“ปานเทพ” ติงผู้รับเหมารายใหม่อาสามาซ่อมบ้าน แค่ทาสีใหม่กลบรอยร้าว ไม่ทุบสร้างใหม่ทั้งที่รู้บ้านต้องถล่มแน่ เหตุเกรงว่าผู้รับเหมารายเก่าที่คุ้นเคยกันจะต้องเสียหายอย่างหนัก ซ้ำร้ายสั่งวิศวกรหุบปากห้ามเจ้าของบ้านโวยวาย ให้จับมือปรองดองกัน แถมยังขอให้ผู้รับเหมาโกงรายเดิมมาช่วยออกแบบการต่อเติมบ้านอีก สงสัยแล้วอย่างนี้เจ้าของบ้านจะได้รับการเยียวยาจริงไหม จะมีการโกงมากขึ้นหรือไม่?
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ หัวข้อ เมื่อผู้รับเหมามัดปากเจ้าของบ้าน ตามข้อความดังนี้
“ในวิชาวิศวกรรมโยธา ก่อนที่จะออกแบบฐานราก เราจะต้องคำนวณจากน้ำหนักจากหลังคาชั้นบนสุด ลงมายังคาน เสา พื้น กำแพง ฯลฯ ทีละชั้นๆ และรวมน้ำหนักทั้งหมดที่ได้จึงจะรู้ได้ว่าฐานรากควรจะออกแบบอย่างไร มีเสาเข็มกี่ต้น มีเหล็กเท่าไหร่ เมื่อออกแบบทั้งหมดแล้ว เมื่อเราก่อสร้างจริง เห็นฐานรากขนาดเท่าไหร่เราก็จะคาดการณ์ได้ว่าเขาจะก่อสร้างไปได้ขนาดไหน และสูงเท่าไหร่
ดังนั้น ถ้าเราเห็นฐานรากเล็ก เราก็จะรู้ว่าการก่อสร้างที่จะเกิดขึ้นนั้นก็จะเล็กไปด้วย ในทางตรงกันข้ามถ้าฐานรากใหญ่เราก็จะรู้ได้ว่านี่คือการเตรียมสร้างอาคารใหญ่แน่นอน
ดังนั้นถ้าฐานรากเล็กไปหรือผิดรูปร่าง วิศวกรจะต้องทำการท้วงติงทันทีว่าเราไม่ควรที่จะก่อสร้างต่อไปเด็ดขาด ไม่มีวิศวกรคนไหนบอกว่า “ให้เวลาดูๆ เขาไปก่อน” หรือ “เขาเพิ่งเข้ามาให้โอกาสเขาเถิด” เพราะการพูดเช่นนั้นก็เท่ากับการยอมจำนนกับหายนะที่กำลังมาเยือน
โชคร้ายตรงที่ว่าอาคารบ้านหลังนี้มีอาคารเก่าอยู่ด้วย อาคารไม้ที่มีปลวกกินถึงเนื้อใน สนิมขึ้นในเหล็กทุกเส้น คานร้าว เสาบิด ข้อสำคัญคือเสาเข็มหักและฐานรากทรุดแตกร้าว เพราะผู้รับเหมาเดิมโกงใช้สินค้าไม่ได้คุณภาพ วิศวกรเล็งเห็นเลยว่าถ้าขืนปล่อยให้ก่อสร้างต่อเติมอาคารเก่านี้ต่อไป บ้านจะต้องพังอีกอย่างแน่นอน
เราอาจจะดีใจเมื่อมีผู้รับเหมารายใหม่เข้ามา เพราะดีกว่าผู้รับเหมารายเดิมที่โกงเราไป
แต่ผู้รับเหมารายใหม่เข้ามากลับไม่ฟังทั้งวิศวกรและเจ้าของบ้าน แต่กลับจะเลือกให้ทาสีใหม่ในบริเวณรอยร้าว จัดสวนเอากระถางต้นไม้มาบังไม่ให้เห็นเสาที่บิด เอารูปภาพมาปิดไม่ให้เห็นคานที่แตกร้าว เก็บกวาดขยะกวาดบ้านถูพื้นให้สะอาด และเปิดเพลงคารโอเกะสร้างบรรยากาศให้น่ารื่นรมย์
ที่ทำเช่นนั้นก็เพราะว่าเพราะลึกๆ แล้วผู้รับเหมาทั้งรายใหม่และรายเก่าก็เคยรู้จักกันดี หากทำตามวิศวกรจะต้องทุบอาคารนี้และสร้างใหม่พร้อมเรียกค่าเสียหายเอากับผู้รับเหมารายเก่า ก็เกรงว่าผู้รับเหมารายเก่าที่คุ้นเคยกันจะต้องเสียหายอย่างหนัก
ผู้รับเหมารายใหม่จึงมาบอกให้วิศวกรหุบปาก และใชัคนงานของตัวเองมัดปากห้ามเจ้าของบ้านพูดและแสดงความเห็น ทั้งๆ ที่เจ้าของบ้านเป็นคนที่เชื้อเชิญผู้รับเหมารายใหม่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาครั้งนี้
และร้ายไปกว่านั้นผู้รับเหมารายใหม่ที่อาสามาซ่อมบ้านกลับบอกให้เจ้าของบ้านนั้นที่ถูกโกงไปนั้นมาปรองดองผู้รับเหมาเดิมที่โกงบ้านเราไป และขอให้ผู้รับเหมารายเดิมที่โกงบ้านไปมาช่วยออกแบบการต่อเติมบ้านหลังนี้ร่วมกับเจ้าของบ้านอีกด้วย
คำถามคือให้เจ้าของบ้านและวิศวกรปิดปากแล้วปรองดองกับผู้รับเหมาที่โกงเราไป ความเสียหายทั้งปวงจะได้รับการเยียวยาจริงไหม?
คำถามคือให้เจ้าของบ้านและวิศวกรปิดปากแล้วผู้รับเหมารายใหม่จะโกงเหมือนผู้รับเหมาชุดก่อนไหม? และผู้รับเหมารายเดิมที่เข้ามาช่วยต่อเติมบ้านจะโกงมากขึ้นไหม?
และคำถามสุดท้ายคือหากดำเนินการตามผู้รับเหมารายใหม่แล้ว สุดท้ายแล้วบ้านจะพังไหม?”