ผู้บัญชาการทหารบก ประธานวันสถาปนากรมพลาธิการ 122 ปี ชื่นชมกำลังพลที่ทุ่มเท เสียสละ ชี้ปรับโครงสร้าง ทบ.ต้องหมุนเวียน แก้ไขให้ทันสมัย ยันไม่ทำกำลังพลเดือดร้อน ขอภูมิใจในหน้าที่ สุดฉุนเจอวิจารณ์เลื่อน "วลิต" นั่ง มทภ.4 ถามเป็นอะไร มีข้อบกพร่องตรงไหน ข้ามห้วยยังไง ยันมทภ.อื่นก็เป็น ผบ.ทบ.ได้ จี้ทุกคนเคารพกฏหมาย ไม่รู้จำนำข้าวใครผิดถูก ติงอย่าละเมิดศาล บอกกองทัพเลือกนายไม่ได้ เอนข้างไหนไม่ได้
วันนี้ (1 เม.ย.) ที่กรมพลาธิการทหารบก เมื่อเวลา 06.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในวันสถาปนากรมพลาธิการ ครบ122ปี โดยมี พล.ท.สิริศักดิ์ วรเจริญ เจ้ากรมพลาธิการให้การต้อนรับ พร้อมด้วยนายธนน เวชกรกานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี พล.ต.ต. ธนายุตม์ วุฒิจรัญธำรงค์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวให้โอวาทกำลังพล ตอนหนึ่งว่า ขอชื่นชมกำลังพลทุกท่านที่ทุ่มเท เสียสละปฎิบัติหน้าที่สนับสนุนภารกิจของกองทัพบกอย่างต่อเนื่อง ทั้งงานด้านบริการ ส่งกำลังบำรุงสิ่งอุปกรณ์สายพลาธิการ การวิจัยการพัฒนาสิ่งอุปกรณ์ที่ล้วนเป็นปัจจัยทำให้การปฎิบัติหน้าที่มีประสิทธิภาพ มีความต่อเนื่อง บรรลุเป้าหมายด้วยความเรียบร้อย สร้างภาพลักษณ์ให้กองทัพบกในเรื่องความน่าเชื่อถือ ไว้วางใจพร้อมอยู่เคียงข้างประชาชนทุกโอกาส โดยเฉพาะในช่วงที่ประสบภัยพิบัติ ขอให้รักษาอุดมการณ์มาตรฐานในการทำงานที่มุ่งประโยชน์ของกองทัพบกและส่วนรวมเป็นสำคัญ พร้อมให้ระลึกอยู่เสมอว่ากองทัพบกคือหลักประกันความมั่นคงของชาติ ทุกคนต้องร่วมมือกันปฎิบัติหน้าที่เต็มกำลังเพื่อชาติ พระมหากษัตริย์และประชาชน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการปรับโครงสร้างของกองทัพบกนั้นจำเป็นต้องหมุนเวียน บรรจุ แก้ไขโครงสร้างที่มีในปัจจุบันให้เกิดความทันสมัยเพื่อรองรับภัยคุกคามในอนาคต รวมถึงปัญหาด้านบุคคลากร อย่างไรก็ตามกองทัพบกจะไม่ทำให้กำลังพลและครอบครัวเดือดร้อน โดยจะดำเนินการอย่างดีที่สุด เพื่อให้สอดคล้องกับการทำงานในยุคใหม่ เพราะเราต้องเป็นกองทัพที่ทันสมัยในอาเซียน หากยังมีการใช้จ่ายงบประมาณด้านบุคลากรสูงจะทำให้การพัฒนาด้านอื่นลดลงจนไม่สามารถทำอะไรได้ แต่เหตุผลและความจำเป็นยังต้องคงกำลังทหารไว้เนื่องจากว่าเราทำภารกิจหลายประการด้วยกัน แต่ขอให้ภูมิใจในการทำงานแม้บางครั้งจะไม่ใช่งานของทหาร แต่ถือเป็นความรับผิดชอบต่อประเทศชาติ ประชาชน พร้อมวางตัวเองอยู่ในบทบาทที่เหมาะสม เชื่อฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด นำพาประเทศชาติให้อยู่รอดปลอดภัย
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์อย่างมีอารมณ์ถึงข้อวิพากษ์วิจารณ์การแต่งตั้ง พล.ท.วลิต โรจนภักดี แม่ทัพน้อยที่ 1 ขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 ว่า ตนถามว่าท่านเป็นอย่างไร และเป็นอะไร ท่านมีข้อบกพร่องตรงไหน หรือไม่เหมาะสมตรงไหน ที่ถามกันแบบนี้ถึงทำให้เป็นปัญหา สื่อติดใจเขาตรงไหน ส่วนที่มีการมองว่าเป็นการข้ามห้วยนั้น อยากถามว่าข้ามห้วยอย่างไร ถ้าแบบนั้นต่อไป คนที่อยู่กองทัพภาคไหนก็อยู่ตรงนั้นไม่ต้องย้ายเข้ามากองทัพ ที่ผ่านมาคนที่เป็นแม่ทัพภาคอื่น ไม่เฉพาะแม่ทัพภาคที่ 1 ก็เคยเป็นผู้บัญชาการทหารบกได้ ถ้าต่อไปคนที่กองทัพภาคไหนก็อยู่กองทัพภาคนั้นต่อไปจนเกษียณก็แล้วกัน ต้องมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนขึ้นมาในระดับตำแหน่งที่สูงกว่าแม่ทัพภาค และ แม่ทัพภาคเองก็ต้องมีการหมุนเวียน ซึ่งใครจะเป็นแม่ทัพภาคไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นกองทัพภาคนั้น จะได้แก้ไขปัญหาที่พูดกันนักว่า ผบ.ทบ.มีแต่บูรพาพยัคฆ์ ในเมื่อมีแค่นี้ถึงเวลาก็ต้องโตขึ้นมา เวลาทหารกรุงเทพฯ ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ท่านไม่เห็นพูดกันเลย แต่เมื่อมีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ ตนขึ้นมาเป็นผบ.ทบ.ก็วิจารณ์ว่าเป็นบูรพาพยัคฆ์ ทั้งที่ผบ.ทบ.มีถึง 37 คน ซึ่งเป็นไปไม่ได้
ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)จะชี้มูลความผิดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ในโครงการรับจำนำข้าวว่า พวกเราทุกคนต้องเคารพกฎหมาย เรื่องอื่นก็ไปว่ากัน ตนยังไม่ทราบว่าใครผิด หรือใครถูก ขอให้เป็นดุลยพินิจของกระบวนการยุติธรรม ดังนั้นอย่าไปละเมิด ถ้าไปกล่าวอ้างกันทุกวันก็จะขาดความเชื่อถือไปทั้งหมด ทำไมไม่สร้างความเชื่อถือให้กระบวนการยุติธรรม เพราะคือสิ่งที่ชี้วัดได้ ไม่ใช่ตัดสินด้วยความรู้สึก ซึ่งผู้ที่ถือกฎหมายถ้าทำผิดก็ถูกฟ้องร้องได้ ศาลก็ต้องระมัดระวัง ซึ่งขณะนี้ก็ระมัดระวังตัวอยู่แล้ว ดังนั้นอย่าไปละเมิดศาล
เมื่อถามว่า ถ้านายกรัฐมนตรีคนต่อไป ไม่ใช่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กองทัพจะเปลี่ยนบทบาทหรือไม่พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กองทัพต้องอยู่ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาล ไม่สามารถเลือกใครก็ได้ ตนสอนลูกน้องเสมอว่า การเป็นทหารไม่สามารถเลือกผู้บังคับบัญชาได้ เพราะมากันคนละระบบ ถ้าในระบบของกองทัพบกจะต้องมีการตรวจสอบ เช่นเดียวกับฝ่ายบริหารที่มีการตรวจสอบ เป็นเรื่องของการทำงานร่วมกัน ใครจะเป็นอะไรก็เป็นไป เราเอนไปข้างไหนไม่ได้ เพราะความชอบเป็นเรื่องส่วนตัว เหมือนกับการเลือกตั้ง ถ้าชอบใครก็เลือกคนนั้น ดังนั้นจึงอยากให้มีสติ และขอให้เลือกกันให้ดี