xs
xsm
sm
md
lg

“บุญส่ง” น้อยใจถูกมองเลือกข้าง ยันไม่รู้จัก “แม้ว” อ้างบินจีนปฏิบัติธรรมเซี่ยงไฮ้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายบุญส่ง น้อยโสภณ กรรมการการเลือกตั้ง (แฟ้มภาพ)
กกต.รับบินจีน อ้างปฏิบัติธรรมที่เซี่ยงไฮ้ ยันไม่เคยรู้จัก “นช.แม้ว” แต่เคยพบแค่สมัยนั่งนายกฯ โอดน้อยใจโดนมองเลือกข้างแล้ว ลั่นไม่เคยยุ่งการเมือง พร้อมแจกแดง-เหลือง ยันตุลาการศาลยุติธรรมเป็นกลาง แต่ศาลไม่ก้าวล่วง ขณะที่แหล่งข่าวเผยฟ้องคดีขวางเลือกตั้งแล้ว

วันนี้ (31 มี.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) นายบุญส่ง น้อยโสภณ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวน กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าสนิทสนมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และมีการเดินทางไปพบที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ระหว่างการสรรหาเข้าดำรงตำแหน่ง ส.ว.ว่า ยอมรับว่าเดินทางไปประเทศจีนจริง และไม่ได้ไป 3-4 ครั้งตามที่เป็นข่าว แต่เดินทางไปมากกว่านั้น โดยเป็นการไปปฏิบัติธรรมที่นครเซี่ยงไฮ้ ไม่ได้ไปที่ปักกิ่ง และการเดินทางครั้งนี้มีเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 10 ไปด้วย จึงถูกโจมตีในเรื่องดังกล่าว แต่ทั้งนี้ยืนยันว่าตนไม่เคยรู้จัก พ.ต.ท.ทักษิณเป็นการส่วนตัว เคยพบกันเพียง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเมื่อปี 45 ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปบรรยายที่สถาบันพระปกเกล้า และอีกครั้ง พ.ต.ท.ทักษิณได้ไปบรรยายให้ผู้พิพากษาที่ศาลยุติธรรมขณะที่เป็นนายกฯ ซึ่งตนได้เข้าร่วมอยู่ด้วย

ทั้งนี้ นายบุญส่งกล่าวยอมรับด้วยว่า น้อยใจที่ตั้งใจเข้ามาทำหน้าที่ กกต.ไม่กี่วันก็โดนมองว่าเลือกข้าง แต่ความเป็นจริงยืนยันได้ว่าตนไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเลย เพราะถ้าข้อเท็จจริงเห็นว่าต้องให้ใบเหลืองก็ต้องให้ ให้ใบแดงก็ต้องให้ และในช่วงสรรหาในชั้นของ ส.ว.ก็ถูกถามในประเด็นการเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณเยอะ ซึ่งก็ได้ชี้แจงพร้อมนำเอกสารการเดินทางไปให้ดูด้วย และขณะนั้นก็คิดว่าหากได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร และยืนยันว่าตุลาการในศาลยุติธรรมรับรองได้ว่าเป็นกลาง แต่ศาลอื่นนั้นไม่ขอก้าวล่วง

ขณะที่แหล่งข่าวจาก กกต.เปิดเผยถึงการประชุมคณะกรรมการดำเนินการรวบรวมข้อเท็จจริงกรณีการขัดขวางการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ว่าการตั้งคณะกรรมการดังกล่าวได้มีนายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต.เป็นประธาน ซึ่งในที่ประชุมได้มีการตั้งคณะทำงาน 3 ชุด ได้แก่ ชุดพิจารณาคดีทางอาญา ชุดพิจารณาคดีทางแพ่ง และชุดให้ความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ของ กกต.ที่ถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ซึ่งในที่ประชุมได้หาวางกรอบแนวทางการทำงาน โดยการดำเนินคดีอาญานั้น ที่ประชุมได้พิจารณาจากเหตุการณ์ที่มีการปิดล้อมสำนักงาน กกต.ทั่วประเทศ รวมทั้งการปิดล้อมสถานที่รับสมัครและหน่วยเลือกตั้ง เมื่อวันเลือกตั้งล่วงหน้าที่ 26 ม.ค. และวันเลือกตั้งที่ 2 ก.พ. อีกทั้งจะมีการพิจารณาว่าบุคลากรใดได้ถูกละเมิดสิทธิในช่วงที่มีการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็น กกต.กลาง กกต.ประจำจังหวัด ผอ.ประจำเขตเลือกตั้ง รวมทั้งกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง ส่วนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ถูกขัดขวางในวันเลือกตั้งนั้น เป็นเรื่องส่วนบุคคลที่สามารถไปฟ้องร้องดำเนินคดีได้เอง

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ในขณะนี้ กกต.ก็ได้มีการดำเนินคดีไปแล้วส่วนหนึ่ง ซึ่งบางคดีก็ไปซ้ำกับคดีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ดำเนินคดีอยู่ ดังนั้น กกต.ก็ต้องไปตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งหากจะเป็นการฟ้องร้องในกรณีเดียวกันกับ สตช. ก็อาจทำเรื่องไปเป็นผู้ร้องร่วม ส่วนที่จะมีการดำเนินคดีต่อแกนนำผู้ชุมนุมที่สั่งให้ขัดขวางการเลือกตั้งนั้น ก็ต้องไปพิจารณาข้อมูลหลักฐานว่ามีเพียงพอหรือไม่ ถ้าพอก็อาจไปถึงจุดนั้น เพราะหากใครที่อยู่ในข่ายเราก็ต้องดำเนินงาน


กำลังโหลดความคิดเห็น