แกนนำเพื่อไทยออกโรงดิ้น แถลงโต้ “สุเทพ” ประกาศ “รัฏฐาธิปัตย์” ระบุเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ทรยศต่อระบอบประชาธิปไตย ล่วงละเมิดพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ พร้อมปลุกระดมต่อต้าน กปปส. ตะแบงเลือกตั้งอย่างเดียวคืออำนาจรัฏฐาธิปัตย์ จี้ กกต.-รัฐบาลรีบตรา พ.ร.ฎ.โดยเร็ว
วันนี้ (8 เม.ย.) แกนนำพรรคเพื่อไทย นำโดยนายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค นายโภคิน พลกุล คณะกรรมการกิจการพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช. และนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรค ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์ถึงกรณีการประกาศเป็นรัฏฐาธิปัตย์ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.
โดยนายโภคินเป็นผู้แทนแถลงว่า ตามที่นายสุเทพได้เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือน พ.ย. 56 จนได้แถลงเมื่อวันที่ 5 เม.ย. 57 ที่ผ่านมาว่าจะทำการยึดอำนาจประเทศไทยเพื่อเอาอำนาจอธิปไตยมาเป็นของประชาชน และประกาศตั้งตนเองเป็นรัฏฐาธิปัตย์ และจะออกคำสั่งเพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมาย ทำนองเดียวกับคำสั่งหัวหน้าคณะปฏิวัติเพื่อดำเนินการกับฝ่ายตรงข้าม และจะเสนอทูลเกล้าฯแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี โดยตนเองจะเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีนั้น โดยคำว่า “รัฏฐาธิปัตย์” ในความหมายที่เป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไป และในทางกฎหมายก็คือ “ผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน” ซึ่งตามรัฐธรรมนูญและประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทยแล้วหมายถึง “ปวงชนชาวไทยและพระมหากษัตริย์” ดังที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคแรก
นายโภคินกล่าวต่อว่า การประกาศของนายสุเทพถือได้ว่ากระทำผิดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย หลายประการดังนี้ 1. เป็นการทรยศต่ออำนาจของปวงชนชาวไทยและพระมหากษัตริย์ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 เพราะนายสุเทพไม่ใช่รัฐสภา คณะรัฐมนตรี หรือศาล แต่เป็นกบฏ ซึ่งมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 และ 116
2. เป็นการทรยศต่อระบอบประชาธิปไตย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 2 ที่บัญญัติว่า “ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” การกระทำและการประกาศของนายสุเทพ จึงเป็นการล้มล้างรัฐธรรมนูญ มาตรา 2 และมาตรา 6 ที่บัญญัติว่า “รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ”
3. เป็นการล่วงละเมิดพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 8 บัญญัติว่า “องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้” และเพราะเหตุนี้ รัฐธรรมนูญมาตรา 195 จึงบัญญัติว่า “บทกฎหมาย พระราชหัตถเลขา และพระบรมราชโองการอันเกี่ยวกับราชการแผ่นดิน ต้องมีรัฐมนตรีลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ เว้นแต่ที่มีบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นในรัฐธรรมนูญนี้” ดังนั้น ผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการจึงได้แก่รัฐมนตรี หรือบุคคลอื่นที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้เท่านั้น การกำหนดตัวเองของนายสุเทพเป็นรัฏฐาธิปัตย์จึงเป็นการฉีกรัฐธรรมนูญ และล่วงละเมิดต่อองค์พระมหากษัตริย์อย่างชัดแจ้ง เป็นความผิดทางกฎหมายอีกกระทงหนึ่ง
4. ปวงชนชาวไทยมีสิทธิและหน้าที่ที่จะต่อต้านและพิทักษ์รักษาระบอบประชาธิปไตยและอำนาจของปวงชนชาวไทยและพระมหากษัตริย์ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 69 ที่บัญญัติว่า “บุคคลย่อมมีสิทธิต่อต้านโดยสันติวิธี ซึ่งการกระทำใดๆ ที่เป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้” และมาตรา 70 ที่บัญญัติว่า “บุคคลมีหน้าที่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่ง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้”
“สรุปคือประชาชนที่รักประชาธิปไตยทั้งหลายมีหน้าที่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์และการปกครองระบอบประชาธิปไตย และมีสิทธิต่อต้านโดยสันติวิธีต่อการกระทำใดๆ ของนายสุเทพ” นายโภคินระบุ
นายโภคินกล่าวอีกว่า ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยจะดำเนินการในทุกวิถีทางตามกรอบของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย เพื่อพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และขอเรียกร้องให้พี่น้องประชาชน เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคน หน่วยงานของรัฐทุกหน่วยงาน ได้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 69 มาตรา 70 และมาตราอื่นๆ ตลอดจนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อต่อต้านและดำเนินคดีต่อนายสุเทพและพวกอย่างเข้มแข็ง จริงจัง อย่าได้ร่วมมือและกลายเป็นเครื่องมือของนายสุเทพและพวก รวมทั้งขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ ตลอดจนองค์กรอิสระต่างๆ อย่าได้ร่วมมือ ส่งเสริม หรือสมคบคิดกับนายสุเทพและพวกเป็นอันขาด เพราะจะเข้าข่ายเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
“พรรคเพื่อไทยเห็นว่าทางออกของประเทศเพื่อให้การใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์เป็นไปโดยถูกต้องตามรัฐธรรมนูญก็คือการเลือกตั้ง ดังที่ศาลรัฐธรรมนูญได้เคยวินิจฉัยไว้ในคำวินิจฉัยที่ 9/2549 วันที่ 8 พฤษภาคม 2549 จึงขอเรียกร้องให้ กกต.และรัฐบาล รีบตราพระราชกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นใหม่โดยด่วน” นายโภคินกล่าวทิ้งท้าย