ผ่าประเด็นร้อน
ไม่ว่าจะปากแข็งตามประสาคนทำผิดทั่วไป หรือโจรชั่วส่วนใหญ่ที่มักจะปฏิเสธไม่ยอมรับความจริง ไม่ว่าจะมีหลักฐานปรากฏให้เห็นอยู่ทนโท่แค่ไหนก็ตาม คนพวกนี้ก็จะบอกว่าไม่จริง หรือ “เขาหาว่า” ทั้งสิ้น ก็ไม่ต่างจากคำพูดของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลังจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นเอกฉันท์ว่าเธอใช้อำนาจโดยมิชอบ เพื่อประโยชน์ส่วนตัว และประโยชน์ของเครือญาติเท่านั้น ไม่ได้ใช้อำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรีเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ หรือประโยชน์สาธารณะแต่อย่างใด โดยศาลได้แจกแจงให้เห็นอย่างชัดเจน ไม่ว่าใครก็ตามหากติดตามฟังอย่างตั้งใจและไม่มีอคติก็ย่อมประจักษ์แจ้งเห็นจริงทุกประการ ใครที่ไม่ตาสว่างก็ต้องมองเห็น
อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่คนในครอบครัวนี้ ไม่ใช่ครอบครัวทักษิณ ชินวัตร เพราะนอกจากจะไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลแล้ว ในทางตรงกันข้ามยังตำหนิศาล ข่มขู่ศาล นำผลจากคำพิพากษาไปบิดเบือนเพื่อปลุกระดมมวลชนที่ยังหลงใหลไม่ลืมตา หรือมวลชนรับจ้างให้ออกมาก่อความวุ่นวาย สร้างสถานการณ์ยั่วยุเพื่อหวังผลทางการเมืองให้เกิดการพลิกผัน เพื่อสร้างเงื่อนไขให้เกิดการรัฐประหาร หรือการจลาจล เหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อปี 53
หากย้อนกลับไปพิจารณากรณีของ ทักษิณ ชินวัตร ที่เคยถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 2 ปี ในคดีทุจริตซื้อที่ดินรัชดาฯ คดีที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาทในคดีทุจริต คดีซุกหุ้น กรณีขายหุ้นชินคอร์ป ทุกกรณีมีหลักฐานชัดเจน แต่เขาไม่เคยยอมรับ แต่เมื่อเห็นจวนตัวเขาก็ใช้วิธีใต้โต๊ะเหมือนอย่างที่เกิดขึ้นกับ “ถุงขนม 2 ล้านบาท” และทนายที่หิ้วไปใต้ถุนศาลก็เป็นทนายของเขา และมาอยู่ในทีมทนายความของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในหลายคดี แม้แต่คดีย้าย ถวิล เปลี่ยนศรี นี่ก็ใช่ แต่ถึงอย่างไรความจริงก็หนีความจริงไปไม่พ้น
นั่นเป็นที่มาที่ไปของคดี และสะท้อนภาพให้เห็นว่าคนในครอบครัวนี้ไม่เคยยอมรับความผิด ไม่ยอมรับความจริง มีแต่กล่าวหาคนอื่น แต่ในที่สุดก็ต้องพ้นจากตำแหน่งทางการเมือง ไม่ว่าจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม
สำหรับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คราวนี้อาจมีเรื่องพิเศษตามมาอีกดอกหนึ่งในอีกไม่ช้า นั่นคือคดีทุจริตจำนำข้าว ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมชี้มูลในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โครงการอัปยศดังกล่าวได้สร้างความเสียหายเหลือคณานับ เพราะนอกจากต้องสูญเสียงบประมาณไม่น้อยกว่า 3 แสนล้านบาท จนหมุนงบประมาณไม่ทัน ไม่มีเงินมาจ่ายหนี้ชาวนาจนทำให้มีชาวนาที่ไร้ทางออกต้องฆ่าตัวตายไปนับสิบราย และจนบัดนี้ยังทยอยตายลงเรื่อยๆ ขณะเดียวกันยังหมายรวมถึงอนาคตของชาวนาที่สิ้นเนื้อประดาตัว ไม่มีเงินลงทุนทำนารอบต่อไป
แต่คนพวกนี้ก็ไม่เคยยอมรับความผิด เพราะถ้ายอมรับผิดก็จะหากินหลอกลวงชาวนา คนยากคนจนต่อไปไม่ได้ จึงโบ้ยโทษคนอื่น นั่นคือหาว่าเป็นเพราะม็อบ กปปส.ทำให้การจ่ายเงินชาวนาสะดุด ทั้งที่มันคนละเรื่อง เพราะถ้ารัฐบาลมีเงิน ซื้อมาขายไปก็มีเงินหมุนเข้ามาอย่างต่อเนื่องอาจช้าบ้านก็ไม่เกิน 1-2 เดือน แต่นี่ผ่านมาเกือบปีแล้วยังไม่มีจ่าย เพราะมันขายข้าวไม่ได้ ขายไม่จริง ถึงขายไปก็ขาดทุนย่อยยับ เพราะต้องขายต่ำกว่าทุนเกินครึ่งถึงจะขายได้ และเวลานี้ราคาข้าวในตลาดราคาตก ก็ลองนึกเอาก็แล้วกันว่ามันจะหายนะแค่ไหน ครั้นคิดจะฝันหวานจะใช้เงินกู้สองล้านล้านบาทมาหมุนโปะไปก่อนสักสองสามงวดก่อนเรื่องจะแดง ก็เป็นหมัดพังทลายอีก เอาเป็นว่าหากยังมีพวกเครือข่ายครอบครัวทักษิณ ยังเป็นรัฐบาล ชาวนาก็ไม่มีทางได้เงินคืนมาใช้จ่ายลงทุนทำนาอย่างแน่นอน มิหนำซ้ำยังอาจทำให้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่รับหน้าจ่ายเงินไปก่อนทำท่าซวนเซเอาด้วย เพราะเห็นว่ากำลังตึงตัว เริ่มทวงหนี้จากกระทรวงการคลังและรัฐบาลกันแล้ว
ที่สำคัญโครงการรับจำนำข้าวนี่มันโกงกันทุกเมล็ด และคนที่โกงก็ล้วนอยู่ในเครือข่าย ทักษิณ ชินวัตร ทั้งสิ้น ตั้งแต่เครือญาติ ไปจนถึงบริษัทค้าข้าว โรงสี ล้วนอยู่ในอาณัติของตัวเองทั้งสิ้น เรียกว่าโกงกันจนฉิบหาย และที่ผ่านมาทั้ง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) นักวิชาการที่เชี่ยวชาญด้านการวิจัยเรื่องข้าวจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยต่างก็คัดค้านตักเตือนกันมาทุกทาง แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ไม่เคยใส่ใจ ทางหนึ่งอาจหลงคิดว่าคงไม่มีวันนี้เป็นอันขาด คิดว่าคุมทุกอย่างในมือ ทั้งสภา กลไกรัฐ จึงเหิมเกริมไม่เห็นใครอยู่ในสายตา แต่เมื่อทุกอย่างกลับตาลปัตร ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลังจะถูกชี้มูลความผิดในคดีรับจำนำข้าวในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
คราวนี้หากเป็นไปตามคาดหมาย เธออาจเป็นอดีตนายกฯ คนที่ 2 ที่ถูกดำเนินคดีอาญาในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในวันข้างหน้า ซึ่งนั่นก็เป็นดาบสองแบบสาหัสที่ใครก็ไม่อยากเจอ โดยเฉพาะ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แม้ว่าเธอจะไร้สติปัญญาแค่ไหน แต่เรื่องเข้าคุกรับรองว่าต้องรู้สึกสยองกันทุกคน
ล่าสุดก็เป็นไปตามที่คาดเอาไว้จริงๆ เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรมีความผิด ฐานปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว หรือไม่เอาจริงเอาจังกับการปราบปรามทุจริตตามที่ได้แถลงยืนยันต่อสภา อีกทั้งโครงการดังกล่าวเกิดการทุจริตสร้างความเสียหายไม่น้อยกว่าสามแสนล้านบาท โดยที่ ป.ป.ช.เคยทำหนังสือทักท้วงถึง 2 ครั้ง สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เคยเตือน อีกทั้งมีการอภิปรายในสภาผู้แทนฯ เปิดโปงการทุจริต แต่ยิ่งลักษณ์ในฐานะนายกฯ และในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ กลับไม่ใส่ใจ โดย ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดเป็นเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 โดยส่งให้วุฒิสภาถอดถอน ขณะที่คดีอาญาจะทำการไต่สวนต่อไปเพื่อให้เกิดความชัดเจน
เพียงแค่นี้ก็ถือว่าจบเห่ และเท้าแหย่เข้าไปในคุกเกือบครึ่งตัวแล้ว!!