มตาย ถ้าพูดคุยกันเร็วมันจะเลิกเร็ว มันเป็นไปไม่ได้หรอก มันเป็นเรื่องของการต่อสู้ไปอีก ยุทธศาสตร์ชาติพันธุ์มาสู้ บางคนบอกทำไมไม่เอา 6623 ก็เรามีมาตรา 21 ไง เราก็ออกกฎหมายมาให้แล้ว กลับมาเข้ารับการอบรม 6 เดือน ก็กลับไปเป็นผู้ร่วมสัมมนา ก็เห็นมาไม่กี่คนหรอก มันต่างกันนะครับ บางอย่างใช้ได้ในภาคนี้ภาคโน้นในการเคลื่อนไหว ในการต่อสู้ อีกเรื่องมันอาจจะใช้ไม่ได้ เรากำลังคิดหาทางทุกอย่างอยู่แล้ว โครงการนำคนกลับบ้าน อะไรก็แล้วคิดไปจิปาถะ ทหารคิดทั้งนั้นแหละครับ แต่ไปขอความร่วมมือ ไประดมความคิดเห็นทุกภาคส่วน ทั้งพลเรือนเห็นชอบร่วมกัน และถึงมาทำ ไม่ใช่ทหารไปสั่งอะไรก็ได้ให้ทำ ถ้าสั่งแบบนั้นมันเละไปกว่านี้แล้ว มันจะยิ่งแย่ไปกว่านี้

เพราะฉะนั้นวันนี้ขอความเข้าใจ กำลังใจบ้าง และขอให้ทุกคนช่วยกันเฝ้าระวังให้ความร่วมมือ เสียสละความสะดวกสบาย และต่อต้านผู้ที่จะมามีอิทธิพลมาแทรกอยู่ในทุกชุมชน นอกจากเรื่องแยกดินแดน เรื่องอะไรเหล่านี้แล้ว ยังมีเรื่องของอะไรผิดกฎหมาย เรื่องของปัญหาแทรกซ้อน ยาเสพติด แรงงานต่างด้าว ผลประโยชน์ น้ำมันเถื่อน เยอะแยะไปหมด มันธรรมดาคนอยู่หมู่มากมันร่วมกันนั่นแหละ

เพราะฉะนั้นวันนี้ที่น่าเป็นห่วงก็คือ ชาวไทยมุสลิม ก็ถูกทำร้ายมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งไปอยู่ในที่ชุมนุม ที่ชุมชนเช่น ตลาดซื้อของ เดิมบอกว่าสู้เพื่อมุสลิม และทำไมวันนี้มุสลิมตายด้วย จะมาบอกว่าเจ้าหน้าที่ทำมันคงไม่เห็นประโยชน์ มันจะไปทำทำไม มีแต่ว่าให้ทุกคนปลอดภัย ต้องการจะพัฒนาทุกด้าน การศึกษา อยากให้เขาเรียนรู้ อยากให้มีงานทำ เพราะทุกคนคือคนไทย ไม่ใช่คนชาติอื่นเลย นับถือคนละศาสนาก็ไม่เห็นเป็นอะไร อยู่กันได้ในกรุงเทพฯ ก็อยู่กันได้ ในส่วนของด้านสังคมจิตวิทยา สิ่งแวดล้อม 2 เดือนที่ผ่านมา รับเรื่องร้องเรียนประชาชนประมาณ 2 หมื่นกว่าเรื่อง บางคนบอกแหมโม้อีกแล้ว แก้ไขไปร้อยละ 86 บอกโม้อีกแล้ว ก็มันจริงๆ นี่ครับ มาเรื่องเล็กเรื่องน้อยก็เป็นหมื่นเรื่อง ส่งกลับไปให้แต่ละกระทรวง ทบวง กรมที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่ คสช.แก้เอง เพราะเราสั่งให้ไปแก้ แต่ก่อนไม่ค่อยรับเขาหรอก ไม่ค่อยฟังเขา ถือว่าเดี๋ยวเขามาก็กลับไปเอง ไม่ได้ตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียน แล้วส่งกลับไปกระทรวงไหนถ้าทำไม่เสร็จก็ต้องรายงานมา มันถึงแก้ได้ไง นี่เขาเรียกสถานการณ์เป็นปกติ แก้ไปร้อยละ 86 กำลังดำเนินการอีก 3,000 กว่าเรื่อง ใน 20,000 ไม่ได้โม้ บางคนเขียนทุกวัน ฟุ้งคุย ศัพท์พวกนี้ฟังแล้วผมก็โมโหนะ แต่ก็ขำๆ บ้าง พยายามจะแจ้งให้ประชาชนทราบตลอดเวลา

เรื่องการเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ ในเรื่องของการกำหนดให้สารระเหย ในกลุ่มของโวลาไทล์ อัลคิลไนไตรท์ เป็นสารระเหย ซึ่งเป็นสินค้าต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร อันนี้ตามที่คณะกรรมการป้องกันการใช้สารระเหยเห็นชอบ ได้กำหนดให้สารระเหยกลุ่มนี้มันมีพิษมีภัย จำนวน 6 รายการ บางคนเอามาใช้เป็นส่วนประกอบของยาที่ใช้มอมเมาเยาวชน เป็นบ่อเกิดของการข่มขืน ทำร้าย อันตรายต่อร่างกาย และทำให้เกิดโรคต้อหินด้วย ระบบทางเดินหายใจผิดปกติ เม็ดเลือดแดงผิดปกติ ภาวะโลหิตจางกับระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ เป็นต้น อาจจะเสียชีวิตด้วย

นอกนั้นผมก็เป็นห่วงในเรื่องของมาตรการควบคุมสิ่งเสพติดอื่นๆ ที่เรายังไม่มี ที่มอมเมาเยาวชนในวันนี้ได้รับคำร้องเรียนมาจำนวนมากพอสมควร เช่น บารากุแพร่หลายเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ก็ติดกันเยอะ ซึ่งเป็นอันตรายทั้งสิ้น นอกจากเหล้า บุหรี่แล้ว และก็มีเหล้าปั่นอีก ตอนนี้มีรถเข็นจำหน่ายทั่วเลยตามตรอกซอกซอยต้องไปดูแล เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่ามันถูก หรือผิดกฎหมาย ไม่อย่างนั้นสังคมมันก็แย่อยู่แบบนี้ จะบอกว่าผมไปทำลายความสุข มันไม่ใช่นะ ความสุขและมันเป็นความทุกข์ต่อคนอื่น กับพ่อแม่กับตัวเอง ผมว่ามันไม่ใช่ความสุขอย่างแท้จริง

ในเรื่องของการจัดระเบียบสังคม ค้าขาย แผงลอย รถตู้ จักรยานยนต์ ขอบคุณพ่อแม่พี่น้องทุกคนที่มีความเข้าใจให้ความร่วมมือ บางคนบอกแล้วมันจะเกิดได้หรือเปล่าวันหน้า คืออย่างไรมันก็จะเกิดได้ถ้าท่านไม่ร่วมมือ วันนี้ท่านร่วมมือเพราะท่านกลัวกฎหมาย และวันหน้าท่านไม่กลัวหรอกฎหมาย แสดงว่ากฎหมายมีไว้ให้เลือกจะกลัวใช่ไหม วันนี้กลัวก็ได้ วันหน้าไม่กลัวก็ได้ ท่านต้องฝึกตัวเองครับ ให้มันเชื่อฟังกฎหมาย อยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย เจ้าหน้าที่ก็มีคุณธรรมจริยธรรม ไม่เรียกร้องผลประโยชน์ มันน่าจะยั่งยืนได้ เราเริ่มต้นให้ และท่านจะให้เราบังคับท่านตลอดไปเลยหรือไง วันนี้ขอให้ช่วยกันปฏิบัติตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ก็ทำงานให้เต็มที่ ใช้คู่ไปกับหลักเมตตาธรรมด้วย สังคมจะได้ไม่วุ่นวาย ไม่เสียหายต่อในอนาคต

ในส่วนของการประกอบอาชีพรายได้ อันนี้ผมได้ย้ำไปแล้วว่า จะทำอะไรก็แล้วแต่อย่าให้พ่อแม่พี่น้องนั้นเดือดร้อน มีผลกระทบต่ออาชีพและรายได้หลักของคนยากจน คำว่ายากจน ผมไม่ได้ดูถูกว่าท่านยากจน ผมเข้าใจคำว่า ยากจน จำเป็นจะต้องใช้มันเป็นศัพท์ เพื่อจะได้นำไปสู่การพัฒนา คสช.คือผู้ที่มีรายได้น้อย ผู้ที่เข้าไม่ถึงทรัพยากรอย่างทั่วถึง เข้าไม่ถึงด้อยโอกาส ผมพยายามปรับแก้ในเรื่องเหล่านี้มาโดยตลอด ในขณะนี้สิ่งที่ คสช.ได้พยายามแก้โดยเร็วคือ ให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.รวม 12 ฉบับ ซึ่งจะต้องนำเสนอ สศช.ได้ทันที ที่มีการเปิดประชุมสภา สศช. เช่น ร่าง พ.ร.บ.การกลับไปใช้สิทธิบำเหน็จบำนาญตาม พ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญข้าราชการ 2494 ช่วยให้ข้าราชการ ซึ่งเป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญ กบข. สามารถกลับไปใช้สิทธิในหน่วยงานข้าราชการ เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของข้าราชการผู้รับบำนาญ ซึ่งเป็นสมาชิก กบข. เพื่อใช้ในการดำรงชีวิตในระยะยาว ร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคม แก้ไขให้ขยายขอบเขตการบังคับใช้ให้ครอบคลุมลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการด้วย ร่าง พ.ร.บ.การคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง ให้มีคณะกรรมการคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง เพื่อจะกำหนดนโยบาย แนวทางการดำเนินการ มีการจัดตั้งสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง ช่วยเหลือผู้เดือดร้อน และดูแลผู้ไร้ที่อยู่อาศัย ไม่มีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพ

เรื่องการศึกษา จากการร้องเรียนของระบบประเมินคุณภาพการศึกษาของสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา คสช.ได้ขอความร่วมมือไปยัง สพฐ.ให้ชะลอการประเมินตัวบ่งชี้รอบที่ 4 ไปพลางก่อน ซึ่ง สพฐ.ก็เห็นด้วย หนังสือตอบมาว่าเห็นด้วย ให้มีการทบทวนกระบวนการ มาตรฐานตัวชี้วัดการประเมินคุณภาพการศึกษา ให้สอดคล้องกับบริบทของการศึกษาไทย สุ่มประเภท ลักษณะของแต่ละมหาวิทยาลัยที่มีความแตกต่างกัน มันเป็นภาระ เพื่อจะได้ไม่เกิดภาระกับครูอาจารย์ที่ต้องเสียเวลามาเตรียมการสอน ไปทำงานด้านธุรการ ทั้งนี้ จะนำเสนอข้อปรับปรุงในการแก้ไขเข้าคณะรัฐมนตรี เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อพิจารณาอนุมัติให้มีการประเมินผลในครั้งต่อไป

ประเด็นอื่นๆ ที่ประชุมให้ความสนใจ ผมพูดไป ท่านก็ตอบกลับมา บางครั้งผมพูดเยอะ ท่านก็ตอบเยอะ ตอบ 2-3 เท่า ส่วนใหญ่ก็ให้คำแนะนำติติง วิพากษ์วิจารณ์แต่พอสมควร อันนี้ผมรับได้ ก็ขอบคุณสมาคมสื่อ ที่ช่วยกันสร้างความเข้มแข็งและจริยธรรมให้กับองค์กรสื่อด้วยกัน คสช.ไม่ได้มุ่งหวังที่จะปิดกั้น ขอร้องให้อยู่ในกติกาบ้าง มีจรรยาบรรณบ้าง ปรับปรุงคุณภาพ วิสัยทัศน์ของสื่อทุกประเภท ช่วยกันลดความขัดแย้ง และเราเป็นคนไทยด้วยกัน ก็ให้เกียรติซึ่งกันและกันบ้าง ถ้าหากว่ามากล่าวหาในความเสียหาย เด็กไม่เคารพนับถือกัน มันก็เสียหายนะครับ วิพากษ์วิจารณ์พอสมควรแล้วกัน ผมขอบคุณทุกคนเลยจริงๆ นะขอบคุณ

ในเรื่องของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เดี๋ยวเกรงว่าจะไม่เข้าใจกันอีก การดำเนินการต้องใช้เวลา ขั้นตอนอีกมากมาย วันนี้อนุมัติยุทธศาสตร์ไป ล่วงหน้าหลายปี เพราะมันไม่ได้ทำ 3 วันเสร็จ ฉะนั้นโครงสร้างพื้นฐานใช้เวลาหลายปี ใช้งบประมาณจำนวนมาก ก็วางแผนงานให้ดี บางคนบอกว่า ออกมาแล้วมันแพง แพงกว่าเดิม เหมือนเดิม ของเก่า มันก็ท้อแท้เหมือนกันนะ จะทำอะไรมันก็มีปัญหาหมด ให้คอยดู เขาเพียงแต่พูด เพียงแต่มีหลักการไว้เฉยๆ ยังไม่ได้ใช้เงินสักสลึงเลย ไปดูสิว่า ไอ้แผนงานที่ออกมามันดีไหม มันเป็นอนาคตของชาติไหม มันจะทำให้พัฒนาขึ้นไหม ไปดูตรงนั้นดีกว่า เดี๋ยวเขาก็ต้องทำต่อไปในเรื่องของงางแผนงาน ระยะเวลา ระยะสั้น ระยะยาว ขั้นตอนในการจัดซื้อจัดจ้าง การร่างทีโออาร์ ความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน ประชาชน มันต้องทำทั้งหมดนะ ใช้เวลาอีกพอสมควร เงินก็ยังไม่มีเลย จะใช้ตรงไหนก็ไปว่ามา อันไหนใช้งบประมาณได้ อันไหนใช้เป็นเงินกู้ กู้แล้วจะไม่เกินกรอบหนี้สาธารณะหรือเปล่า มันเป็นเรื่องใหญ่ ผมคงไม่ทำอะไรที่มันชุ่ยๆ ออกไปนะ มันต้องให้มีความโปร่งใส และมีความต่อเนื่องเชื่อมโยงทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางถนน ทางบกมีทั้งถนน ทางราง ทางน้ำ ก็มีท่าเรือ ทางอากาศก็มีเครื่องบิน ฉะนั้นทั้งหมดมันต้องต่อเนื่องเชื่อมโยงกันให้ได้ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ สะดวกทั้งบ้านเรา และต่างประเทศ

ในเรื่องของการขนส่งสินค้า การเดินทาง การเชื่อมต่อระบบไฟฟ้า การขนส่งมวลชนอื่นๆ ให้เกิดเป็นระบบ และโครงข่ายเน็ตเวิร์ค ในการคมนาคมของประเทศ ประเทศเพื่อนบ้าน และประชาคมอื่นๆในอาเซียนด้วยต้องขยายไปสู่อนาคตทั้งสิ้น

บางคนกล่าวว่า ต้องมีการลงทุนให้เปล่า ต่าประเทศ ไปตกลงอะไรไว้กับใคร ไม่ตกลงอะไรกับใครสักคนเลย วางแผนอย่างเดียวเอง ก็อนุมัติแผน แค่นั้นเอง ไปกันใหญ่โต ยังไม่ไปถึงไหนทั้งสิ้น แต่ปากอยากได้เร็วๆ แล้วมันจะทำได้อย่างไร ถ้าไม่พูดกัน ไม่วางแผน ไม่อนุมัติกันไว้ก่อน แล้วมันจะทำอย่างไร ไอ้เรื่องโกงไม่โกงไปว่ากันอีกขั้น อย่ามาพันกัน

ระบบรถไฟทางคู่ และทางอากาศ ทำอะไรจะเกิดประโยชน์มากที่สุด และเรามีอะไรอยู่แล้วเดิมบ้าง วันนี้เรามีรถไฟ รางรถไฟขนาด 1 เมตรใช่ไหม 1 เมตรซึ่งมีตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 กี่ปีมาแล้ว และก็มีสนามบินสุวรรณภูมิสร้างใหม่ สนามบินดอนเมืองสร้างเดิมปรับปรุง อู่ตะเภาสร้างไว้ตั้งแต่มีสงคราม 3 สนามบินเราใช้ประโยชน์ได้เต็มที่หรือยัง เราจะเชื่อมต่ออย่างไร จะขยายอย่างไร ระบบรถไฟฟ้าจะต้องเชื่อมโยงตรงไหน แอร์พอร์ตลิงก์มันใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่จะทำอย่างไร มันต้องไปวางแผนในภาพรวม มองภาพการท่องเที่ยวในประเทศอื่นด้วย ระยะต้นจะไปไหนก่อน ไปภาคตะวันออกก่อนไหม ไปพัทยา ชลบุรี ไปภาคตะวันออกก่อนไหม เรื่องการท่องเที่ยว มันต้องไปสัมพันธ์กับสนามบินภาคตะวันออกใช่ไหม ก็ต้องมีรถไฟฟ้า รถขนส่งให้มันสอดคล้อง ถ้าไม่วางอย่างนี้มันก็ไปไม่ได้อีก มันเริ่มใหม่ไม่ได้สักที

เพราะฉะนั้นวันนี้ให้กระทรวงคมนาคมไปปรับแผน ให้สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว ใช้งบประมาณประหยัด ไม่อย่างนั้นมันไม่ทันต่อการพัฒนาประเทศ ไม่ทันต่อการเป็นเออีซี รถไฟรางคู่ 1 เมตร มันยังมีความจำเป็นอยู่ เพราะวันนี้เรามีรางรถไฟ 1 เมตรมาโดยตลอด และถ้าเราไปรื้อ 1 เมตรออก และเราสร้าง 1.43 5 เมตรทีเดียวมันสร้างได้ไหม มันทำได้ทันไหม มันมีเงินไหม ไม่มี เพราะฉะนั้นต้องซ่อม 1 เมตรไปก่อน และรางรางเดี่ยว รางเส้นทางเดี่ยว ราง 1 เมตร ที่มันเป็นเส้นทางเดียว ทำเป็นทางคู่ 1 เมตรเหมือนกัน นี่คือซ่อมและสร้าง 1 เมตร ถ้าเราจะสร้างเส้นทาง 3 ขึ้นมา มันควรจะสร้าง 1.435 ใช่ไหม เข้าใจยัง 1.435 มันจะไปเชื่อมต่อกับรอบบ้านเรา บางรางก็มาจากจีน อินเดีย ไปใต้บ้าง ตะวันออก ตะวันตก วันหน้ามันต้องถึงกันหมดนะ วันนี้ก็มีการพูดคุยหารือกับประเทศรอบบ้านแล้ว เขาก็เห็นด้วยชอบกัน บางคนบอกทำไมจะต้องไปสร้าง 1.435 จะมีผลประโยชน์หรือเปล่า โน้นอนาคตจะต้องมี วันนี้เอา 1 เมตร ต่อจากที่สร้างตั้งแต่รัชกาลที่ 5 มาก่อนใช่ไหม ผมไม่เห็นมันจะก้าวหน้าเท่าไรเลย ไม่พัฒนามานานแล้ว เพราะฉะนั้นเดี๋ยวเราจะให้ทำทางคู่ กับทาง 1 เมตรเดิม เข้าใจหรือยัง นี่เขาเรียกว่ารถไฟทาง 1 เมตร ทางเดี่ยวก็คือมีเส้นเดียว ถ้าทางคู่มี 2 เส้น เรียกกันไปกันมาจนงงแล้ว รางคู่ รางเดี่ยว อะไรกัน ไม่ใช่ ต่อไปนี้ให้เข้าใจตรงกัน รถไฟทางคู่ ทางคู่คือมี 2 ทาง คู่ขนานกัน เพราะว่าถ้าอนาคตเราไม่พัฒนา เรายังคงใช้ 1 เมตรไปเรื่อยๆ เดี๋ยวหัวจักรก็ไม่สร้างกัน ต่อไปอนาคตก็ใช้แต่อาเซียน เขาก็เลิกผลิต แพง แล้วก็บรรทุกสินค้าได้น้อย วิ่งก็ช้า เราก็ต้องรองรับ แต่มันอาจจะอีกหลายปี 1 เมตรก็ทำไปก่อน ซ่อมไปก่อน สร้างไปก่อน เอาเฉพาะเส้นที่จำเป็น ขนส่งสินค้า ขนคนที่มีรายได้น้อย อะไรทำนองนี้ แต่ต้องดีขึ้น รถจักรมันต้องใหม่ขึ้น มันโบราณกาลอย่างนี้ไม่ไหวแล้ว ทุกคนก็ทนไม่ได้ แต่บอก มันแพงไป ก็เราผลิตเองได้ที่ไหนล่ะ มันต้องช่วยกันผลิตเองมั้งจะได้ถูกขึ้น

ในส่วนของการพัฒนาปรับปรุงแก้ไขปัญหาของรัฐวิสาหกิจต่างๆ ก็ทำอย่างต่อเนื่องนะครับ ขอบคุณคณะกรรมการบริหาร ทั้งชุดที่แล้ว และชุดใหม่ ช่วยกัน ชุดที่แล้วก็เปิดทางให้ ชุดใหม่ก็แก้ไขปรับปรุง และมีความตั้งใจ ทุ่มเทเดินหน้า ในการจะพัฒนาให้เต็มที่ ของบางอย่างมันเป็นปัญหามาเป็นสิบๆ ปี วันนี้ 3 เดือนบอกต้องได้ ต้องแก้ได้ ไอ้โน่นต้องแก้ ไอ้นี่ต้องแก้ ไอ้นี่โกง ไอ้นี่ไม่โกง แหม ใจเย็นๆ หน่อยสิครับ นะ ใจร้อนมากเดี๋ยวก็เสียหาย วันนี้กำลังอยู่ในแผนพัฒนา แผนการฟื้นฟูกิจการ การพัฒนาระบบบริหารจัดการภายในให้มีประสิทธิภาพ มีความโปร่งใส รถไฟไทยก็ต้องพัฒนาในเรื่องความปลอดภัยของผู้โดยสาร คุณภาพการบริการ การบริหารจัดการหนี้สิน การใช้ทรัพยากรสินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ที่ดินการรไฟฯ ก็มีแต่พูดกันว่าราคาเท่าโน้นเท่านี้ ก็ไปว่ากันมาว่าจะทำยังไง

สำหรับสิทธิประโยชน์ของข้าราชการการเมืองนั้น อันนี้เป็นประเด็นอีกเหมือนกัน ทุกคนก็ลงมาที่ผมอีก คสช.ไม่ได้มุ่งหวังจะยกเลิกประการใด เพียงแต่อยากให้มีการปรับให้เหมาะสม ใกล้เคียงกับระบบราชการ ที่เขามีบำเหน็จบำนาญเหมือนกัน เขามีอายุราชการ มีการทำงาน มีตัวคูณ ตัวเลข ก็ลองมาคิดกันดูว่าจะทำยังไงให้มันเกิดความเป็นธรรม จะได้ลดประเด็นแห่งปัญหาความขัดแย้ง นี่ก็คงจะต้องไปหารือรายละเอียดอีกครั้งเมื่อมีรัฐบาลแล้วนะครับ ผมยืนยัน ไม่ได้ไปยกเลิกอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่ปรับแก้ไขให้มันดีขึ้น

เรื่องการป้องกันแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ก็พูดหลายครั้งแล้วนะ ใครก็ตามที่ยังไปเรียกร้องกันอยู่ ก็กรุณาเลิกซะ เพราะจะจับกุมเพิ่มไปเรื่อยๆ พวกไปเรียกร้องผลประโยชน์ ไปเรียกค่าคุ้มครองอะไร มันไม่ควรแล้วนะ ช่วงนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทหาร ตำรวจ แจ้งมาเลย ไปจับก่อน ให้ทุกคนระมัดระวังให้ดี อย่าให้เขาไปหลอกอีก

ต่อไปเรื่องคำติชมต่างๆ จากพ่อแม่พี่น้อง จากสื่อ วันนี้ผมชื่นใจ ชื่นใจแทน คสช.ทุกคน ชื่นใจแทนคนไทยทุกคน ชื่นใจแทนข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่ร่วมมือกันทำหน้าที่ เราพยายามจะเดินหน้าเรื่องปฏิรูป แก้ไขความเดือดร้อน ให้เป็นไปตามโรดแมปที่วางไว้ ก็ขอให้ทุกคนได้ร่วมกันเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย เพื่อจะนำความผาสุกกลับมาสู่ประชาชนคนไทยได้เร็วๆ

เรื่องที่น่ายินดี ในระยะเวลาอันใกล้นี้ ก็คือในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะเวียนมาบรรจบครบอีกวาระหนึ่งในวันที่ 12 สิงหาคม 2557 คสช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะจัดงานเฉลิมพระเกียรติในห้วง 9-12 สิงหาคม ณ บริเวณสวนอัมพร ลานพระราชวังดุสิต หรือลานพระบรมรูปทรงม้า แล้วก็ท้องสนามหลวงด้วย ขอเชิญชวนพ่อแม่พี่้น้องประชาชนชาวไทยได้มาร่วมงานโดยพร้อมเพรียงกัน จะมีกิจกรรมหลายกิจกรรมด้วยกัน ประกอบด้วย กิจกรรมทางพระพุทธศาสนา มีการจัดสร้างพระพุทธรูปประจำพระชนมพรรษา ในห้วง 12 สิงหาคม 57 - 12 สิงหาคม 59 ครบ 84 พรรษา พิธีเจริญพระพุทธมนต์ และเจริญจิตภาวนา เพื่อถวายพระพรชัยมงคล ใน 5 สิงหาฯ 57 ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พิธีเจริญพระพุทธมนต์ และปฏิบัติธรรมทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 8-12 สิงหาฯ 57 การจัดกิจกรรมฉายภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติในวันที่ 5, 10, 11 สิงหาฯ 57 การจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ ณ สวนอัมพร และลานพระราชวังดุสิต ในวันที่ 9-10 สิงหาฯ 57 และพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล วันที่ 12 สิงหาคม 57 การจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติในส่วนของภูมิภาค ในวันที่ 12 สิงหาฯ โดยพร้อมเพรียงกัน ช่วงเช้าก็จะเป็นการลงนามถวายพระพร ในวันที่ 12 สิงหาคม 57 ขอบคุณ สวัสดีครับ วันนี้ใช้เวลาค่อนข้างมาก เพราะมีหลายเรื่องที่อยากจะทำความเข้าใจกับทุกท่าน ส่วนใหญ่แล้วผมก็พูดคนเดียว ในการพบท่าน แต่ท่านตอบสนองผมมาเยอะมาก ตามสื่อบ้าง ตามคำบอกเล่าบ้าง ทางจดหมายบ้าง อะไรบ้าง ผมก็อ่านทุกคนนะครับ อ่านทุกอย่าง แล้วผมก็มาตอบท่านไง ถือว่าเป็นการสื่อสารสองทาง ก็ขอขอบคุณในความร่วมมือร่วมใจ ขอบคุณในคำอวยพร อย่างไรก็ตามเรายังคงมีปัญหา มีงานที่ต้องแก้ไข ต้องช่วยกันทำต่อไปอีกมากมาย ขอให้ทุกคนมีความสุข สวัสดีครับในวันหยุดราชการ ขอบคุณครับ สวัสดี


กำลังโหลดความคิดเห็น