โฆษก กอ.รมน.เผย ผบ.ทบ.มอบ กอ.รมน.รับผิดชอบสร้างสามัคคีศูนย์ปรองดองฯ เริ่มตั้งแต่ครอบครัว ท้องถิ่นถึงจังหวัด ให้รับความเห็นต่างการเมือง เรียนรู้อยู่ร่วมกัน ถก 2 มิ.ย.คาดเป็นรูปเป็นร่าง ไม่อยากให้เสนอโควตาการทำกิจกรรม ให้ปฏิรูปเมื่อพร้อม มอบ สป.กห.ดูแนวทาง ขออย่ามองถึงล้างผิด ชี้ นิมิตรหมายดีทัศนคติแกนนำดีขึ้น
วันนี้ (30 พ.ค.) ที่หอประชุมกองทัพบก (เทเวศร์) พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช) ได้มอบหมายให้กอ.รมน.รับผิดชอบเรื่องการเสริมสร้างความสามัคคีของคนในชาติในลักษณะของการจัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) มีหน้าที่หลักคือการเสริมสร้างความสามัคคี และการปฏิรูป สำหรับความคืบหน้าการประชุมเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาทางหัวหน้าคสช.ได้ดำริให้การปฏิรูปต้องทำเมื่อมีความพร้อม ซึ่งได้มอบหมายให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการตามแนวทางต่างๆที่จะกำหนดต่อไป
พ.อ.บรรพต กล่าวต่อว่า สำหรับการปรองดองและสมานฉันท์ ซึ่งได้รับแนวทางมาจากการหารือในที่ประชุม ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวนั้นได้เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ แต่แนวทางในลักษณ์ที่เป็นรูปแบบหรือโมเดลนั้น ตามดำริของพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งต้องการให้เสริมสร้างความรักความสามัคคี เรื่องตั้งแต่สถาบันครอบครัวจากเดิมที่ทราบว่าในครอบครัวเดียวกันไม่สามารถพุดจาเรื่องการเมืองกันได้ ซึ่งเป็นปัญหาว่าจะทำอย่างไรให้ครอบครัวได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกันได้ต่อไปก็จะเป็นระดับชุมชน หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และจังหวัด ให้เกิดความยอมรับในความเห็นต่างทางการเมือง และเรียนรู้การอยู่ร่วมกันได้ ทั้งนี้ตนอยากให้นับเวลาตั้งแต่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา ต่อไปนี้เราจะอยู่กันอย่างไรและอนาคตเราจะอยู่ร่วมกันอย่างไรเพื่อให้สังคมกลับคืนสู่ความสันติสุขอย่างยั่งยืนต่อไป
“สำหรับโมเดลนั้นเรายังไม่ได้กำหนดต้นแบบ ส่วนกิจกรรมที่ดำเนินการจะไม่มีการแยกฝ่ายเป็นกลุ่มสีเสื้อมาเป็นสัดส่วนหรือโควต้า ขอให้เป็นการริเริ่มเห็นพ้องต้องกันในการอยู่ร่วมกันต่อไป เป็นที่เข้าใจได้ว่าแต่ละพื้นที่มีปัญหาแตกต่างกัน มีความพร้อมไม่เท่ากันเป็นการริเริ่มของแต่ละพื้นที่โดยผ่านทางสายงานกอ.รมน.ภาค และภายในจังหวัดโดยผู้ว่าราชการจังหวัด จนไปถึงระดับสถาบันครอบครัว” โฆษกกอ.รมน.กล่าว
พ.อ.บรรพต กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีกระแสข่าวที่พูดถึงเรื่องการนิรโทษกรรมและการยกเว้นการบังคับใช้กฎหมาย ไม่ควรมองไปถึงตรงนั้น เนื่องจากกฎหมายการกระทำความผิดเกี่ยวกับกฎหมายใดๆก็ตาม ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นก่อนวันที่ 22พ.ค.ก็คงเป็นไปตามกระบวยการยุติธรรมของแต่ละกฎหมายนั้นๆ แต่ที่กำหนดหารือกันอยู่นี้ เพื่อนำเข้าสู่โหมดความปรองดองและสมานฉันท์นำไปสู่การปฏิรูปและระบบต่างๆที่เราต้องการกันต่อไป แต่ถ้าสามารถจัดกิจกรรมได้ตั้งแต่ระดับล่างขึ้นมาถึงบนก็ถือเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งในตอนนี้ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าการจัดกิจกรรมนั้นจะเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่าแสดงว่าโครงสร้างศปป. ที่มีการนำเสนอตามสื่อยังไม่ใช่โครงสร้างของคสช.ใช่หรือไม่ พ.อ.บรรพต กล่าวว่า ตามดำริของหัวหน้าคสช. ต้องการที่จะปรับให้ตรงกัน ในส่วนของรูปแบบและแผนผังโครงสร้างแต่ละพื้นที่ในขณะนี้ได้มีเอกสารออกมาแล้วเป็นระดับศปป.ของกอ.รมน. ภาค 1-4 โดยจะมีการประชุมร่วมกันอีกครั้งเพื่อนำเสนอให้เป็นแนวทางในวันที่ 2 มิ.ย. คาดว่าจะเป็นรูปร่าง หากในพื้นที่ใดสามารถดำเนินการได้ทันทีก็เริ่มดำเนินการ
เมื่อถามต่อว่าหัวหน้าคสช.ได้มีความเป็นห่วงเรื่องใดมากที่สุด นอกจากเรื่องความสมานฉันท์และการแตกแยกของคนในชาติ พ.อ.บรรพต กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวถือเป็นกิจกรรมของการดำเนินการในระยะที่ 1 ต่อเนื่องระยะที่ 2 ขอให้ดำเนินการต่อไปในการเรียนรู้การอยู่ร่วมกันต่อไปเพื่อให้เกิดสันติสุขอย่างยั่งยืน ซึ่งในวันนี้หัวหน้าคสช.ได้เน้นย้ำเรื่องของผลลัพธ์ที่ต้องการไม่ได้เน้นย้ำรูปแบบหรือวิธีการ หรือแนวความคิดต่างๆที่ไม่ได้จำกัด เพราะหัวหน้าคสช.ต้องการให้ปรับแนวความคิดที่เคยมีความเห็นต่างของกันและกันอย่างสุดโต่ง แต่หากการทำกิจกรรมแล้วมีโควตาการจัดสัดส่วนในแต่ละพื้นที่ สิ่งเหล่านี้หัวหน้าคสช.ไม่อยากให้นำเสนอ
เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ที่จะสลายแนวความคิดและสีเสื้อ ทั้งในพื้นที่ภาคอีสานและภาคเหนือที่มีการต่อต้านกันมานาน พ.อ.บรรพต กล่าวว่า เป็นสิ่งที่อยากให้ลืมแนวคิดก่อนวันที่ 22 พ.ค. และให้กลับมาเรียนรู้ร่วมกันอย่างสันติเป็นสิ่งที่น่าจะไปด้วยกันได้ดี เช่นความคิดเห็นของแกนนำหรือมวลชนต่างๆที่ผ่านการปรับทัศนคติและความเข้าใจ หลายคนได้ออกมาแสดงทัศนคติที่สร้างสรรค์มากขึ้น และไม่ได้ย้อนกลับไปพูดเรื่องความขัดแย้งที่ผ่านมา ตนมองว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดี สำหรับแกนนำที่เข้ามาปรับแนวความคิดแล้ว ขั้นต่อไปก็จะให้กลุ่มคนเหล่านั้นเข้ามาช่วย ซึ่งเขาจะช่วยกันได้มาก