ผบ.ทบ.เชียร์ 6 องค์กรอิสระทำโรดแมปเสนอทางออกประเทศ ปัดวิจารณ์ นายกฯ ม.7 ตอกพวกวิจารณ์โผย้ายทหาร ชี้เป็นเรื่องภายใน คนในกองทัพรู้ดีกว่าคนนอก ติงอย่าแยกทหารเป็นวงเทวัญ บูรพาพยัคฆ์ แจงเปลี่ยนแม่ทัพภาค 4 เป็นไปตามระเบียบ “พล.ท.วลิต” มีความสามารถ เผยบุกเขาบูโดพื้นที่ซ่อมสุมอาร์เคเค พร้อมตรวจเยี่ยมกองร้อยทหารพราน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ 6 องค์กรอิสระเตรียมหารือโรดแมปเพื่อเสนอทางออกให้แก่ประเทศว่า ต้องถาม 6 องค์กรอิสระ ตนไม่ได้อยู่ในองค์กรอิสระ แต่อะไรก็ตามที่จะทำให้เกิดความสงบสุข ความเรียบร้อย ไม่ผิดกฎหมาย ทำให้บ้านเมืองผ่านพ้นเวลาที่น่าเบื่อหน่ายและน่ารำคาญให้ได้ก็ทำมา แต่อย่านำกองทัพไปอยู่ระหว่างความขัดแย้ง ตนคงตอบไม่ได้ว่าจะให้ทะเลาะกันต่อไป และใครจะเสนอวิธีการที่ไม่ต้องรบกัน ตนคิดว่าก็ดีทั้งนั้น ไม่ต้องไปเข้าข้างใคร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อเสนอของ 6 องค์กรอิสระ คือการจัดตั้งนายกฯ ตามมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องถามกลไกที่เกี่ยวข้อง ตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลไกตรงนั้น ทหารไม่ได้อยู่ในองค์กรอิสระ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงบัญชีโยกย้ายนายทหารกลางปี ที่จะมีการเปลี่ยนตัวแม่ทัพภาคที่ 4 ว่า ก็เปลี่ยนมาทุกสมัย ใครจะรู้ดีกว่า ผบ.ทบ.และกองทัพบก การปรับย้ายหมุนเวียนกำลังพลของกองทัพบก แต่ละคนไม่ได้ทำงานเพียงงานเดียวแล้วโตขึ้นมา ต้องทำได้ทุกอย่าง ทุกที่ ถ้าใครคิดว่าตนแต่งตั้งไม่ดีก็มาเป็น ผบ.ทบ.เอง ตนใช้อำนาจด้วยความเป็นธรรม ชอบธรรม ไม่ได้แต่งตั้งวันนี้เพื่อวันนี้ แต่แต่งตั้งเพื่ออนาคต รับกับสถานการณ์ที่จะตามมา เพราะฉะนั้นอย่าวิจารณ์ตนไม่ชอบ เพราะทุกคนไม่ได้อยู่กับตนมาตลอด และไม่ได้รับราชการในกองทัพบก ไม่สามารถวิจารณ์ได้ ถือเป็นเรื่องภายในของกองทัพบก อย่าทำให้ทุกอย่างเสียหาย อย่าวิจารณ์หรือคิดเอาเอง
“ทหารไม่เหมือนหน่วยงานอื่นตรงที่ทำงานมีความเสี่ยง ต้องรบกับอริราชศัตรู และการทำงานในกองทัพบกในระดับกองทัพภาค เขาทำด้วยหลักการ ไม่ใช่ทุกคนจะมองว่าเป็นวงเทวัญหรือบูรพาพยัค เป็นการตั้งมาเองทั้งนั้น อย่าตั้งส่งเดชและใช้คำพูดห่วยๆตนรับไม่ได้ เพราะเขาเติบโตตามช่องทางของเขา ทั้งนี้คนที่จะเติบโตเป็นแม่ทัพภาคได้ต้องหมุนเวียนมาจากคนที่เป็นผู้บังคับกองพล นั้นคือหลักการตั้งคนของกองทัพบก ไม่ได้ตั้งเพื่อตอบแทนหรือทำอะไรให้ตน ไม่ได้ตั้งเพื่อมาเปิดประตูหรือขัดรองเท้าให้ตน พวกเขาทำงานให้กองทัพ แล้วมาบอกว่าเขาทำงานให้เสื้อสีโน้นสีนี้ในปี 2553-2554 นั้นเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของงานที่เชาทำ พวกเขาทำงานมากกว่านั้น ทำตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งด้ายชายแดนหรือด้านอื่นๆ ทำไมมองจุดเล็กจุดน้อย เอาเรื่องต่างๆ มานั่งเขียนนิยายกัน ให้คนมาอ่านแล้วเข้าใจผิด ควรระวังการพิจารณ์ด้วยถ้ามองว่า กองทัพบก ปรับย้ายคนโน้นคนนี้ไม่ได้ ต่อไปก็แยกกันอยู่ในแต่ละกองทัพภาค”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนมีสิทธิแต่งตั้งจะให้ใครมาดำรงตำแหน่งอะไร ไม่ใช่เรื่องคนนอกกองทัพจะมาวิจารณ์ ซึ่งตนมองว่าตั้งไปแล้วจะทำงานได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็ย้ายใหม่ ตนรู้ว่าจะดูแลกองทัพอย่างไร เพราะอยู่ในราชการเกิน 35 ปี รู้หลักคุณธรรมจริยธรรม ถ้าไม่รู้ดูแลกองทัพไม่ได้ บางคนฉลาดกว่าตน วันหน้าก็ต้องมารับหน้าที่ต่อจากตน แต่ตอนนี้ตนมารับหน้าที่นำกองทัพให้ขับเคลื่อนหมุนเวียน ใครที่ออกไปโตเป็นนายพล ก็ต้องคอยเวลา ใครจำเป็นต้องขึ้นก็มาก่อน หมุนเวียนกันไป ตนสร้างระบบนี้มา 34 ปี ตนไม่ได้มอบตำแหน่งให้เพื่อให้มาดูแลตน พล.ท.วลิต โรจนภักดี แม่ทัพน้อยที่ 1 ก็ไม่ได้มาเปิดประตูให้ ตนสั่งงานเขาก็ทำตามหน้าที่ ขึ้นอยู่ว่าจะโตที่ตรงไหนของกองทัพ ไม่มีคำว่าพวกโน้นพวกนี้ มีแต่กองทัพบกของประชาชน สถาบัน ชาติ ศาสนา ไม่มีพวกใคร หากมีตนก็ไม่ให้โต
ทั้งนี้ ผบ.ทบ.เดินทางไปประชุมร่วมกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ. รมน.ภาค 4 สน.) หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ (ฉก.นย.จชต.) กองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กกล.ตร. จชต.) ที่ค่ายจุฬาภรณ์ จ.นราธิวาส พร้อมทั้งเข้ารับฟังการบรรยายสรุปการปฏิบัติงานของกองร้อยทหารพราน (ทพ. ) เขาบูโด พร้อมเข้าตรวจเยี่ยมและมอบแนวทางปฏิบัติที่ฐานปฏิบัติการ ร้อย.ทพ.4109 บริเวณเขาบูโด ซึ่งเป็น1 ใน 4 เทือกเขารอยต่อ 3 จังหวัดภายแดนภาคใต้ นอกจากเทือกเขาตะเว เมาะแต กูนงจองนอง แหล่งซ่องสุมและฝึกอาวุธของอาร์เคเค ซึ่งที่ผ่านมาทหารพรานเปิดยุทธการในการกวาดล้างมาหลายครั้ง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การเดินทางไปภาคใต้เพื่อเข้าพื้นที่เขาบูโด เป็นการไปตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป้าหมายหลักคือ ต้องการให้พื้นที่ดังกล่าวซึ่งกว้างใหญ่หลายพันไร่เกิดความปลอดภัย ไม่ให้เป็นที่ซ่องสุมกำลังและค่ายฝึกอาวุธ ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทำลายแหล่งซ่องสุมในหลายพื้นที่บนเทือกเขารอยต่อ 3-4 จังหวัด โดยเฉพาะ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ทั้งนี้ได้แบ่งพื้นที่ปฏิบัติการออกเป็น 3 ส่วนคือ ป่าเขา ชนบท และ ในเมือง ถือว่าพื้นที่รับผิดชอบกว้างใหญ่ จึงต้องกระจายกำลังออกไปทุกส่วนเพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน ซึ่งขอให้ทุกคนเชื่อมั่นว่าจะแก้ไขปัญหานี้ให้ได้ แต่ก็ต้องใช้เวลา ตราบใดทุกกลุ่มยังไม่ได้ข้อยุติร่วมกันว่าจะหยุดการก่อเหตุการบาดเจ็บสูญเสียก็ยังมีอยู่ แม้จะปรับแผนงานและการปฏิบัติอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม เนื่องจากเรากำหนดเป้าหมายอ่อนแอไว้หลายกลุ่ม ซึ่งผู้ก่อความรุนแรงหาจังหวะในการลอบทำร้ายตลอดเวลา เจ้าหน้าที่จึงต้องระมัดระวังในการปฏิบัติ และปรับยุทธวิธีให้เหมาะสม
ผบ.ทบ.กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มีทั้งกลุ่มที่เห็นด้วยกับแนวทางตามกฎหมาย ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐ และยังมีบางกลุ่มที่ต่อสู้ด้วยความรุนแรงเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่อันตราย เพราะไม่เลือกเป้าหมาย พร้อมกระทำต่อประชาชนที่นับถือศาสนาพุทธ และมุสลิม ซึ่งเขาก็ต้องถูกประณาม และถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ตรงนี้ถือเป็นจุดอ่อนของฝ่ายผู้ก่อความรุนแรง เพราะแนวทางตรงนี้ไม่มีทางสำเร็จได้