รายงานการเมือง
การเดินรณรงค์ของกลุ่ม กปปส.เป้าหมายมุ่งเชิญชวนมวลมหาประชาชนเข้าร่วมการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 29 มี.ค.“กำนันสุเทพ” เดินมาครบ 5 วัน ระยะทางกว่า 40 กิโลเมตร
สิ่งที่ทำให้เลขาธิการ กปปส.ใจชื้นขึ้นมาได้ไม่น้อย คือกระแสตอบรับใน 2 วันก่อนหน้าวันระดมพลใหญ่ ที่กระแสฟีเวอร์ของ “ลุงกำนัน” ยังอยู่ในใจของมวลชนอยู่ นั่นทำให้กลุ่ม กปปส.มั่นใจว่า กิจกรรมสักการะ ร.5 และ ร.7 ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า และอาคารรัฐสภา จะไม่น้อยหน้าการประกาศระดมพลของกลุ่ม นปช.ในวันที่ 5 เม.ย.อย่างแน่นอน
“วัน 2 เท้า 9 เดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย” คือวันสำหรับการประกาศเรียกรวมตัวในครั้งนี้
โดย กปปส.มองว่าการออกมาเคลื่อนไหวแบบครั้งใหญ่จะเป็นการประกาศเจตนารมณ์ของผู้ที่เป็นเจ้าของประเทศตัวจริง และเป็นการแสดงพลังไปถึงทุกส่วนที่เกี่ยวข้องว่า มวลชนของ กปปส.มีไม่น้อยไปกว่าคนเสื้อแดง
และที่สำคัญหากการรวมตัวครั้งนี้มีมวลชนเข้าร่วมกว่า 2 ล้านคน เหมือนครั้งหนึ่งที่ กปปส.เป่านกหวีดระดมพลจนเป็นประวัติการณ์มากแล้ว
นั่นก็ย่อมทำให้กลุ่ม นปช.ภายใต้การนำของ “จตุพร พรหมพันธุ์” ประธาน นปช.คนล่าสุด และ “นายใหญ่ - พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องกลับไปก่ายหน้ากาก คิดทบทวนในสงครามช้างชนช้างเสียใหม่ ซึ่งหากจะชนก็ต้องชนะ แต่ขนาดมวลชนแบบนี้ถือว่าเป็นปัญหาหนักใจของคนเสื้อแดงไม่น้อย
กลุ่ม กปปส.ยังหยิบยกการปฏิรูปก่อนเลือกตั้งเป็นเหตุผลในการชุมนุมต่อไป และในวันพรุ่งนี้ (29 มี.ค.) ก็น่าจะมีเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์เกิดขึ้น หาก กปปส.ได้ประเมินถึงกำลังพลและเพียงพอสำหรับความต้องการ
แผนการเดิมในการเคลื่อนพลกลับมาสู่เวทีสวนลุมพินีภายหลังเสร็จกิจกรรมที่อาคารรัฐสภานั้น อาจจะมีแนวโน้มที่ต้องเปลี่ยนแปลงนาทีต่อนาที เพราะมีกระแสข่าวลือกระหึ่มโลกไซเบอร์ว่า กปปส.อาจทำ “เซอร์ไพรส์” ยึดอาคารรัฐสภา เพื่อตั้งเป็น “สภาประชาชน” ทันที ซึ่งแนวทางนี้ถือเป็นแนวทางที่สุ่มเสี่ยงพอสมควร
อีกกระแสหนึ่งมองว่า ในเมื่อ กปปส.เสียเวลาเสียแรงเงินเดินทางไกลมาแล้ว ก็อาจจะปรับแผนยุบเวทีสวนลุมพินีเพื่อย้ายรกรากกลับไปบริเวณราชดำเนินอีกครั้ง
ถอดรหัสจากคำพูดของ “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” โฆษก กปปส.ที่มักจะเปรยบ่อยๆ ว่า “หากทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็คงนำมวลชนกลับมายังลุมพินี แต่ทุกอย่างก็ต้องขึ้นอยู่กับจำนวนของมวลชนด้วย จนถึงขณะนี้ก็มีกลุ่ม องค์กร ตอบรับการเข้าร่วมกว่า 70 องค์กรแล้ว”
“หากทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง...” แสดงให้เห็นว่าอีเวนต์นี้มีหลายทางเลือก นอกเหนือจากนำมวลชนกลับที่ตั้งเวทีสวนลุมพินี และหมายความว่า สามารถมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ทุกวินาที
เพราะต้องยอมรับว่าในระยะหลังๆ มา มวลชน กปปส.ค่อยๆ ลดน้อยถอยลง เนื่องจากขาดกิจกรรมเลี้ยงกระแสเหมือนในช่วงแรกของการเคลื่อนไหว สุดท้ายก็จะกลายเป็นความเบื่อหน่าย และทำให้ฝ่ายรัฐบาลได้ลุ้นว่า การชุมนุมของ กปปส.จะปิดฉากลงการชุมนุมไปแบบเงียบๆ
แน่นอนว่า “สุเทพ” และบรรดาแกนนำคงไม่ต้องการให้ถึงวันนั้นอย่างแน่นอน
แผนการเดินแสดงพลังของ กปปส.จะถูกแบ่งออกเป็นทั้งหมด 6 ขบวน คือ
ขบวนที่ 1 ตั้งขบวนหน้าลานพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 ประกอบด้วย พี่น้องจากหมู่บ้านลาดพร้าว, เครือข่ายอาสาสมัครทางการแพทย์, กลุ่มมหาวิทยาลัยเกษตรกู้ชาติ, มหาวิทยาลัยขอนแก่น, กลุ่มลูกช้างรักชาติมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, กลุ่มแม่ไทรมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, กลุ่มคนตาบอด และปิดท้ายด้วย กปปส.โคราช
ขบวนที่ 2 ตั้งหัวขบวนที่ประตู 3 ตรงข้ามตึกอื้อจือเหลียง นำโดยขบวนสิงโต 9 หัว, พี่น้องจากสีลม, กปปส.ภาคกลางและภาคตะวันออก, สมาคมชาวนาข้าวไทย, สาธิตจุฬาฯ, กลุ่มบดินทรเดชารักชาติ, ภาคีเครือข่ายนิสิตนักศึกษา
ขบวนที่ 3 ตั้งอยู่ประตู 2 แยกวิทยุ ประกอบด้วย รถนำขบวนกลุ่มศิลปินเพลงเพื่อชีวิต, พี่น้องจากหมู่บ้านปทุมวัน, กลุ่มศิลปินลูกทุ่งตลก, กลุ่มกวีประชาชน, กลุ่มธรรมศาสตร์อภิวัฒน์ประเทศไทย, กลุ่มประชาคมนักธุรกิจสีลม, พี่น้องเยาวราช, พี่น้องเครือข่ายมุสลิม, กลุ่ม ฬ.จุฬา รักชาติ
ขบวนที่ 4 ตั้งอยู่ตรงข้าม สน.ลุมพินี ประกอบด้วย พี่น้องจากหมู่บ้านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, พี่น้องสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์, กลุ่มสมาพันธ์เครือข่ายชาวนาโคราช, กลุ่มสมานฉันท์แรงงานไทย, กลุ่มคนไทยเชื้อสายอินเดีย, พี่น้องอัสสัมชัญ, ศิษย์เก่าศิษย์ปัจจุบันวัฒนาวิทยาลัย, กปปส.ภาคเหนือ
ขบวนที่ 5 ตั้งอยู่แยกวิทยุกับแยกสารสิน ประกอบด้วย พี่น้องหมู่บ้านราชประสงค์, เครือข่ายโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน, สาธิตเกษตรฯ, ศิษย์เก่าสวนกุหลาบ, ศิษย์เก่าราชินี, ศิษย์เก่า ม.อ.ปัตตานี, กลุ่มนักร้องนักแสดงทิฟฟานี่
และ ขบวนที่ 6 ตั้งอยู่หน้าประตู 7ประกอบด้วย พี่น้องหมู่บ้านอโศก, ศิษยเก่าอำนวยศิลป์, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี, มหาวิทยาลัยศิลปากร เครือข่ายชาวนาไทย, กปปส.พิจิตร, ศิษย์เก่าอุเทนถวาย, ศิษย์เก่านิด้า, กปปส.ม.อ.หาดใหญ่ กลุ่มรวมพลคนมหิดล และมวลมหาประชาชนชาวฝั่งธนฯ นัดพบที่สะพานตากสิน ฝั่งพระนคร ตั้งแต่เวลา 07.00 น.จากนั้นเวลา 08.00 น.จะเคลื่อนสมทบขบวนใหญ่ที่สวนลุมพินี
ก่อนจะเคลื่อนออกจากสวนลุมพินีในเวลา 09.30 น.โดยใช้เส้นทางถนนราชดำริ เลี้ยวซ้ายแยกราชประสงค์ ผ่านสยามสแควร์ สยามพารากอน เลี้ยวขวาแยกปทุมวัน ไปทางแยกราชเทวี แล้วเลี้ยวซ้ายแยกพญาไท ไปถนนศรีอยุธยา ผ่านด้านหลังสนามม้านางเลิ้ง ผ่านวัดเบญจมบพิตร เข้าลานพระบรมรูปทรงม้า และอาคารรัฐสภาต่อไป
โดยบรรดาแกนนำทุกคนรวมไปถึง “สุเทพ” ถูกจัดให้อยู่ระหว่างขบวนที่ 3 และ 4 ซึ่งในขณะนี้ กปปส.มองไปถึงจำนวนคนกว่า 1 ล้านคน แต่จะได้ถึงขนาดนั้นหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่า แผนที่เปิดแผนต่อสาธารณชนในตอนนี้เป็นเพียงแค่แผนเบื้องต้น
เพราะนักต่อสู้อย่าง “กำนันสุเทพ” น่าจะมีแผนลับ ลวง พราง ที่ดีกว่าการทัวร์กรุงเทพฯ
การวัดกำลังครั้งนี้น่าจะเป็นแนวทางสำคัญที่จะทำให้ กปปส.ได้ดูกำลังมวลชนในมือ หลังถอยมาตั้งหลักในสวนลุมพินี แต่ถ้าครั้งนี้มวลชนไม่แน่นเหมือนอดีต กปปส.คงนึกเสียดายในวันที่มวลมหาประชาชนนับ 2 ล้านคนมารวมตัวกันอย่างหนาแน่นเต็มพื้นที่ถนนราชดำเนิน
แต่วันนั้น “สุเทพ” เองที่ไม่กล้าตัดสินใจดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง จนทำให้เสียจังหวะที่ดีที่สุดของการชุมนุมไป
โบราณว่า “ผิดเป็นครู” เพราะฉะนั้นความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นน่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับแนวทางต่อสู้ในวันที่ 29 มี.ค.ที่คงไม่พลาดซ้ำรอย
มิเช่นนั้นคงไม่เหลือเวลาให้ กปปส.แก้ไขเสียแล้ว
