“อริสมันต์” ไปไม่รอด เขมรเมินช่วยแดงฮาร์ดคอร์

รายงานการเมือง

หลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกคำสั่งที่ 53 เรียกบุคคลเข้ารายงานตัวเพิ่มเติม ที่ห้องจามจุรี สโมสรทหารบก เทเวศร์ โดยหนึ่งในนั้นมีชื่อของ “กี้ร์” อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำฮาร์ดคอร์กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ซึ่งถือเป็นการออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ที่สุดท้ายเจ้าตัวตัดสินใจเข้ารายงานตัว เมื่อวันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน ที่ผ่านมา

การเข้ารายงานตัวต่อ คสช. ครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องน่าเซอร์ไพรส์ทีเดียว เพราะอย่าลืมว่า “กี้ร์ อริสมันต์” เป็นแกนนำแดงฮาร์ดคอร์ ที่มีเรื่องคดีความติดตัวมากมาย ทั้งคดีเก่าอย่างก่อการร้ายเมื่อปี 2553 หรือจะเป็นเรื่องที่เจ้าตัวมักมีชื่อไปโผล่อยู่ในทำเนียบกลุ่มหัวรุนแรงอยู่เป็นประจำ

อีกทั้งแกนนำอมฮอลล์ผู้นี้ คือ “จิ๊กซอว์” สำคัญที่จะต่อเชื่อมโยงไปยัง “ชายชุดดำ” กลุ่มกองกำลังใต้ดิน หรือกองกำลังต่างด้าวของมวลชนที่เคยปกป้องเสื้อแดงได้อย่างแน่นอน

ส่วนอีกหนึ่งประเด็นที่ยังเป็นชนักติดหลัง “อริสมันต์” เห็นจะเป็นเรื่องธุรกิจของเจ้าตัว โดยครั้งหนึ่ง “เจ๊นก” ระพิพรรณ พงศ์เรืองรอง ภรรยาของแกนนำแดงเคยตกเป็นข่าวรวยอู่ฟู่ ถึงขั้นถือหุ้นส่วนใหญ่ในสายการบินนิว เจน แอร์เวย์ส ดำเนินการโดยบริษัท สบายดี แอร์เวย์ส จำกัด แม้ว่าสายการบินจะออกมาปฏิเสธข่าวคราวดังกล่าวแล้วก็ตาม รวมถึงเคยลงทุนเงิน 25 ล้านบาท ร่วมหุ้นทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ สมัยที่ “กี้ร์” ยังดำรงตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย

...เห็นร่ำรวยกันแบบนี้ แต่ “เจ๊นก” กลับยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุเพียงว่าว่า ตนเองและสามีไม่มีรายได้ พร้อมกับติดหนี้เพียบซะงั้น

ฉะนั้น การเข้ารายงานตัวเที่ยวนี้ของ “กี้ร์” คงถูกจับตาเป็นพิเศษ เพราะก่อนหน้านี้ทาง คสช. เคยเรียกแกนนำอมฮอลล์ มารายงานตัวแล้วครั้งหนึ่ง แต่กลับไร้วี่แวว...

โดยช่วงก่อนที่จะเกิดการรัฐประหารในวันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม พบว่า “อริสมันต์” มีความเคลื่อนไหวร่วมกับ “บิ๊กตุ้ย” พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต ผบ.ทบ. และที่ปรึกษา “ปูจ๋า” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่ในพื้นที่ภาคอีสาน จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อร่วมมือกับกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) ภาคอีสาน ที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มอาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยแห่งชาติ (อพปช.) ของ “แรมโบ้อีสาน” สุภรณ์ อัตถาวงศ์ ในขณะนั้น วางเป้าจะจัดตั้งกลุ่มเหล่านี้ให้เป็นกองกำลังต่อต้านฝ่ายกองทัพ

แต่เมื่อถึงคราวฝั่งกองทัพออกมาจริง กลุ่มเหล่านี้ถูกยุบลงทันที ส่วนทาง “อริสมันต์” พร้อมภรรยาได้เดินทางออกต่างประเทศ ตั้งแต่คืนก่อนวันทำรัฐประหาร 1 วัน ซึ่งเป็นชุดเดียวกับ “จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ” อดีตรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย และ “ชินวัฒน์ หาบุญพาด” อีกหนึ่งแกนนำเสื้อแดง ที่หนีไปกบดานกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา...

หลังจากนั้นได้เกิดประเด็นตั้งองค์กรต้านรัฐประหารขึ้นมา โดยทาง “จักรภพ เพ็ญแข” ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ระบุก่อนหน้านี้ว่า จะเสนอให้ “จารุพงศ์” ทำหน้าที่เป็นหัวหน้ากลุ่มและมีสมาชิกอย่าง “หงอกขาว” สุนัย จุลพงศธร อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย จนท้ายที่สุดทางกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ต้องรีบวิ่งแจ้นออกมาแก้ข่าวทันที โดยเฉพาะการปล่อยให้จัดตั้งกลุ่มใดๆ ภายในประเทศตนเอง พร้อมเปิดเผยว่า “จักรภพ” ได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วด้วย...

สุดท้ายเพื่อเสถียรภาพระหว่างประเทศ ทางการกัมพูชาจึงจำเป็นต้องกดดันบรรดากลุ่มต่อต้านรัฐประหารในไทย ออกพ้นดินแดนเขมรโดยช่วงสัปดาห์ที่แล้ว ทางหน่วยข่าวพบความเคลื่อนไหวของ “อริสมันต์” รวมถึงพวกกลุ่มหัวรุนแรงอย่าง “กษิ ดิฐธนรัชต์” ผู้ต้องหาระเบิดมีนบุรีเคลื่อนไหวตามแนวชายแดนกัมพูชา

จากนั้นไม่กี่วัน ทางคนใกล้ชิดของ “อริสมันต์” ได้ติดต่อไปยังตัวแทนของ คสช. เพื่อยืนยันขอเข้ารายงานตัวก่อนจะมีการเดินทางเข้ามาจากปอยเปต ผ่านด่านที่สระแก้วตามปกติ จนมีคำสั่งฉบับที่ 53 เรียกรายงานตัวอีกคำรบ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา

รุ่งเช้าแกนนำแดงฮาร์ดคอร์รายนี้ จึงตัดสินเข้ารายงานตัวทันทีพร้อมนักวิชาการและแนวร่วมเสื้อแดงบางคน...

เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้โดยทางการกัมพูชา ดูเหมือนจะเลือกความสัมพันธ์ของกองทัพไทย มากกว่าจะเลือกผลประโยชน์จากบรรดากลุ่ม “ชินวัตร” อย่างที่เคยทำมา ก็ส่งผลให้วันนี้ลิ่วล้อของ “นายใหญ่” หาที่กบดานยากขึ้นเรื่อยๆ

กลุ่มกองกำลังที่พยายามจัดตั้งขึ้นมานั้น เพื่อตอบโต้การรัฐประหารจะมีการก่อเหตุหรือไม่นั้น คงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะเมื่อ “สุนัขจนตรอก” มันก็พร้อมใช้ทุกวิธีการเอาคืนแน่นอน!!!

เหมือนอย่างวาทกรรมสุดคลาสสิกของ “ทักษิณ” ที่ว่า “ถ้าผมอยู่ไม่เป็นสุขใครก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่เป็นสุขเลย”...