“อภิสิทธิ์” ติง “สมชัย” คุมอารมณ์ตัวเอง หวั่นตกเป็นเหยื่อถูกโจมตีเลือกข้าง เชื่อ กกต.ทุกคนเป็นธรรม แต่เจอแรงกดดันหลายด้าน จึงขอเป็นกำลังใจให้ ห่วงพรรคการเมืองเสพติดอำนาจมากกว่าประชาชนติดประชานิยม
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเตือนนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กถึงกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ควรมีความระมัดระวังในฐานะ กกต. เพราะการแสดงออกในลักษณะที่ตอบโต้หรือเป็นเสมือนเป็นปฏิปักษ์กับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดนั้นคงไม่เหมาะสม เกรงว่าจะเป็นเปิดโอกาสให้กับคนบางกลุ่ม กล่าวหาโจมตีว่าเลือกข้างได้ ทั้งนี้เชื่อว่า กกต.ทุกคนพยายามจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเที่ยงธรรม แต่ต้องเผชิญกับแรงกดดันหลายด้าน จึงขอให้กำลังใจและให้มีความอดทน กับสิ่งที่เกิดขึ้น
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการปฏิรูปการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ว่า คืบหน้าไปมาก ขณะนี้อยู่ในระหว่างการจัดทำเป็นรายงานเพื่อเชื่อมโยงกับนโยบายต่างๆ ที่ได้มีการปรับปรุง ปัญหาหนึ่งที่ต้องดูและแก้ปัญหาคือ ผลพวงที่เกิดขึ้นจากประชานิยม ไม่ใช่เฉพาะแต่ละนโยบาย เช่น กรณีจำนำข้าวที่ต้องสะสาง ไม่ใช่แค่การจ่ายเงินชาวนาเท่านั้น แต่จะช่วยชาวนาต่ออย่างไร รวมถึงสภาพตลาดข้าว สถานภาพของข้าวไทย และข้าวที่อยู่ในการครอบครองของรัฐว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร และเรื่องที่ใหญ่กว่านั้นคือ ถ้าเราจะหยุดยั้งปัญหาประชานิยม โดยต้องหาวิธีการช่วยเหลือประชาชนคนยากคนจนอย่างเป็นระบบ อาจต้องมีการรื้อหลายอย่างกันครั้งใหญ่เพื่อให้สามารถที่จะทำให้รัฐบาล หรือรัฐ มีเครื่องมือในการที่จะช่วยเหลือคนยากคนจนได้อย่างตรงเป้า เมื่อรัฐบาลใช้นโยบายที่แบบเหมารวมไป สุดท้ายนโยบายเหล่านี้ก็ไปช่วยลดปัญหาความยากจน แต่ก็ช่วยคนที่ไม่ได้จนไปด้วย ทำให้ต้องสูญเสียงบประมาณเพิ่มมาก จึงต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้รัฐ มีทั้งกลไก มีทั้งข้อมูลในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อน หรือยากจนได้ตรงเป้ามากขึ้น พร้อมกับการลดทรัพยากรที่รัฐจะต้องใช้ในการทำเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้ต้องรั่วไหลไปสู่คนที่ไม่มีความจำเป็นจะต้องช่วยเหลือ
ส่วนที่หลายฝ่ายเกรงว่าประชาชนเสพติดประชานิยมไปแล้วนั้น ตนคิดว่าเป็นเรื่องปกติที่ได้ประโยชน์จากนโยบาย เป็นธรรมชาติที่เขาก็อยากจะได้ประโยชน์ต่อ ไม่ขอตำหนิใดๆ แต่ว่าส่วนที่น่ากลัวกว่านั้น คือ พรรคการเมือง หรือรัฐบาล ก็ติดประชานิยมเหมือนกัน เพราะว่า 1. ทำให้ตัวเองกลายเป็นผู้ที่ให้คุณให้โทษได้ มีอำนาจมากขึ้น ทำให้ประชาชนต้องหวังมาพึ่งพิงมากขึ้น ซึ่งอันนี้คือปัญหาที่ต้องแก้ไข หนึ่งในประเด็นคือ กกต.สามารถที่จะใช้อำนาจหน้าที่ของตัวเองตามกฎหมาย ออกระเบียบเกี่ยวกับวิธีการหาเสียงได้ในเรื่องเหล่านี้