โฆษก คสช.อ้างเจ้าของหนัง “นเรศวร” กับโรงหนังอยากตอบแทนสังคมให้ชมฟรี 15 มิ.ย. เซ็งคนแปลงเจตนาผิดทำคนคิดดีเสียใจ ยันมีรอบเดียว บอกรอบวันที่ 14 จัดที่พารากอนเหตุให้ใช้ฟรี บอกรอช่วงบ่ายรู้ได้ดูบอลโลกฟรีกี่นัด ระบุย้ายอัยการสูงสุด-ปลัดไอซีทีและเลขาฯสภา ตามความเหมาะสม ขอต่างประเทศอย่าหนุน “เจ๊เพ็ญ” พร้อมใช้กฎหมายปกติจัดการ เผย “ประยุทธ์” สั่งทูตเข้มสอยพวกผิด ม.116 ไม่ได้เกี่ยว 112
วันนี้ (12 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 10.45 น. พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณี คสช.จัดกิจกรรมให้ประชาชนรับชมภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ตอนยุทธหัตถี พร้อมกันทั่วประเทศ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ว่า เนื่องจากทางผู้จัดคิดว่ามีประชาชนหลายคนได้รับชมไปแล้วจำนวนมาก ทางเจ้าของหนังกับเจ้าของโรงภาพยนตร์จึงอยากตอบแทนสังคมและได้มาคุยกับ คสช.โดยไม่ได้พูดถึงเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด
“กิจกรรมนี้เหมือนเป็นการคืนกำไรให้สังคม แต่พอมีคนไปแปลงเจตนาที่ผิด คนที่เขาคิดดีจึงเสียใจ” พ.อ.วินธัยกล่าว
พ.อ.วินธัยกล่าวอีกว่า สำหรับรูปแบบการเข้ารับชมสามารถรับบัตรได้ที่หน้างาน โดยมีการฉายรอบเดียวเท่านั้น ส่วนเรื่องจำนวนโรงภาพยนตร์นั้นแต่ละแห่งอาจมีมากกว่าหนึ่งโรง หากเจ้าของโรงภาพยนตร์นั้นๆ สามารถจัดสรรให้ได้ โดยการจัดกิจกรรมในพื้นที่ต่างจังหวัดจะมีผู้ว่าราชการแต่ละจังหวัดเป็นเจ้าภาพ นอกจากนี้ สำหรับรอบวันที่ 14 มิ.ย.จะเป็นรอบที่เชิญผู้บังคับบัญชา ข้าราชการ และสื่อมวลชน เข้ารับชมที่ห้างสรรพสินค้าพารากอน เนื่องจากที่ผ่านมาหากเป็นกิจกรรมของกองทัพหรือช่วยเหลือสังคม ทางห้างสรรพสินค้าพารากอนจะอนุญาตให้ไปใช้ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า คสช.ประสานกับ กสทช. และบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เพื่อขอความร่วมมือถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกผ่านทางฟรีทีวีครบทุกแมตซ์นั้น พ.อ.วินธัยชี้แจงว่า เป็นเพียงการแนะนำให้ กสทช.กับทางภาคธุรกิจที่ได้รับลิขสิทธิ์หารือกัน เพราะเป็นความประสงค์ของคนจำนวนมาก
“ยืนยันไม่ใช่มาตรการบังคับ ไม่ใช่มัดมือชก แค่ขอความร่วมมือ ไม่ได้ไปก้าวล่วงว่าจะต้องออกมาในรูปแบบไหน แต่ทั้งนี้ต้องเข้าใจระบบธุรกิจด้วย เพราะไม่เหมือนสมัยก่อน ธุรกิจมีการเดินที่ต่างจากสิบปีที่แล้ว ส่วนจะได้ดูกี่แมตช์คงต้องรอผลการประชุมในช่วงบ่ายวันนี้ (12 มิ.ย.) ก่อน” พ.อ.วินธัยระบุ
สำหรับการประกาศ คสช.ที่มีผลให้โยกย้ายเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, อัยการสูงสุด (อสส.) และปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) มาประจำสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น พ.อ.วินธัยกล่าวว่า ไม่ควรมองว่าบุคคลเหล่านี้กระทำความผิดอะไร แต่เป็นไปด้วยความเหมาะสม ส่วนที่มีการมองว่าทั้ง 3 คนเหมือนเป็นมือเป็นไม้ให้กับรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาก่อนนั้น คงไม่ใช่ปัจจัยนั้น เพียงแต่ที่ผ่านมาบางคนอาจจะมีส่วนร่วมบ้างอยู่ในความขัดแย้ง แต่ยืนยันว่าทั้ง 3 คนไม่ได้มีความผิด
พ.อ.วินธัยยังได้กล่าวถึงกรณีนายจักรภพ เพ็ญแข อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ เคลื่อนไหวต่อต้านการรัฐประหารอยู่ในต่างประเทศว่า ขณะนี้มาตรการที่ดำเนินอยู่ คือ ขอความเห็นใจจากต่างประเทศที่จะไม่สนับสนุน เพราะการเคลื่อนไหวในลักษณะนี้เข้าข่ายยุยง ปลุกปั่น ไม่เป็นไปตามหลักที่ควรจะเป็น ส่วนกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้า คสช.แสดงความเป็นห่วงในเรื่องนี้นั้น ขณะนี้ยังให้ความสำคัญกับพื้นที่ภายในประเทศ ส่วนต่างประเทศยังให้หน่วยงานที่มีช่องทางอยู่ต่างประเทศ เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงกลาโหม ผู้ช่วยทูตต่างๆ พยายามทำความเข้าใจ ยังไม่ได้ใช้ช่องทางกฎหมาย อีกทั้งขณะนี้การเคลื่อนไหวดังกล่าวยังไม่อยู่ในลักษณะที่น่ากังวลเท่าใด แค่พยายามจะเคลื่อนไหวเท่านั้น ยังเชื่อว่ากลไกภาครัฐที่มีอยู่ยังสามารถทำความเข้าใจได้ ทั้งนี้เบื้องต้นการดำเนินการดังกล่าวเป็นเรื่องการละเมิดกฎหมายปกติ อาทิ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116
ส่วนกรณีหัวหน้า คสช.ขอความร่วมมือให้ทูตต่างๆ เร่งติดตามผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ในต่างประเทศนั้น พ.อ.วินธัยกล่าวว่า เป็นเรื่องความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 เรื่องยุยง ปลุกปั่น และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ไม่ใช่เฉพาะเจาะจงเฉพาะประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งพวกที่อยู่ในต่างประเทศจะใช้มาตการทำความเข้าใจ เพราะไม่อยากให้มีการสนับสนุนให้มีการเคลื่อนไหวในลักษณะแบบนี้