ญาติพนักงานสืบสวน กกต.บุก กกต.จี้ตามน้องชายหายตัวตั้งแต่ 4 ก.ค. ขาดการติดต่อมือถือ บัญชีไม่เคลื่อนไหว รับมีปากเสียงภรรยาแต่ปกติรักครอบครัว ย้อนปี 51 น้องเป็นจำของคดีและพยานเอาผิดอดีตนักการเมืองปราจีนบุรีถูกเพิกถอนเลือกตั้งจนถูกหมายหัว ขู่ห้ามเข้าจังหวัดจนย้ายหนี แต่พยานอีกคนถูกเก็บ สงสัยโยงการหายตัว กกต.ยันไม่ได้นิ่งเฉย คาดไม่เกี่ยวคดีปราจีนฯ อ้าง พนง.ในคดีคนอื่นปลอดภัย
วันนี้ (31 ก.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนางระรินทิพย์ จิระศิริมาศ ชาว จ.นครศรีธรรมราช ที่เดินทางมาติดตามเรื่องกับสำนักงาน กกต. กรณีนายศักรินทร์ กาญจนพงศ์ พนักงานสืบสวนสอบสวน สำนักงานสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย 1 ช่วยปฏิบัติงานเลขานุการหน้าห้องรองเลขาธิการด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย สำนักงาน กกต.ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. ทั้งนี้ นางระรินทิพย์กล่าวว่า ได้เดินทางขึ้นมาที่สำนักงาน กกต.กลางรวม 2 ครั้งแล้วเพื่อติดตามเรื่อง หลังจากภรรยาของศักรินทร์โทรศัพท์ไปแจ้งว่าน้องชายหายตัวไปและได้ไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่สถานีตำรวจทุ่งสองห้องตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา จากที่สอบถามภรรยาทราบเพียงว่ามีปากเสียงกันรุนแรงแต่ไม่ได้บอกว่าเป็นเรื่องอะไร แต่โดยปกติน้องชายเป็นคนที่รักครอบครัว หน้าที่การงานมาก จะติดต่อครอบครัวและเพื่อนฝูงอยู่เป็นประจำ แต่การหายตัวไปครั้งนี้น้องชายไม่ได้ติดต่อไปหาญาติคนใดเลย ทั้งญาติในกรุงเทพฯ หรือที่ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อนเก่าๆ หรือแม้แต่ลูกที่เกิดกับภรรยาเก่าที่ จ.ปราจีนบุรี ก็ไม่พบว่ามีการติดต่อหรือไปพบหาแต่อย่างใด ประกอบกับเมื่อตรวจสอบการใช้โทรศัพท์มือถือของน้องชายที่ใช้อยู่ 2 หมายเลข พบว่าไม่มีการเปิดใช้ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่เงินในบัญชีก็ไม่พบว่ามีการเบิกถอนออกไปใช้เลยทั้งที่เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมามีเงินเพิ่มประสิทธิภาพที่สำนักงาน กกต.โอนเข้าบัญชีก็ไม่พบว่ามีการถอนไปใช้
นางระรินทิพย์กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้เมื่อปี 51 น้องชายเป็นพนักงาน กกต.ที่ จ.ปราจีนบุรี โดยเป็นเจ้าของสำนวนในคดีและเป็นพยานปากเอกร่วมกับนักการภารโรงคนหนึ่งของกระทรวงศึกษาธิการในการดำเนินการเอาผิดอดีตนักการเมือง จ.ปราจีนบุรี ที่กระทำทุจริตเลือกตั้ง จน กกต.มีมติสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง และต่อมาศาลรัฐธรรมนูญได้สั่งให้ยุบพรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่นักการเมืองคนดังกล่าวสังกัดอยู่ จนน้องชายได้รับเลือกเป็นพนักงานสืบสวนสอบสวนดีเด่นในปีนั้น แต่ในการทำคดีดังกล่าวนั้นเป็นที่รู้กันของเพื่อนพนักงาน กกต.ว่านายศักรินทร์ถูกบุคคลของพรรคการเมืองดังกล่าวข่มขู่เอาชีวิต และอาฆาต ห้ามนายศักรินทร์และนักการภารโรงคนดังกล่าวเข้ามาในจังหวัดอีก จนทำให้ทางสำนักงาน กกต.ต้องย้ายนายศักรินทร์เข้ามาเป็นพนักงานส่วนกลางที่สำนักงาน กกต.กลางเพราะเกรงจะไม่ปลอดภัย และนักการภารโรงคนดังกล่าวก็ย้ายไปอยู่จังหวัดอื่น แต่หลังนั้น 1 ปีก็มีข่าวว่านักการภารโรงคนดังกล่าวเห็นว่าคดีเงียบไปแล้วจึงกลับเข้าพื้นที่และถูกยิงตาย จึงเป็นห่วงว่าการที่น้องชายหายตัวเป็นเวลานานในครั้งนี้จะมาจากกรณีนี้หรือไม่ เพราะเมื่อพิจารณาถึงสาเหตุอื่นๆ การทะเลาะกับภรรยาอย่างรุนแรงก็ไม่น่าจะทำให้น้องชายหนีไปจนไม่ยอมติดต่อกับคนในครอบครัว หรือแม้แต่เรื่องหนี้สินก็มีเพียงแค่ 2 ล้านบาทจากการร่วมลงทุนก็เพื่อนเปิดสวนผีเสื้อที่ อ.หาดใหญ่ กิจการก็ยังไปได้ และจากหน้าที่การงานจำนวนหนี้สินดังกล่าวก็ไม่น่าจะถือว่ามากจนต้องหลบหนี
“จากที่ได้พูดคุยกับนายดุษฎี พรสุขสวัสดิ์ รองเลขาธิการ กกต.ในฐานะผู้บังคับบัญชาของน้องชาย หลังน้องหายไป 1 สัปดาห์ก็บอกว่าที่นายศักรินทร์หายไปอาจหลบไปสงบสติอารมณ์เพราะทะเลาะกับภรรยา แต่ครั้งหลังที่ขึ้นมาพบเมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมานายดุษฎีก็บอกว่าน่าเป็นห่วงเพราะหายตัวไปเกือบเดือนแล้วและไม่พบว่ามีการติดต่อกับใคร ไม่มีการใช้โทรศัพท์หรือเบิกถอนเงินเลย จึงอยากให้ทางสำนักงาน กกต.ช่วยเร่งรัดติดตามการหายตัวไปของน้องชายด้วย” นางระรินทิพย์กล่าว
ด้านนายดุษฎี รองเลขาธิการ กกต.กล่าวว่า ขณะนี้ทางเลขาธิการ กกต.ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีนายศักรินทร์หายตัวไปแล้ว ทางสำนักงานไม่ได้นิ่งเฉย ได้พยายามติดตามตัวตั้งแต่เริ่มหายตัวไป รวมทั้งขอความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างไม่เป็นทางการให้ช่วยติดตาม รวมทั้งได้ติดตามจากสัญญาณโทรศัพท์ซึ่งบางครั้งพบว่ามีสัญญาณตรงจุดนั้นจุดนี้แต่เมื่อให้เจ้าหน้าที่ติดตามไปก็ไม่พบ เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุของการหายตัว มีหลายประเด็น แต่ไม่น่าจะมาจากปัญหาเรื่องการทำงานเพราะนายศักรินทร์เป็นพนักงานที่มีความรับผิดชอบงานดี ส่วนจะเกี่ยวข้องกับที่เคยทำคดีที่ จ.ปราจีนบุรีหรือไม่ กำลังการตรวจสอบอยู่ แต่ยังคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะพนักงานสอบสวนที่ร่วมทำคดีนี้หลายคนก็ยังปลอดภัยดี