ประชุมสภากลาโหมวาระปกติ - “สุรศักดิ์” ถกสกัดโกงตามนโยบาย คสช.ต่อ

ปฏิบัติราชการแทนปลัดกลาโหม ประชุมสภา กห.ตามวาระปกติ บิ๊กท็อปบู๊ทมาเพียบ เว้น “ประยุทธ์” คุยเปลี่ยนเครื่องแบบ รด.เตรียมรับมือภัยพิบัติ ก่อนถกสกัดโกงตามนโยบาย คสช.

วันที่ 19 มิ.ย. ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา 09.00 น. พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ทำหน้าที่รักษาการแทนปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมสภากลาโหม โดยมี พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) และผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลโหม เข้าร่วมการประชุม ยกเว้นเพียง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่ติดภารกิจที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ไม่ได้เดินทางเข้ามาร่วมประชุมด้วย

สำหรับการประชุมครั้งนี้เป็นวาระปกติ ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่เป็นงานประจำของกระทรวงกลาโหม โดยเฉพาะการรายงานสถานการณ์ต่างๆ และความคืบหน้าการดำเนินงานต่างๆ ของกระทรวงกลาโหมในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงแต่งตั้งสมาชิกสภากลาโหมที่หมดวาระในปีนี้ นอกจากนี้ มีการพิจารณาเปลี่ยนเครื่องแบบนักศึกษาวิชาทหารของหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (รด.) โดยให้ใช้ชุดเวสมอแลนด์ (ชุดฝึกทหารปกติ) โดยใช้นักศึกษาในระดับชั้นปีที่ 1 และปี 4 ส่วนปีที่ 2 ปี 3 และปี 5 ใช้เครื่องแบบเดิม และการเตรียมความพร้อมในการรับมือภัยพิบัติที่จะเกิดในอนาคต โดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัยของกระทรวงกลาโหม เพื่อให้งานของกระทรวงดำเนินไปได้ ทั้งนี้ถือเป็นการประชุมสภากลาโหมครั้งแรก หลังจากที่คสช.เข้าควบคุมการบริหารประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่น่าสนใจคือการประชุมในช่วงบ่ายของหน่วยขึ้นตรงสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ที่มี พล.อ.สุรศักดิ์เป็นประธานเช่นกัน เนื่องจากจะมีการหารือในการจัดทำมาตรการ และแนวทางการแก้ไขปัญหาทุจริตและประพฤติมิชอบ ตามคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 69/ 2557 เรื่องมาตรการป้องกัน และแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบ ที่ออกมาเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เหล่าทัพต่างๆ ก็จะไปจัดทำแนวทางเพื่อส่งมารวมกันที่กระทรวงกลาโหม ก่อนส่งให้ คสช.พิจารณาต่อไป เนื่องจากเป็นนโยบายของ คสช.ที่ต้องการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในส่วนของกระทรวงโหม ที่มีกองทัพไทย และเหล่าทัพ มีการใช้จ่ายงบประมาณและการจัดซื้อโครงการต่างๆ จึงต้องวางมาตรการการจัดซื้อให้รัดกุม และให้หัวหน้าหน่วยงานที่มีหน้าที่ควบคุมดูแล ดำเนินการไปตามกฎหมาย ป.ป.ช.อย่างเคร่งครัด ซึ่งถือเป็นการวางกฎเหล็กเพื่อกวาดบ้านตัวเองเป็นตัวอย่างก่อน