xs
xsm
sm
md
lg

คตร.ยุบโครงการซ่อมรถจักร-แท็บเล็ต สั่งกสทช.ทบทวนแจกคูปองดิจิตอล ปัดใช้งบ 5 พันล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มติ คตร.เลิก 2 โครงการ บูรณะรถจักร-แท็บเล็ต ทบทวน 4 โครงการ ร.ฟ.ท.-ทอท.-สนพ. ชี้ราคาสูง ทีโออาร์ไม่เหมาะ ล็อกโครงการที่ต้องสอบเพิ่ม ให้ 15 วัน กสทช.ทบทวนแจกคูปองดิจิตอล จับตาสร้างรัฐสภาใหม่ช้า แฟลต ขรก.มีห้องพัก ส.ส. ฉะกองทุนเลี้ยงชีพสมาชิกสภาให้บำนาญง่าย แก้ข่าว คสช.5 พันล้าน ยันพร้อมแจง

วันนี้ (27 มิ.ย.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.อนันตพร กาญจนรัตน์ ปลัดบัญชีทหารบก ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการทำงานของ คตร.ว่า เบื้องต้น คตร.ได้มีมติให้ยกเลิก 2 โครงการ คือ 1. โครงการบูรณะรถจักรดีเซลของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) วงเงิน 3.3 พันล้านบาท เนื่องจากตัวรถจักรมีความเก่ามาก ซ่อมแล้วไม่คุ้มค่า จึงให้พิจารณาจัดทำโครงการใหม่ และ 2. โครงการจัดการเรียนการสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ของกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ให้ยกเลิกในส่วนของระยะที่ 4 ของปี 2556 และในส่วนของปี 2557 วงเงินประมาณ 7 พันล้านบาท เป็นความเห็นที่ตรงกับฝ่ายสังคมจิตวิทยาที่ให้ผู้เกี่ยวข้องไปคิดแผนงานใหม่ ตามวัตถุประสงค์เดิมในการสนับสนุนการเรียนการสอน

พล.ท.อนันตพรกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีมติให้ทบทวน 4 โครงการ เนื่องจากเห็นว่าราคากลางสูงเกินไป และทีโออาร์ไม่มีความเหมาะสม ได้แก่ 1. โครงการจัดหารถรุ่นใหม่ สำหรับบริการเชิงพาณิชย์ จำนวน 115 คันของ ร.ฟ.ท.วงเงิน 6 พันล้านบาท 2. โครงการจัดหารถจักร จำนวน 126 คันของ ร.ฟ.ท.วงเงิน 5 พันล้านบาท 3. โครงการจ้างให้บริการระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้าของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) วงเงิน 8.3 พันล้านบาท ที่การกำหนดราคากลางยังขาดเหตุผลความชัดเจน จึงอยากให้มีการทบทวนอีกครั้ง ก่อนพิจารณาให้ดำเนินการต่อหรือไม่ และ 4. กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ของสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท ที่แม้จะมีประโยชน์ แต่จากการตรวจสอบพบว่า ใน 23 โครงการของกองทุนยังไม่มีเป้าหมายในการดำเนินการ บางโครงการมีการใช้เงินโดยไม่ประหยัด ทางกองทุนฯ ก็ได้แจ้งขอยกเลิกไปแล้ว 10 โครงการ และขอดำเนินการต่อ 9 โครงการ ส่วนอีก 4 โครงการกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณา

พล.ท.อนันตพรกล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน คตร.ก็อยากให้มีการตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม ได้แก่ 1. โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เฟส 2 ปี 2554-2560 ของ ทอท. วงเงินงบประมาณ 6 หมื่นกว่าล้าน ที่แม้มีความจำเป็นในการขยายเพื่อรองรับผู้โดยสารในอนาคต แต่มองว่ากำหนดวงเงินที่สูงเกินไป และอยากให้มีความโปร่งใส ซึ่งจากการพูดคุยกับผู้บริหาร ทอท.ก็ทราบว่าจะสามารถลดวงเงินลงมาได้อีกพอสมควร 3. โครงการสนับสนุนประชาชนในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การรับชมโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล หรือการแจกคูปองเพื่อซื้อเครื่องรับทีวีดิจิตอล (Set Top Box) ของ กสทช.ที่ คตร.ยังติดใจสงสัยในส่วนของตัวเลข 22.9 ล้านครัวเรือน ซึ่ง กสทช.ปัดไปเป็น 25 ล้านครัวเรือน จึงขอให้ทบทวนอีกครั้ง รวมทั้งมูลค่าต่อกล่องที่กำหนดไว้ 1,000 บาทด้วย คาดว่าจะแล้วเสร็จใน 15 หลังจากนี้ หากสามารถชี้แจงได้ก็จะให้ดำเนินการต่อไป หากช่วงกลางเดือน ก.ค.นี้จะได้คำตอบ และสามารถแจกจ่ายคูปองได้ในช่วงเดือน ก.ย.นี้

พล.ท.อนันตพรกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า คตร.ยังได้เข้าไปตรวจสอบโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ วงเงินงบประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งล่าช้ามาพอสมควร โดยเฉพาะขณะนี้การส่งมอบพื้นที่ยังไม่สามารถทำได้ตามกำหนดการ สะท้อนให้เห็นว่ายังไม่มีความพร้อมในการวางแผน จึงอยากให้มีการทบทวน รวมไปถึงโครงการก่อสร้างอาคารสวัสดิการของข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นอาคารที่พักจำนวน 2,600 ยูนิต งบประมาณ วงเงิน 5.6 พันล้านบาท สำหรับข้าราชการสภาฯ และ ส.ส. จากการตรวจสอบพบว่า การจัดทำโครงการไม่เป็นไปตามหลักของแผนงบประมาณรายจ่ายประจำปี ค่อนข้างมีการรวบรัดตัดตอน และจำนวนห้องกับจำนวนเจ้าหน้าที่ยังไม่สอดคล้องกัน รวมทั้งมีความจำเป็นอย่างไรในการที่ต้องมีห้องพักให้แก่ ส.ส.ด้วย นอกจากนี้ยังมีในส่วนของกองทุนเลี้ยงชีพของสมาชิกรัฐสภา ที่เห็นว่าเงื่อนไขของกองทุนค่อนข้างที่จ่ายง่ายไป เพราะกำหนดว่าเป็นสมาชิกรัฐสภาเพียง 1 เดือนก็สามารถได้บำเหน็จบำนาญเหมือนกับข้าราชการ ทั้งที่ข้าราชการกว่าจะได้รับก็ต้องรับราชการมาไม่น้อยกว่า 10 ปี จึงอยากให้มีหลักเกณฑ์ เพื่อไม่ให้เป็นภาระของประเทศ

ผู้สื่อข่าวถามว่า นอกเหนือจากการตรวจสอบโครงการต่างๆ แล้ว คตร.มีแนวคิดในการเข้าไปตรวจสอบการใช้งบประมาณของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ด้วยหรือไม่ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่า คสช.ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 5 พันล้านบาท พล.ท.อนันตพรกล่าวยืนยันว่า ไม่ถึง 5 พันล้านบาทตามที่เป็นข่าวอย่างแน่นอน และยินดีที่จะนำตัวเลขมาเปิดเผยในครั้งหน้า

ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษก คสช.กล่าวเสริมว่า มีความยินดีที่จะให้มีการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของ คสช. แต่ยืนยันว่าไม่มีการใช้งบประมาณถึง 5 พันล้านบาทตามที่เป็นข่าว โดยงบประมาณที่นำมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายกับบุคลากร เบี้ยเลี้ยง และค่าเดินทาง ทั้งนี้ คสช.เปรียบเหมือนคณะทำงานที่มีการกลั่นกรองและอนุมัติงบประมาณ เพื่อให้แต่ละหน่วยงานนำไปใช้จ่าย












กำลังโหลดความคิดเห็น