เกาะกระแส
00 หลังจากโดนปปช.มีมติเป็นเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 ฟันดาบแรกในคดีทุจริตจำนำข้าวโดยยื่นให้ วุฒิสภาถอดถอน มาบัดนี้ก็ใกล้เวลาที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่จะต้องโดนดาบสองในคดีเดียวกัน แต่คราวนี้จะเป็นคดีอาญา ความหมายก็คือกำลังเดินใกล้คุกเข้าทุกที แม้ว่าตามขั้นตอนหลังจาก ปปช.ชี้มูลแล้วกว่าจะมีการส่งเรื่องไปถึงอัยการ อัยการอาจยื้อตั้งกรรมการร่วม สั่งสอบเพิ่มเติมได้อีกพักใหญ่ แต่ถึงอย่างไรเชื่อว่าในที่สุดก็จะต้องโดนฟ้อง อาจฟ้องโดยอัยการสูงสุด หรือไม่ก็ ปปช.ฟ้องเอง ไปถึงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งใช้เวลาไม่นานเกินรอ ทีเดียวรู้เรื่องไม่มีอุทธรณ์ฎีกา
00 จากการเปิดเผยของ ประธาน ปปช.ปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ว่าภายในวันที่ 12 มิ.ย.คณะกรรมการไต่สวนฯจะสรุปว่ามีความจำเป็นต้องมีการไต่สวนพยานเพิ่มเติมจำนวน 8 ปากตามที่จำเลยคือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ส่งทนายความมียื่นคำร้องไว้หรือไม่ หากไม่จำเป็นเพราะเห็นว่ามีความซ้ำซ้อนกับพยานรายอื่น ก็อาจสรุปสำนวนให้คณะกรรมการชุดใหญ่พิจารณาลงมติต่อไป นั่นก็หมายความว่างวดเข้ามาทุกทีแล้ว นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่ ปปช.กำลังเริ่มตรวจสอบทรัพย์สินของ อดีตรมต.ที่เกี่ยวข้องกับโครงการจำนำข้าว ในนั้นนอกจาก ยิ่งลักษณ์ เจ้าเก่าแล้ว ยังมี บุญทรง เตริยาภิรมย์ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล เป็นต้น สนุกละทีนี้ !!
00 นี่ก็มีการเปิดโปงความล้มเหลวห่วยแตกของโครงการรับจำนำข้าวในรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ "ทักษิณ ชินวัตร"ภาคภูมิใจนักหนา แต่จากข้อมูลของเว็บไซต์วงการค้าข้าวของโลกของต่างประเทศอย่าง oryza.com ได้รายงานว่าโครงการดังกล่าวทำให้ไทยต้องมีหนี้สาธารณะพุ่งพรวดในปี 2557 ถึง 5.55 ล้านบาทหรือร้อยละ 46 ของจีดีพีจากเดิมในปี 2011 จากร้อยละ 40.78 หรือร้อยละ 5.22 ก็เห็นจะจริงและสัมผัสได้ด้วยความรู้สึกกันอยู่แล้ว ว่า "เจ๊ง" แต่คำถามก็คือเงินงบประมาณที่สูญไปนั้นไม่ได้ตกไปถึงมือชาวนาเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ไปตกอยู่ที่นักการเมืองกับพวกพ่อค้าคนกันเองทั้งนั้น นี่แหละที่มันเจ็บใจและต้องลากคอเข้าคุกให้ได้ ซึ่งเชื่อว่าอีกไม่นานเกินรอ หากพิจารณาจากความคืบหน้าการสอบสวนของ ปปช.มีนใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว แม่ปูเอ๋ย ตอนนี้ก็ช็อปปิ้งให้สนุกไปก่อนแล้วกัน !!
00 จะเรียกว่าเป็นการประชุมครม.เต็มรูปแบบครั้งแรกก็ว่าว่าสำหรับ คสช.และถือว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นครั้งแรก และเมื่อมีการแถลงก็เป็นการแถลงผลการประชุมครั้งที่ 1/2557 โดยมีการประชุมทุกหน่วยงานอย่างครบครันและชุดใหญ่ในแบบรัฐบาลอย่างเป็นทางการ ฝ่ายคสช.ก็มีคณะกรรมการครบทั้ง 14 คน หน่วยงานราชการอื่นก็ไม่ต่างจากองค์ประกอบหลักตามที่เคยเป็นมา มีเลขาฯ ครม.อำพน กิตติอำพน แต่คราวนี้มีพิเศษหน่อยตรงที่มี เลขาฯคสช.พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เข้ามาประกบ นอกจากพิจารณาเห็นชอบเรื่องหลักๆกันแล้วไม่ว่าเรื่องเร่งรัดการใช้งบปี 57 เห็นชอบปฏิทินการทำงบประมาณปี 58 แล้วที่น่าจับตาก็คือการขยับเข้ามาปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของรัฐวิสาหกิจ เริ่มจากการยกเลิกสิทธิประโยชน์ที่ไม่ควรได้ของบอร์ดการบินไทยในเรื่อง "ตั๋วฟรี"แน่นอนว่าต่อไปก็คงหนาวกันไปตามๆกันว่าจะต้องมีรายการรื้อกันขนานใหญ่ตามมา โดยเฉพาะคนที่ชื่อ อำพน กิตติอำพน นั่นแหละ !!