แกนนำ นปช. ท้าเลขาฯวุฒิสภา แต่งตั้งประธานวุฒิฯ ผิดกฎหมายชัดเจน เย้ย “สุรชัย” หลงเชื่อ “เทือก” เสนอชื่อนายกฯ ม.7 ต้องรับผิดชอบร่วมก่อกบฏ เย้ยสงสัยต้องฆ่าตัวตายเท่านั้น “เต้น ไพร่เทียม” อ้างคนสนิท “สุรยุทธ์” ไม่ยุ่งนายกฯ มาตรา 7 เย้ยจะเคลื่อนไหวเหมือนคนหมดตัว ด้าน ผอ.มูลนิธิมิราเคิล ออฟ ไลฟ์ แจ้งความ สน.ธรรมศาลา ถูกเสื้อแดงเอารถติดตรามูลนิธิไปแจกของที่ม็อบ ปัดไม่ยุ่งการเมือง
วันนี้ (12 พ.ค.) ที่เวทีการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ถนนอุทยาน เขตทวีวัฒนา นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ได้กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า วันนี้หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์เสนอทางออกให้นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา และว่าที่ประธานวุฒิสภา ในเรื่องผู้รับสนองพระบรมราชโองการในการแต่งตั้งประธานวุฒิสภา ซึ่งต้องเป็นนายกรัฐมนตรี หรือผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ เท่านั้น แต่พรรคประชาธิปัตย์รู้ว่าเรื่องนี้เป็นไปตามกฎหมายได้ยาก พรรคประชาธิปัตย์จึงบอกว่าให้เป็นอำนาจของเลขาธิการวุฒิสภา ตนขอท้าเลขาธิการวุฒิสภาถ้ากล้าก็ทำเลย เพราะผิดกฎหมายชัดเจน หน้าที่ของเลขาฯวุฒิสภา คือส่งประวัติว่าที่ประธานวุฒิสภาให้เลขาธิการ ครม. เท่านั้น ส่วนผู้รับสนองพระบรมราชโองการต้องเป็นนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ ตนฝากไปยังนายสุรชัยว่า จะได้รับโปรดเกล้าฯ หรือไม่ ยังเหลืออีกยาวไกล แต่ถ้านายสุรชัยต้องการทำผิดกฎหมายเสียเอง ก็ให้เชื่อนายสุเทพที่นำกำลังไปปิดล้อมสภา ถึงคราวนายสุรชัยต้องจ่ายบิลคืนให้นายสุเทพที่ส่งบิลไปเก็บเรียบร้อยแล้ว และคู่นี้ต้องรับผิดชอบร่วมกันฐานก่อกบฏในราชอาณาจักรวันนี้ไม่มีสุญญากาศ วุฒิสภาถ้าใครรักตัวกลัวตายก็กลับบ้านไป ส่วนที่นายสุเทพประกาศว่าวันที่ 12 พ.ค. ต้องจบ ถ้าไม่จบจะทำเอง แต่วันนี้นายสุเทพไม่รู้จะทำอย่างไรก็ต้องไปฆ่าตัวตายเท่านั้นทั้งนี้ นปช. ยังมีจุดยืนในการต่อต้านนายกรัฐมนตรี มาตรา 7 ทั้งโดยทางกฎหมายและการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ด้าน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รักษาการ รมช.พาณิชย์ ในฐานะเลขาธิการ นปช. กล่าวว่า วันนี้ตนได้ข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ชั่งน้ำหนักแล้วน่าเชื่อถือ จนตนกล้าประกาศบนเวทีถ้าผู้หลักผู้ใหญ่ของนายสุเทพจะหมายรวมถึง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ตนทราบผ่านคนสนิทของ พล.อ.สุรยุทธ์ ว่า การเมืองต้องการแก้ด้วยการเมือง และจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยแต่อย่างใด ตนมั่นใจว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเราจะเห็นนายสุเทพเคลื่อนไหวเหมือนคนหมดเนื้อหมดตัว และหากำไรไม่เจอ ตนย้ำอีกทีว่าถ้านายสุเทพสงสัยสิ่งที่ตนพูด ท่านมีช่องทางอยู่แล้วที่จะสอบถามจาก พล.อ.สุรยุทธ์ ว่าถอยห่าง และปฏิเสธจากสถานการณ์ที่ตนพูดหรือไม่ ส่วนกรณีที่นายสุรชัยให้นายสุเทพเข้าไปหารือในที่ประชุมวุฒิสภาได้นั้นเป็นการเปิดตัวนายสุรชัย และ ส.ว. ชุดนี้อย่างชัดเจนว่าเป็นเพียงลูกไล่ของนายสุเทพเท่านั้น และถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมที่ให้แกนนำมวลชนเข้าไปในห้องประชุมสภา ซึ่งเป็นสถานที่อันทรงเกียรติ
ส่วนบรรยากาศการชุมนุมตลอดทั้งวัน มวลชน นปช. ยังคงพักผ่อน ปฏิบัติภารกิจส่วนตัว และหลบแดดตามพื้นที่เต็นท์ เนื่องจากอากาศค่อนข้างร้อน ส่วนกิจกรรมด้านบนเวทียังคงมีการปราศรัยต่อเนื่องสลับกับการเปิดดนตรีร้องเพลงให้กับผู้ชุมนุมได้คลายเครียด โดยเนื้อหาการปราศรัยส่วนใหญ่เป็นการโจมตีการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. พร้อมคัดค้านการมีนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 7 ส่วน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นางธิดา ถาวรเศรษฐ ยังคงพักผ่อนจับกลุ่มพูดด้านหลังเวที เพื่อเตรียมขึ้นเวทีปราศรัยในช่วงค่ำ และในช่วงที่นายสุเทพเข้าหารือกับนายสุรชัย ที่รัฐสภา แกนนำ นปช. ได้ติดตามการถ่ายทอดสดเหตุการณ์ดังกล่าว ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมบลูสกายบริเวณด้านหลังเวที
สำหรับการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ชุมนุม ยังคงเป็นไปอย่างเข้มงวด โดยมีเจ้าหน้าที่การ์ดอาสา ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับตำรวจ และทหาร วางกำลังทั้งในพื้นที่การชุมนุม และโดยรอบ เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ไม่หวังดีเข้ามาสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย
อนึ่ง นายมนัส โนนุช กรรมการและผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน มูลนิธิมิราเคิล ออฟ ไลฟ์ ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ประเสริฐ พรมจันทร์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.ธรรมศาลา เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ที่ติดตรามูลนิธิฯ ไปแจกของให้กับกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. บริเวณถนนอุทยาน ก่อนที่จะมีการโพสต์ส่งต่อในเฟซบุ๊ก พร้อมทั้งนำภาพถ่ายมายื่นเป็นหลักฐานด้วย ซึ่งรูปภาพดังกล่าวแสดงรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ติดตราสัญลักษณ์มูลนิธิฯ รวมทั้งยังติดสติกเกอร์หมายเลข 903 ซึ่งเป็นหมายเลขประจำพระองค์ ไปแจกจ่ายของให้กับกลุ่ม นปช. โดยที่ภาพดังกล่าวจะถูกถ่ายไว้เมื่อวันที่ 10 พ.ค. ที่ผ่านมา ก่อนจะมีการโพสต์ลงในโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว สร้างความสงสัยและเข้าใจผิดให้ผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ ตนขอยืนยันว่า ทางมูลนิธิฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีผู้ที่เลียนแบบนำสติกเกอร์มาติด อีกทั้งการกระทำดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่ไม่บังควรอย่างยิ่ง และเป็นการสร้างความระคายเคืองให้กับพระองค์ด้วย ทางมูลนิธิฯ จะช่วยเหลือผู้ยากไร้ผู้ด้อยโอกาส และผู้ประสบภัยให้กับประชาชนทั่วประเทศอย่างเท่าเทียมกัน ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางการเมือง ซึ่งความจริงแล้วทางมูลนิธิฯมีรถตู้ยี่ห้อโตโยต้าสีขาวอยู่เพียง 1 คันเท่านั้น ตัวเลขก็เป็นเลข 903 อีกด้วย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ลงบันทึกประจำวันไว้แล้วก่อนจะประสานไปยังฝ่ายสืบสวน เพื่อลงพื้นที่ติดตามเจ้าของรถคันดังกล่าวมาทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งว่ากระทำผิดจริงหรือไม่
