อดีต ส.ส. ปชป. ร้อง คสช. แก้ปัญหาก่อสร้างรัฐสภาใหม่ล่าช้า เชื่อเสร็จไม่ทันหากไม่เข้าควบคุมการก่อสร้างอย่างถูกต้อง ปูดสภาฯ ใช้งบจัดสัมมนาญี่ปุ่นเอาใจข้าราชการสภาฯ ส่อเอื้อประโยชน์บริษัททัวร์พวกพ้อง
วันนี้ (3 มิ.ย.) นายบุญยอด สุขถิ่นไทย อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ออกมาระบุว่า การก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งอาจล่าช้ากว่า 200 วัน ว่า ไม่เชื่อว่า ถ้าไม่แก้ปัญหาอย่างถูกทาง ระยะเวลาจะเกินกว่านั้นแน่นอน ซึ่งถ้าไม่เข้าไปควบคุมการก่อสร้าง และการเข้าไปช่วยแก้ปัญหาให้โรงเรียนโยธินบูรณะ ซึ่งการดำเนินการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่เกิดปัญหาสะสมมานานพอสมควรแล้ว เนื่องจากทั้งการรื้อย้ายอาคารของราชการ ทั้งของทหาร และโรงเรียนโยธินบูรณะทำไม่ได้ตามแผน และบริษัทที่ปรึกษาก็ไม่มีอำนาจที่จะไปเร่งรัดในส่วนงานราชการต่างๆ
“คิดว่าเรื่องนี้ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะขณะนี้ยิ่งขาดการตรวจสอบจากฝ่ายการเมือง ไม่มีประธานสภาฯ รองประธานสภาฯ และคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ ที่คอยดูแล ซึ่งปัญหาสำคัญอีกประการหนึ่งคือ การสร้างอาคารของโรงเรียนโยธินบูรณะ ขณะนี้ขาดงบประมาณกว่า 400 ล้านบาท จนต้องตัดการสร้างอาคารที่สำคัญออกไป ทั้งอาคารที่เป็นโรงอาหาร และบ่อสุขาภิบาล จึงขอให้ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และผู้ดูแลกระทรวงศึกษาธิการ เร่งรัดแก้ปัญหาเรื่องนี้ เพราะที่ผ่านมาติดขัดอยู่ที่ว่าใครจะเข้ามาแก้ปัญหาระหว่างสภาฯ หรือ กระทรวงที่รับผิดชอบ” นายบุญยอด กล่าว
นอกจากนี้ นายบุญยอด ยังเปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานจากข้าราชการสภาฯ ว่า มีการจัดสัมมนาพาข้าราชการสภาฯ ไปยังประเทศแถบอาเซียน โดยไม่มีการเสนอแผนงานโครงการมาก่อน และเรียกร้องว่าหากจะโยกงบประมาณใดๆ ที่เป็นการสิ้นเปลือง ก็ขอให้คำนึงถึงวินัยทางการเงินด้วย เช่น การจัดสัมมนาไปที่ประเทศญี่ปุ่น อาจน่าสงสัยว่าเป็นการจัดทัวร์เพื่อเอาใจข้าราชการซึ่งเป็นลูกน้องของตนเอง หรือเอื้อประโยชน์ต่อบริษัททัวร์ที่เป็นพวกพ้องกันหรือไม่
ส่วนเรื่องของการส่อว่าจะทุจริตในการจัดซื้ออุปกรณ์หลายอย่างในสภาฯก่อนหน้านี้ เช่น นาฬิกาดิจิตอล และเครื่องกรองน้ำราคาแพง รวมถึงการปรับปรุงห้องต่างๆ เช่น ห้องผู้สื่อข่าว ห้องพักตำรวจสภาฯ ก็ยังได้ยินว่า ไม่สามารถรับมอบงานได้ อาจมีการทำผิดสเปก ก็ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เร่งตรวจสอบในเรื่องนี้ด้วย