หัวหน้าคณะ คสช. ชี้แจงหัวหน้าส่วนราชการ ตัดสินใจแก้ปัญหาประเทศไร้ผลประโยชน์ส่วนตัว ขอให้ราชการร่วมบริหารประเทศแบบบูรณาการ ลดความขัดแย้ง เน้นสั่งการแบบทหารเพื่อเป็นรูปธรรม แบ่งโครงสร้าง 5 ฝ่าย 1 หน่วยขึ้นตรง ไม่ปล่อยขบวนการหมิ่นเบื้องสูง เร่งจ่ายหนี้จำนำข้าวชาวนาเร่งด่วน เชื่อ 15-20 วันแก้ไขได้ทั้งหมด
วันนี้ (23 พ.ค.) ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต เมื่อเวลา 13.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะประธานคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย พล.อ.ธนศักดิ์ ปฏิมาประกร พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ชี้แจงถึงการปฏิบัติตนและการทำงานในสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ต่อหัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ตั้งแต่ระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่าขึ้นไป ผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าหน่วยงานอิสระ สหภาพ สภาอุตสาหกรรม สมาคมธนาคาร และหอการค้า ที่มีที่ตั้งสำนักงานในพื้นที่ภาคกลาง นานประมาณ 2 ชั่วโมง
โดยหนึ่งในผู้ที่ถูกเชิญให้เข้ารายงานตัว กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ชี้แจงต่อหน่วยงานต่างๆ ถึงสาเหตุที่ต้องเข้ายึดอำนาจการปกครอง เนื่องจากคู่ขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่าย ไม่สามารถตกลงหาทางออกให้กับประเทศไม่ได้ จึงมีความจำเป็นต้องดำเนินการ เพราะหากปล่อยไปจะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม ของประเทศอย่างมากมาย รวมทั้งส่งผลทำให้ปีงบประมาณ 2558 จะไม่มีเงินเดือนจ่ายข้าราชการ ดังนั้น จึงต้องตัดสินใจแก้ปัญหาเพื่อประเทศ และไม่มีใครทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
ขณะเดียวกัน ได้ขอให้ข้าราชการร่วมกันบริหารประเทศแบบบูรณาการ ลดปัญหาความขัดแย้งในสังคมทุกภาคส่วน และเร่งทำงานพัฒนาประเทศเพื่อเป็นที่พึ่งของประชาชน โดยจะใช้ระบบสั่งการแบบทหาร ตั้งเป้าให้เห็นผลการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม ไม่มีความขัดแย้ง และเมื่อบ้านเมืองกลับสู่ปกติสุข ประเทศไทยก็จะกลับสู่ประชาธิปไตย ซึ่งย้ำว่าต้องปฏิรูปทุกด้านทั้งเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ก่อนมีการเลือกตั้ง รวมถึงทุกฝ่ายต้องเห็นชอบร่วมกัน
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้จัดแบ่งโครงสร้างการบริหารประเทศในขณะนี้ออกเป็น 5 ฝ่าย และอีก 1 หน่วยขึ้นตรง ประกอบด้วย 1. ฝ่ายความมั่นคง คือ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ICT และกระทรวงการต่างประเทศ มอบหมายให้ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ดูแล 2. ฝ่ายเศรษฐกิจ คือ กระทรวงคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงคมนาคม มอบหมายให้ พล.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ ดูแล 3. ฝ่ายสังคมและจิตวิทยา คือ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มอบหมายให้ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ ดูแล
4.ฝ่ายกฎหมาย กระทรวงยุติธรรม อัยการสูงสุด สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน มอบหมายให้ พล.ท.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ดูแล 5.ฝ่ายกิจการพิเศษ คือ หน่วยงานในสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีทั้งหมด ยกเว้นสำนักงบประมาณ มอบหมายให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดูแล สำหรับหน่วยขึ้นตรง คือ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. สภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. สำนักข่าวกรอง สำนักงบประมาณ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.อ.ประยุทธ์ หัวหน้าคณะ คสช. จะเป็นผู้กำกับดูแลเองทั้งหมด ขณะที่ยังได้มีการแบ่งกลุ่มงานรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งขึ้นตรงกับคณะ คสช. โดยมอบหมายให้แม่ทัพภาค ของแต่ละภาค เป็นผู้ดูแล
สำหรับประเด็นสำคัญที่ พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำต่อข้าราชการ และผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด คือ ต้องไม่ปล่อยให้มีขบวนการหมิ่นสถาบันเบื้องสูง โดยให้ถือเป็นนโยบายหลัก หากพบมีการกระทำผิดจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด ไม่มีการละเว้น ส่วนเรื่องเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขในขณะนี้ คือ ปัญหาโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งมีการจัดงบประมาณสำหรับแก้ไขปัญหาได้แล้วส่วนหนึ่ง และเชื่อว่าภายใน 15-20 วัน จะสามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาให้กับชาวนาได้ทั้งหมด นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้ยกตัวอย่างแผนพัฒนาประเทศแบบบูรณาที่จะดำเนินการในอนาคต คือ โครงการถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งสองฝั่ง เพื่อบริหารจัดการน้ำ และแก้ไขปัญหาจราจรอย่างเป็นระบบ