นายกฯ อ้อน ป.ป.ช.รับการพิจารณาขยายเวลาและสอบพยานเพิ่ม ปมโกงข้าว อ้างกระบวนการยุติธรรมต้องให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหา ต้องเห็นใจเอกสารไม่ครบ ตอบไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ ย้อนอย่าฟังแต่ผู้กล่าวหา รอ กกต.แจงเลือกตั้ง ส.ส. ฝาก รมว.กต.ดู 2 กลุ่มชุมนุมใหญ่ให้เท่าเทียม หวังไม่ปะทะกัน ผบ.ตร.แจงนายกฯ สั่งจับตา กำลังพลพอ มอบจเร ตร.สอบเหตุนักเรียน ตร.โดดร่มไม่กาง ยันเป็นการฝึกที่ดี
วันนี้ (1 เม.ย.) ที่ร.ร.นายร้อยตำรวจสามพราน จ.นครปฐม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงการขอคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบพยานเพิ่มเติม กรณีข้อกล่าวหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ปล่อยให้มีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวว่า การที่ขอขยายเวลาและสอบพยานบุคคลเพิ่มเติม เพราะผู้ถูกกล่าวหาต้องขอใช้เวลาอย่างเต็มที่ ซึ่งกว่า ป.ป.ช.จะแจ้งเรื่องมามีเวลาแก้ข้อกล่างหาเพียง 15 วัน ดังนั้น ในฐานะที่ตนเองอยู่ในระดับนโยบาย จำเป็นต้องขอข้อมูลเพื่อมีพยานเพิ่มเติม และให้พยานนำข้อมูลมาให้เพิ่มเติมซึ่งถือเป็นความเห็นเพิ่มเติมอีกด้านหนึ่ง และถือเป็นกระบวนการยุติธรรมตามปกติที่ผู้กล่าวหาย่อมต้องให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาได้มีโอกาสนำพยานมาชี้แจงเพิ่มเติม โดยคาดว่าจะได้รับการพิจารณาจาก ป.ป.ช. ซึ่งการเข้าพบ ป.ป.ช.บรรยากาศก็เป็นไปด้วยดี และหวังว่า ป.ป.ช.จะนำข้อเสนอนี้ไปพิจารณาด้วยความยุติธรรมตามสมควรที่จะได้รับ
เมื่อถามว่า ถึงเวลานี้มั่นใจหรือไม่ว่าเอกสารที่นำไปแก้ข้อกล่าวหาจะทำให้หลุดพ้นคดีได้ นายกฯ ตอบว่า ตนคงไม่สามารถจะตอบเช่นนั้นได้ เพราะไม่ใช่คนพิจารณา แต่เราก็ทำอย่างเต็มที่ในเวลาที่มี ซึ่งวันนี้เอกสารที่ขอไปยังหน่วยงานต่างๆ ยังได้ไม่ครบ จึงชี้แจงไปเท่าที่ได้ ดังนั้นต้องเห็นใจเพราะเอกสารต่างๆ แต่ละหน่วยงานกว่าจะส่งมาต้องใช้เวลา ซึ่งโครงการรับจำนำข้าวเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ส่วนเอกสารที่ขอป.ป.ช.เพิ่มเติมไปนั้นได้มาระดับหนึ่ง หากจะได้มากกว่านี้ต้องมีการประสานงาน
เมื่อถามว่า คิดว่าจะได้รับความเป็นธรรมจาก ป.ป.ช.หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ไม่อยู่ในวิสัยจะตอบแทน ต้องไปถามป.ป.ช.ซึ่งจะเห็นว่า แต่ละคดีจะมีขั้นตอน ที่ให้พยายามชี้แจง และคณะกรรมการต้องพิจารณาในเนื้อหาทั้งเอกสาร และตัวบุคคลอย่างอิสระและเป็นกลาง เพื่อให้คดีต่างๆ เป็นไปด้วยความยุติธรรม และต้องฟังข้อมูลให้ครบทุกด้าน ไม่ใช่ฟังข้อมูลจากผู้กล่าวหาอย่างเดียว
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวต่อถึงการชุมนุมของ นปช.และกปปส.ในวันที่ 5 เม.ย.ว่า ห่วงสถานการณ์ต่างๆ จึงได้ฝากนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ และในฐานะประธานที่ปรึกษาศูนย์รักษาความสงบ (ศอ.รส.) ดูแลความปลอดภัยของประชาชนและผู้ชุมนุมทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย และในฐานะเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานความมั่นคง ต้องดูแลทุกกลุ่มทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน และพยายามอย่าให้เกิดการปะทะกันจนนำไปสู่ความรุนแรง เชื่อว่าทุกคนจะช่วยกัน ก็ต้องขอร้องทุกฝ่ายลดการเผชิญหน้ากัน ดูแลอย่างเท่าเทียมกัน
เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ในฐานะเลขาธิการ นปช.บ้างหรือไม่ นายกฯ ตอบว่า ขอร้องทุกฝ่ายทางสาธารณะอยู่แล้ว อะไรที่ทำได้ก็ขอร้องอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามการดูแลความปลอดภัยไม่ให้มีการกระทบกระทั่งกันต้องระวังอยู่แล้ว ความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน การสัญจร ก็หวังว่าทุกฝ่ายจะไม่นำมวลชนมาปะทะกัน
น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังกล่าวถึงการกำหนดวันเลือกตั้ง หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยการเลือกตั้ง ส.ส.2 ก.พ.ไม่ชอบด้วยกฎหมายว่า ต้องรอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งมาก่อน และทาง กกต.ก็ยังไม่ได้มีการประสานขอหารือในเรื่องนี้ในวันไหน
ด้าน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวในการเข้ารายงานเกี่ยวกับสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าได้รายงานถึงความคืบหน้าในการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. และในส่วนของวันที่ 5 เม.ย.ซึ่งทางกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือคนเสื้อแดงประกาศจะชุมนุมใหญ่ที่ถนนอักษะ กทม.นั้น ทางนายกฯ ให้ดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยกำชับให้ตำรวจระมัดระวังอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้มีการเผชิญหน้ากัน สำหรับแผนในการควบคุมสถานการณ์นั้น ทางเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมไว้ทั้งหมดแล้ว แต่ยังไม่สามรถเปิดเผยได้ ส่วนกำลังพลที่ประจำการในขณะนี้นั้นถือว่าเพียงพอแล้ว
สำหรับกรณีนักเรียนนายร้อยตำรวจชั้นปีที่ 2 รุ่น 69 เสียชีวิต 2 รายในระหว่างการฝึกกระโดดร่มนั้น พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวว่า เรื่องนี้ก็ได้รายงานต่อนายกฯเช่นกัน และได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว โดยมอบหมายให้จเรตำรวจเป็นผู้แลว่า เหตุที่เกิดขึ้นมีข้อผิดพลาดใด ร่วมกับทางผู้เชี่ยวชาญ โดยช่วงนี้จะงดการฝึกในส่วนนี้ เพื่อให้มีความพร้อมก่อน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าหลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรที่ดีมาก เพียงแต่ต้องดูแลไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นอีก ทั้งนายกฯ ได้กำชับให้ดูแลครอบครัวนักเรียนทั้ง 2 นายด้วย ทั้งเรื่องการจัดพิธีศพ และสวัสดิการต่างๆ อย่างเต็มที่
ขณะที่นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ก่อนการประชุมครม.นายกรัฐมนตรีได้ปรารภถึงวันข้าราชการพลเรือน 2557 โดยได้น้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า ข้าราชการไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใด ระดับไหน มีหน้าที่อย่างไร ล้วนแต่มีส่วนสำคัญอยู่ในงานของแผ่นดินทั้งสิ้น ทุกคนจึงต้องตั้งใจปฏิบัติหน้าที่โดยเต็มกำลัง ความสามารถ ด้วยอุดมคติ ด้วยความเข้มแข็ง เสียสละ และระมัดระวังให้ทำการทุกอย่างในหน้าที่เป็นไปอย่างเที่ยงตรง ด้วยความระลึกรู้ตัวอยู่เสมอว่าการปฏิบัติตัวปฏิบัติงานของตนมีผลเกี่ยวเนื่องถึงสุขทุกข์ของประชาชน ตลอดจนความเจริญหรือเสื่อมลงของประเทศชาติ และอยากให้ข้าราชการทุกหมู่เหล่าใช้เป็นแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ ทุ่มเท และให้นำประเทศเป็นหลัก ขณะเดียวกัน นายกฯ ได้ฝากให้รัฐมนตรีดูแลข้าราชการทุกกระทรวงอย่างเป็นธรรมและให้ความเป็นธรรมต่อข้าราชการ เพราะอย่างที่ทราบว่ากลุ่มมวลชนมีการปิดล้อมสถานที่ราการในบางส่วนทำให้ข้าราชการไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
นายภักดีหาญส์กล่าวอีกว่า ในที่ประชุม ครม. นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี ได้หารือต่อกรณีการวินิจฉัยกลางศาลรัฐธรรมนูญ กรณีเลือกตั้ง ส.ส.2 ก.พ.เป็นโมฆะ ซึ่งสัปดาห์นี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. กำลังหารือเรื่องของรายละเอียดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะในคำวินิจฉัยไม่ได้บอกว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไรต่อไป ดังนั้นจึงยังไม่ทราบว่าจะต้องมีการออกพระราชกฤษฎีกากำหนดการเลือกตั้งใหม่หรือไม่เมื่อไหร่ หรือจะเริ่มนับตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ได้ระบุไว้ว่าภายใน 45 วันไม่เกิน 60 วัน เราจะเริ่มนับตั้งแต่วันไหน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ชัดเจนเราต้องรอบทสรุปจาก กกต.ก่อน
ขณะที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ได้รายงานต่อที่ประชุมว่าสัปดาห์นี้ที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.แม่ฮ่องสอนได้มีปัญหาหมอกควันค่อนข้างเยอะ เนื่องจากมีการไหม้ที่ป่าสงวนมากกว่าป่าธรรมดาถึงเท่าตัว โดยกรมป่าไม้ไม่มีบุคลากรที่จะเข้าไปดูแลในส่วนของป่าสงวนจึง ได้ฝากให้กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมให้เข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนละแวกนั้น
