คสช. มอบ “พล.อ.ฉัตรชัย” ประชุมตัวแทนชาวนารับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาราคาข้าวและพืชผลการเกษตร “ประสิทธิ์” เสนอลดต้นทุนปัจจัยการผลิต พร้อมเพิ่มผลผลิตให้ชาวนา “วิเชียร” ขอราคาข้าวหอมมะลิตันละ 1.6 หมื่น ข้าวเหนียว 1.4 หมื่น ส่วนข้าวเปลือกทั่วไปต้องไม่ต่ำกว่า 1.2 หมื่นต่อตัน
ที่สโมสรกองทัพบก เช้าวันนี้ (7 มิ.ย.) พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมหารือรับฟังความคิดเห็นการช่วยเหลือชาวนา โดยมีตัวแทนจากภาครัฐ อาทิ นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายสมชาติ สร้อยทอง อธิบดีกรมการค้าภายใน และนายอนันต์ ลีลา เลขาสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร พร้อมตัวแทนภาคเกษตรกรจำนวน 8 กลุ่ม ได้แก่ นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ตัวแทนสภาเกษตรกรแห่งชาติ นายประสิทธิ์ บุญเฉย ประธานสภาเกษตรกร สมาคมชาวนาข้าวไทย นายกสมาคมชาวนาข้าวไทย นายภูติ ศรีสมุทรนาค สมาคมส่งเสริมชาวนาไทย นายวิเชียร พวงลำเจียก นายกสมาคม สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย นายระวี รุ่งเรือง นายกสมาคม ศูนย์ข้าวชุมชนภาคตะวันตก นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ประธานศูนย์ เครือข่ายชาวนาภาคเหนือตอนล่าง นายไชยชาญ มาตา ประธานเครือข่ายฯ ตัวแทนชาวนาภาคอีสาน นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ตัวแทนชาวนา และสภาเกษตรกรจังหวัดลพบุรี
พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า วันนี้เป็นการพูดคุยเพื่อเปิดโอกาสให้ร่วมกันแก้ไขปัญหาให้ชาวนา และเป็นการรับฟังแผนทั้งหมดของเกษตรกรในเรื่องข้าวและเรื่องพืชผลทางการเกษตร ซึ่งตนไม่ใช่ตัวแทนหลัก แต่เป็นตัวช่วยขับเคลื่อนแทนปลัดกระทรวงที่เป็นตัวหลัก รวมถึงเก็บข้อมูลที่ชาวนาจะมาชี้แจงเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะใหญ่ด้วย ทั้งนี้อยากให้ทุกฝ่ายร่วมกันแสดงความคิดเห็นและขอความร่วมมือแสดงความคิดเห็นกันอย่างสร้างสรรค์โดยไม่พูดใส่ร้ายผู้อื่นให้เกิดความเสียหาย
อย่างไรก็ตาม ก่อนเข้าประชุม นายประสิทธิ์ บุญเฉย ให้สัมภาษณ์ว่าวันนี้เราจะนำตารางค่าใช้จ่ายในการทำนามาเสนอต่อที่ประชุม โดยจะเน้นพูดคุยเรื่องต้นทุน และการลดต้นทุน รวมถึงการเพิ่มผลผลิต เพื่อให้ผู้บริหารประเทศดูแลเรื่องราคา ต้นทุนการผลิต และปัจจัยการผลิต โดยจะขอให้แก้ปัญหาระยะสั้นก่อน ส่วนปัญหาระยะยาวยังไม่พูดถึงในตอนนี้ โดยเราอยากให้ที่ประชุมตกลงกันด้วยเหตุผล เพื่อช่วยชาวนาให้เงินถึงมือชาวนา พวกเราดีใจที่ได้ใช้หนี้ และได้รับเงินจากเงินในโครงการรับจำนำข้าว ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อนุมัติให้
“สิ่งที่สบายใจที่สุดคือชาวนาไม่ต้องผูกคอตาย รวมถึงภายในสัปดาห์นี้ธนาคารออมสิน จะโอนเงินจำนวน 5 หมื่นล้านบาท ให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อนำเงินมาจ่ายให้ชาวนาเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าจะจ่ายเงินทั้งหมดจำนวน 9 หมื่นล้านบาท ให้ชาวนาได้ภายในสิ้นเดือนนี้ นอกจากนี้ ผมขอขอบคุณพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. และทีมงาน ที่ช่วยให้พวกเราพ้นทุกข์ด้วย” นายประสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงบัตรสินเชื่อเกษตรกร ซึ่งเป็นหนึ่งของนโยบายของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายประสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นการสร้างหนี้ให้ชาวนาเพิ่มขึ้น และไม่ได้ช่วยเหลือชาวนาเลย
ด้าน นายวิเชียร พวงลำเจียก กล่าวว่า จะเสนอแนวทาง 5 ข้อ คือ 1. ออกมาตรการช่วยเหลือชาวนารูปแบบใดก็ได้ ที่คิดคำนวณจากราคาขายบวกกำไร โดยผู้ปลูกข้าวหอมมะลิเสนอดูแลราคาข้าวเปลือกนาปีรอบใหม่ (2557/58) ไม่ต่ำกว่าตันละ 16,000 บาท ราคาข้าวเปลือกเหนียวตันละไม่ต่ำกว่า 14,000 บาท ราคาข้าวเปลือกเจ้าตันละไม่ต่ำกว่า 12,000 บาท จากปัจจุบันขายได้ตันละ 5-6 พันบาท
2. หาวัตถุดิบเพื่อการเพาะปลูกราคาถูก 3. จัดหาตลาดขายข้าวโดยตรง 4. ดูแลต้นทุนการทำนาให้คุ้มทุน และ 5. ขอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผลักดันการออกกฎหมายสวัสดิการชาวนา เหมือนในต่างประเทศ เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เพื่อการช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาให้ยั่งยืนในอนาคต
หลังการประชุม พล.อ.ฉัตรชัย แถลงว่า ได้เชิญผู้เทนชาวนาจาก 8 องค์กร มาร่วมหารือเพื่อรับฟังความเห็น ความต้องการที่จะให้ คสช. ช่วยเหลือ ความเดือดร้อนของชาวนา ซึ่งเบื้องต้นสิ่งที่ชาวนาต้องการให้ช่วยเหลือเร่งด่วน คือ ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ โดยราคาข้าวปัจจุบันที่ออกในฤดูกาลนี้ต่ำกว่าต้นทุนการผลิต เพราะฉะนั้น คสช. จะนำมาพิจารณาหารือในสัปดาห์หน้าอีกครั้ง ว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือย่างไร เพื่อลดปัญหาความเดือดร้อน