รายงานการเมือง
บรรยากาศการประชุม 64 พรรคการเมือง เพื่อกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ ซึ่งจัดขึ้นโดย “คณะกรรมการการเลือกตั้ง” (กกต.) คึกคักตามปริมาณของ “หัวหน้า-ตัวแทน” พรรคการเมือง ที่มากันเกือบครบทุกพรรค
แต่ด้วยคุณภาพแล้วแทบที่ยังไม่มีให้เห็นเลย เพราะเกือบทุกพรรคกระหายการเลือกตั้ง บีบ-จี้-ด่า กกต. ให้เร่งจัดการเลือกตั้งให้เร็วที่สุด
บรรยากาศก่อนเริ่มการประชุมมี “พรรคการเมืองเล็ก” ที่แอบไปคุยกันในที่ลับรวบรวมสมาชิกได้ประมาณ 18 พรรคการเมือง รวมตัวตั้งกลุ่ม “สหพรรคการเมือง” เพื่อยื่นหนังสือต่อ “ศุภชัย สมเจริญ” ประธาน กกต. ให้เร่งจัดการเลือกตั้ง
โดย “สหพรรคการเมือง” อ้างว่า ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการที่ประเทศไม่มีรัฐบาลเข้ามาบริหารงานมานานแล้ว กกต. จึงต้องเร่งดำเนินการ
ทว่ากลับมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อมี “พรรคการเมืองเล็ก” ออกมาแฉกันเอาว่ามี “สหพรรคการเมือง” รับเงินใต้โต๊ะมาล็อบบี้ กกต. วงเงินพูดกันลั่นห้องประชุมว่าอยู่ประมาณ “หกหลัก” ที่ใช้เซ้งพรรคการเมืองมาออกแอ็กชัน
สาวไส้ให้กากินกันกลางวงประชุม โชคดีหน่อยที่ยังไม่มี “หัวหน้า-ตัวแทน” พรรคการเมือง เข้ามาในห้องประชุมมากมายนัก มีแต่ “ผู้สื่อข่าว” ที่นั่งสังเกตการณ์กันอยู่
คำถามคือคงมี “พรรคการเมืองใหญ่” บางพรรคที่ขาสั่น-แขนสั่น-ตัวสั่น อยากให้ กกต. จัดการเลือกตั้งโดยเร็ว ไปใช้ช่องทาง “พรรคการเมืองเล็ก” หวังกล่อม กกต. ให้สำเร็จ
ซึ่งในที่สุด “สุรทิน พิจารณ์" หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ ซึ่งระยะหลังพยายามสร้างบทบาทให้ตัวเอง และสถาปนาตัวเองเป็น “ประธานสหพรรคการเมือง” ยื่นหนังสือให้ “ศุภชัย” สมใจหวัง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้ผลตอบรับจาก กกต. อย่างไร
แต่ก็เมาท์กันแซดว่า งานนี้มีคนกระเป๋าตุง
พอถึงเวลาระฆังดังเริ่มการประชุมก็ดูจะออกทะเลกันพอสมควร เมื่อ “ศุภชัย” ขอให้ดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามวาระการประชุมคือให้ “พรรคการเมืองใหญ่” พูดคนละ 15 นาที ส่วน “พรรคการเมืองเล็ก” แบ่งกันพูด
ทำให้บรรดา “พรรคการเมืองเล็ก” ได้โชว์ความเกรียนเต็มที่ ลุกขึ้นโชว์เพาว์กันใหญ่ เสนอให้ กกต. จัดประชุม 3 วัน 3 คืน เอาให้รู้กันเลยว่าทุกคนต้องมีสิทธิ์พูด มีสิทธิ์ตัดสินใจ
แต่คำถามคือถ้าจัดโชว์ 3 วัน 3 คืน จริง จะมี “ประชาชน” สักกี่คนที่จะอยู่รอฟัง
เมื่อการประชุมดำเนินไประยะหนึ่ง กกต. ได้ชงวัน ว. เวลา น. ในการหย่อนบัตรเลือกตั้งใหม่ โดยกำหนดวันไว้ 3 วัน 1. วันที่ 20 กรกฎาคม 2. วันที่ 17 สิงหาคม 3. วันที่ 14 กันยายน
“สมชัย ศรีสุทธิยากร” อธิบายว่า กกต. จะหารือกับรัฐบาลภายใน 10 วัน รอกระบวนการทูลเกล้าฯอีก 20 วัน รวมเป็น 30 วัน หลังจากนี้ กกต. จะต้องจัดการเลือกภายใน 45 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน ซึ่งวันที่ 20 กรกฎาคม ถือว่าเหมาะสมสุด เพราะสามารถมีกิจกรรมการเมืองเพิ่มเติมได้
หลังจาก กกต. เผยไต๋วันหย่อนบัตร “โภคิน พลกุล” ทีมงานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ถึงกับหูผึ่ง เด้งเชือกรับลูกทันที โดยเลือกชอยส์ที่เร็วที่สุด ขอให้ กกต. จัดการเลือกตั้งในวันที่ 20 กรกฎาคม
แต่ไม่วายตามสไตล์ที่ยากเร่งถึงขั้นขู่ กกต. ถ้าช้ากว่า 20 กรกฎาคมบ้านเมืองอาจจะถึงขั้นกลียุคได้
สงสัย “โภคิน” ดีใจจนลืมคิดไปว่า กว่าถึงตอนนั้น “ป.ป.ช.-ศาลรัฐธรรมนูญ” คงตัดสินคดี “ยิ่งลักษณ์” รู้ดำรู้แดงกันไปก่อนแล้ว
นอกจาก “โภคิน” แล้ว ยังมี “นิกร จำนง” ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ตัวแทนพรรคปลาไหล ประกาศลั่นอยากเลือกตั้ง 20 กรกฎาคม ผนึกกำลังกับ “พรรคการเมืองเล็ก” สหบาทาจี้ กกต. ต้องจัดเลือกตั้งตามไทม์มิง 20 กรกฎาคมเช่นกัน
ทว่ากลับมีคำถามจาก “พรรคภูมิใจไทย” ที่มี “ทรงศักดิ์ ทองศรี” รองหัวหน้าพรรค โยนกลางวงประชุมว่า จะมั่นใจได้อย่างไรว่าถ้าเลือกตั้งแล้วจะไม่เป็นโมฆะอีก
ทำให้ “สมชัย” ต้องอธิบายว่า การเลือกตั้งครั้งใหม่จะไม่โมฆะในเงื่อนไขเดิม คือต้องเลือกตั้งกันพร้อมทุกเขตเลือกตั้ง เพราะ กกต. จะจัดเลือกตั้งทุกเขต ถ้าเขตไหนเลือกตั้งไม่ได้จะจัดเลือกตั้งซ่อมไปเรื่อย
แต่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าต้องมี ส.ส. ให้ครบนับจากวันเลือกตั้ง 180 วัน ซึ่งดูแล้วไม่มีทางครบแน่ เพราะจะมีปัญหาตรงที่ ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์
“สมชัย” ฟันธงเลยว่า ต้องมีคนไปยื่นให้ “ศาลรัฐธรรมนูญ” วินิจฉัยให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะอีกแน่
สิ้นเสียง “สมชัย” เสียงปรบมือในห้องประชุมดังเกลียว ไม่รู้ว่าฝั่งไหน ไม่รู้ว่าพรรคการเมืองใด แต่ที่รู้คือหากยังดันทุรังเลือกตั้งโอกาสโมฆะรอบ 2 มีสูงลิบ เพราะมีหลายเงื่อนไขที่รอให้เล่นงานอยู่
ทั้งหมดคือบรรยากาศการประชุมกำหนดวันเลือกตั้งที่ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่าขีดเส้นกันไว้วันที่ 20 กรกฎาคม แต่ก่อนการเมืองไทยจะเดินไปถึงจุดเลือกตั้งใหม่ยังต้องมีอะไรให้พลิกผันได้เสมอ
คดีจำนำข้าวที่อยู่ในมือของ “ป.ป.ช.” จองกฐินรอเชือดอยู่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งดูแล้ว “ยิ่งลักษณ์” ไม่น่าจะรอดดาบของ “ป.ป.ช.” ไปได้ ขึ้นอยู่กับว่าสถานภาพความเป็นนายกฯของ “ยิ่งลักษณ์” จะวางอยู่ตรงไหน
คดีโยกย้าย “ถวิล เปลี่ยนศรี” ที่อยู่ในมือของ “ศาลรัฐธรรมนูญ” คงไม่เกินต้นเดือนพฤษภาคม คงจะรู้กันแล้วว่า “ยิ่งลักษณ์” จะโดนเชือดให้พ้นจากตำแหน่งนายกฯหรือไม่
ยิ่งทอดเวลากำหนดวันเลือกตั้งไกลโขถึง 20 กรกฎาคม ยืดเวลาให้องคาพยพจัดการ “เครือข่ายชินวัตร” ได้สบายมากยิ่งขึ้น
การเมืองไทยเวลานี้ ไม่ต้องรอวันเลือกตั้งใหม่ ไม่ต้องมองไกล-คิดไกล ไปหลายเดือน
ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมชี้ขาดใครอยู่-ใครไป-ใครชนะ-ใครแพ้
แต่ที่รู้ๆ “เครือข่ายชินวัตร” เริ่มรู้ตัวแล้วว่าสู้ไม่ได้!!