สะเก็ดไฟ
ใจคออำมหิตผิดมนุษย์ สำหรับเหตุ “โจรใจทราม” ลอบยิงระเบิดเอ็ม 79 ตามด้วยการกระหน่ำยิงปืนเอ็ม 16 ทำให้ผู้ชุมนุม กปปส.เสียชีวิตทันที 3 ราย ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน
ตามสูตรสำเร็จเมื่อก่อเหตุเสร็จ “คนร้าย” มักจะหนีเงื้อมมือ “ตำรวจ” ได้เสมอ โดยเฉพาะในยุค “สมุนแม้ว” ครองเมือง ใครที่เลือกฝั่งอยู่ข้าง “เสื้อแดง” ทำอะไรก็ไม่ผิด-จับไม่ได้
“ถาวร เสนเนียม” แกนนำ กปปส.ตั้งข้อสังเกตทันทีว่า ตำรวจตั้งด่านปิดรอบพื้นที่ แต่ไม่สามารถจับหรือปิดล้อมเส้นทางหนีของ “คนร้าย” ไว้ได้เลย
สะท้อนให้เห็นเลยว่า “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” ไม่ได้แยแสกับการเสียชีวิตของผู้ชุมนุม กปปส.เลยแม้แต่น้อย
และหากโยงไปถึง “ผู้บังคับบัญชาระดับสูง” ของ “รัฐบาล” คงหนีไม่พ้นความรับผิดชอบของ “เป็ดเหลิม” ในฐานะที่ยังอ้างว่ามีอำนาจนั่งสั่งการใน “ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย” (ศอ.รส.)
หนำซ้ำเป็น “เป็ดเหลิม” เองที่ขู่ตลอดเวลาว่าจะมีการยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่ที่ผู้ชุมนุม กปปส. แม้ “เป็ดเหลิม” จะอ้างว่าเป็นการเตือน แต่คน “สันดานการเมือง” อย่าง “เป็ดเหลิม” รู้กันอยู่ว่าพูดเตือนเพื่อจะทำ-พูดเตือนเพื่อปัดความรับผิดชอบ
ฟันธงเลยว่า “เป็ดเหลิม” รู้อยู่แก่ใจว่าใครทำแถมอาจจะช่วยเหลือเสียเองด้วย
ทว่า ประเมินจากผลงานรอบนี้ดูแล้วไม่หวังแค่สร้างสถานการณ์ หรือทำให้มวลชนเสียขวัญเท่านั้น มองไปได้ถึงภารกิจเด็ดส่วนยอดหมายหัวไปที่ “กำนันสุเทพ” เลขาธิการ กปปส.เลยทีเดียว เพราะระยะที่ระเบิดเอ็ม 79 ตกจุดหนึ่งคือ “บ้านดินสอ ณ ราชดำเนิน” อาคาร 4 ชั้นที่ปรับปรุงเป็นโรงแรม และเป็นรู้กันว่า “กำนันสุเทพ” เคยเหมาทั้งตึก ใช้เป็นเซฟเฮาส์ส่วนตัวในช่วงที่ยังปักหลักชุมนุมอยู่ที่ราชดำเนิน นอกจากนี้ “สุเทพ” ใช้ “บ้านดินสอ ณ ราชดำเนิน” เป็นที่ประชุมวางแผนในการเตรียมขบวนเคลื่อนไหวใหญ่ ฉะนั้น “แกนนำ” ระดับมันสมองของ “กปปส.” จะมาสุมหัวกันอยู่ที่ “บ้านดินสอ ณ ราชดำเนิน” แทบไม่ขาดสาย
หากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ “ชายชุดดำ” ได้ก่อเหตุยิงระเบิดเอ็ม 79 พร้อมใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 กราดยิงลักษณะนี้มาแล้ว แต่ผิดเป้าไปโดนผู้ชุมนุมแทน ซึ่งมาถึงทุกวันนี้ยังไม่สามารถจับคนร้ายได้เหมือนเดิม
ดังนั้น เมื่อ “สุเทพ” ประกาศที่จะมานัดรวมพลคน กปปส.ให้มาชุมนุมกันที่ “ราชดำเนิน” อีกครั้ง เพื่อรอวันประกาศชัยชนะ บรรดา “ชายชุดดำ” ที่รับงานใหญ่มา ก็จัดแจงต้อนรับด้วยระเบิดเอ็ม 79 นัยหนึ่งเพื่อเป็นการเช็คระยะจุดยุทธศาสตร์ไปในตัว
ว่ากันว่า งวดนี้ “ชายชุดดำ” เหมือนถูกหวย เพราะค่าหัวของ “แกนนำ กปปส.” มีราคาแพงระยับ ยิ่งถ้าเป็นราคาค่าหัวของ “สุเทพ” อยู่ในระดับทำครั้งเดียวรวยทั้งชาติ
นั่นเพราะเดิมพันการเมืองไทยชั่วโมงนี้สูงลิบ หาก “นายใหญ่-คนเสื้อแดง” ชนะขึ้นมา มีหวังอยู่ในฐานอำนาจการเมืองไทยอีกยาวนาน ยากที่จะหาใครมาล้มได้
“เครือข่ายนายใหญ่” ทั้งใต้ดิน-บนดิน จึงต้องเร่งสร้างผลงาน เพราะหากผลงานของใครเข้าตา “นายใหญ่” คงนั่งกิน-นอนกินกันยาว แถมยังมีหวังได้ลาบ-ยศ-สรรเสริญ มาประดับบารมีอีกเพียบ
ค่าหัว “กำนันสุเทพ” จึงมีค่ามากกว่าราคาเงิน เพราะนี่คือเดิมพันเกมอำนาจของเมืองไทย กลับ “ราชดำเนิน” ถิ่นเก่า ครั้งนี้ไม่ง่ายสำหรับ “กำนันสุเทพ” ที่จะรักษาเนื้อรักษาตัวให้ปลอดภัยตลอดรอดฝั่ง
