รองโฆษก ทบ.ชี้เหตุรุนแรงยังมี จึงต้องคงจุดตรวจทหารไว้ หวังป้องกันภัย จวกพวกเรียกบังเกอร์บิดเบือน ยันทำงานร่วมตำรวจ แถมตั้งแล้วไม่กระทบชีวิตชาวบ้าน ขอเข้าใจใช้กระสอบทรายกั้นป้องกันตนเอง ไม่มีแอบแฝง เน้นภารกิจเดิม
วันนี้ (21 มี.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่กองทัพยังการคงตั้งจุดตรวจความมั่นคงของทางทหารไว้เท่าเดิมว่า ปัจจุบันยังคงปรากฏเหตุการณ์การใช้ความรุนแรงของผู้ไม่หวังดีที่พยายามกระทำต่อเป้าหมายต่างๆ ซึ่งหน่วยงานความมั่นคงยังคงให้ความสำคัญในเรื่องนี้ โดยขณะนี้จากข้อสรุปของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นว่ายังจำเป็นต้องอาศัยมาตรการในการเฝ้าระวังผ่านทางจุดตรวจปกติ และจุดตรวจเพื่อความมั่นคงให้ครอบคลุมพื้นที่ที่อาจเป็นเป้าหมายให้ได้มากที่สุด เพื่อตรวจค้นอาวุธและสิ่งผิดกฎหมาย รวมถึงป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีลอบก่อเหตุในพื้นที่ต่างๆ แม้ขณะนี้จะปรับเปลี่ยนมาใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงแทน พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วก็ตาม ทั้งนี้ จุดตรวจต่างๆ ที่ผ่านมาถือว่ามีประโยชน์อย่างมาก แต่เมื่อมีบางกลุ่มนำไปบิดเบือนเรียกว่าบังเกอร์ทหารจึงทำให้เกิดความสับสน และมองข้ามวัตถุประสงค์ที่แท้จริงว่าจุดตรวจต่างๆ ไม่ได้เป็นจุดปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทหารเพียงฝ่ายเดียว แต่เป็นลักษณะการปฏิบัติงานร่วมกันทั้งตำรวจและทหาร ซึ่งที่ผ่านมาจุดตรวจต่างๆ ยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนในพื้นที่
“ส่วนการตั้งแนวกระสอบทรายเพื่อเป็นอุปกรณ์ป้องกันนั้น เนื่องจากในหลายพื้นที่ไม่มีสิ่งปลูกสร้างถาวร หรืออุปกรณ์ใดที่จะใช้เป็นเครื่องป้องกันความปลอดภัยให้ ซึ่งถ้ามีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ผู้ไม่หวังดีเข้ามาก่อกวนอาจส่งผลให้เจ้าหน้าที่ได้รับอันตรายได้ ดังนั้นขอให้เข้าใจว่า เจ้าหน้าที่ คือ กลุ่มคนที่เสียสละมาดูแลความปลอดภัยให้ สำหรับเรื่องภาพลักษณ์ของการตั้งจุดตรวจนั้น ทางผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้แต่ละหน่วยในพื้นที่ไปดำเนินการปรับแต่งให้มีความกลมกลืนให้เข้ากับพื้นที่นั้นๆ ตามความเหมาะสม
ยืนยันว่าเป็นการดำเนินการเพื่อให้ประชาชนทุกคนปลอดภัย โดยไม่มีเหตุผลอื่นแอบแฝงอย่างที่บางส่วนวิตกกังวล เพราะตราบใดที่ยังมีเหตุการณ์การใช้ความรุนแรงเราก็ต้องมีงานด้านการป้องกันเพื่อลดเหตุการณ์การใช้ความรุนแรง โดยภารกิจยังเหมือนเดิม คือ มีการเฝ้าระวัง สกัดกั้นอาวุธสงคราม และการป้องปรามเพื่อไม่ให้ผู้ไม่หวังดีสามารถจะทำอะไรได้ตามอำเภอใจ รวมถึงการช่วยเหลือและบริการประชาชนในเรื่องทั่วไป โดยพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้กระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชน” รองโฆษกกองทัพบกกล่าว
วันนี้ (21 มี.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่กองทัพยังการคงตั้งจุดตรวจความมั่นคงของทางทหารไว้เท่าเดิมว่า ปัจจุบันยังคงปรากฏเหตุการณ์การใช้ความรุนแรงของผู้ไม่หวังดีที่พยายามกระทำต่อเป้าหมายต่างๆ ซึ่งหน่วยงานความมั่นคงยังคงให้ความสำคัญในเรื่องนี้ โดยขณะนี้จากข้อสรุปของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นว่ายังจำเป็นต้องอาศัยมาตรการในการเฝ้าระวังผ่านทางจุดตรวจปกติ และจุดตรวจเพื่อความมั่นคงให้ครอบคลุมพื้นที่ที่อาจเป็นเป้าหมายให้ได้มากที่สุด เพื่อตรวจค้นอาวุธและสิ่งผิดกฎหมาย รวมถึงป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีลอบก่อเหตุในพื้นที่ต่างๆ แม้ขณะนี้จะปรับเปลี่ยนมาใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงแทน พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วก็ตาม ทั้งนี้ จุดตรวจต่างๆ ที่ผ่านมาถือว่ามีประโยชน์อย่างมาก แต่เมื่อมีบางกลุ่มนำไปบิดเบือนเรียกว่าบังเกอร์ทหารจึงทำให้เกิดความสับสน และมองข้ามวัตถุประสงค์ที่แท้จริงว่าจุดตรวจต่างๆ ไม่ได้เป็นจุดปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทหารเพียงฝ่ายเดียว แต่เป็นลักษณะการปฏิบัติงานร่วมกันทั้งตำรวจและทหาร ซึ่งที่ผ่านมาจุดตรวจต่างๆ ยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนในพื้นที่
“ส่วนการตั้งแนวกระสอบทรายเพื่อเป็นอุปกรณ์ป้องกันนั้น เนื่องจากในหลายพื้นที่ไม่มีสิ่งปลูกสร้างถาวร หรืออุปกรณ์ใดที่จะใช้เป็นเครื่องป้องกันความปลอดภัยให้ ซึ่งถ้ามีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ผู้ไม่หวังดีเข้ามาก่อกวนอาจส่งผลให้เจ้าหน้าที่ได้รับอันตรายได้ ดังนั้นขอให้เข้าใจว่า เจ้าหน้าที่ คือ กลุ่มคนที่เสียสละมาดูแลความปลอดภัยให้ สำหรับเรื่องภาพลักษณ์ของการตั้งจุดตรวจนั้น ทางผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้แต่ละหน่วยในพื้นที่ไปดำเนินการปรับแต่งให้มีความกลมกลืนให้เข้ากับพื้นที่นั้นๆ ตามความเหมาะสม
ยืนยันว่าเป็นการดำเนินการเพื่อให้ประชาชนทุกคนปลอดภัย โดยไม่มีเหตุผลอื่นแอบแฝงอย่างที่บางส่วนวิตกกังวล เพราะตราบใดที่ยังมีเหตุการณ์การใช้ความรุนแรงเราก็ต้องมีงานด้านการป้องกันเพื่อลดเหตุการณ์การใช้ความรุนแรง โดยภารกิจยังเหมือนเดิม คือ มีการเฝ้าระวัง สกัดกั้นอาวุธสงคราม และการป้องปรามเพื่อไม่ให้ผู้ไม่หวังดีสามารถจะทำอะไรได้ตามอำเภอใจ รวมถึงการช่วยเหลือและบริการประชาชนในเรื่องทั่วไป โดยพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้กระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชน” รองโฆษกกองทัพบกกล่าว