xs
xsm
sm
md
lg

รายงานพิเศษ : ปริศนา “สกู๊ปมีเดีย” ย่องเงียบผลิตข่าวช่อง 11 แปลงสารกระบอกเสียงระบอบทักษิณ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ทีมข่าวการเมือง ASTVผู้จัดการออนไลน์... รายงาน

เมื่อดูเนื้อหารายการเอ็นบีที นิวส์ โฟกัส จากยูทิวบ์ของรายการในช่วงที่ผ่านมา พบว่านอกจากจะเสนอข่าวสังคมและอาชญากรรมตามความถนัดที่มีอยู่เดิมของคนกลุ่มนี้ พบว่าในส่วนของข่าวการเมือง ช่วงที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่ในช่วงขาลง มักจะมีการรายงานข่าวโจมตีกลุ่มผู้ชุมนุม และเปิดพื้นที่ให้กับการปฏิบัติการด้านข่าวสาร (ไอโอ) ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หนึ่งในกลไกแขนขาสำคัญของศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) มากเป็นพิเศษ

คนในสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ ร้องเรียนต่อสำนักข่าวอิศรา ว่า ภายหลังบริษัท โพสต์ พับบลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือเครือบางกอกโพสต์ หมดสัญญาร่วมผลิตข่าวกับ ช่อง 11 ไปแล้ว ในช่วงสิ้นเดือน เม.ย. 2556 ที่ผ่านมา ช่อง 11 ว่าจ้าง บริษัท สกู๊ปมีเดีย จำกัด เข้ามารับผลิตข่าวแทน เมื่อสิ้นสุดสัญญางวดแรกวันที่ 30 ก.ย. 2556 ทางกรมประชาสัมพันธ์ได้จัดซื้อจัดจ้างแบบวิธีพิเศษและเซ็นสัญญาเมื่อปลายเดือน ก.พ. 2557 ในวงเงินกว่า 60 ล้านบาท

โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจไม่เป็นไปตามระเบียบการจัดจ้างพัสดุ เนื่องจากมีทีมข่าวเพียง 50 คน ไม่เป็นไปตามสัญญาจ้างซึ่งต้องใช้พนักงานถึงวันละ 120 คน ทั้งยังไม่เป็นไปตามเงื่อนไขสัญญาที่จะต้องเข้ามาผลิตข่าววันละ 8 ชั่วโมง แต่กลับผลิตข่าวเพียงวันละไม่ถึง 3 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีการจ่ายเงินพนักงานที่สูงเกินจริง บางตำแหน่งได้เงินเดือนสูงถึง 2 แสนบาท

แหล่งข่าวจากส่วนสื่อข่าวและผลิตรายการข่าว ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอิศราว่า ภายหลังจากที่ ช่อง 11 หมดสัญญากับเครือบางกอกโพสต์ ทางช่องก็ไม่ได้มีการต่อสัญญา หรือจัดซื้อจัดจ้างบริษัทสื่อใหม่เข้ามาผลิตข่าวให้อีก แต่ใช้ในส่วนของพนักงานช่อง 11 ผลิตข่าวแทนทั้งหมด ส่วนการทำสัญญาว่าจ้างบริษัท สกู๊ป มีเดีย จำกัด มีอยู่จริง แต่อยู่ในส่วนของการผลิตรายการ ไม่ใช่ในส่วนผลิตข่าวแต่อย่างใด แต่จะผลิตรายการอะไรนั้นตนก็ไม่ทราบเพราะไม่ได้ดูแลเรื่องนี้ แต่ผู้ที่ดูแลคือฝ่ายผลิตรายการ

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า บริษัท สกู๊ปมีเดีย จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2554 มีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 123/126 หมู่บ้านริเวอร์โฮม ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี แจ้งประกอบกิจการผลิตและรับจ้างผลิตหรือบริการในงานทางด้านบันเทิงทุกชนิด ทุกประเภท มีกรรมการ 4 คน คือ นายวรินทร รัตนรุจ นายศุภโชค แซ่ขิ้ว น.ส.อรัญญา อุ่นแสง และนายพรเลิศ ยนตร์ศักดิ์สกุล โดยนายวรินทร ถือหุ้นใหญ่สุดเป็นจำนวนเงิน 2,250,000 บาท

ทีมข่าวการเมือง ASTVผู้จัดการออนไลน์ ได้ตรวจสอบการเข้ามาผลิตข่าวของบริษัท สกู๊ปมีเดีย พบว่าได้เข้ามาผลิตรายการข่าวโดยใช้ชื่อว่า “เอ็นบีที นิวส์ โฟกัส” ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2556 โดยออกอากาศวันจันทร์-ศุกร์ 22.05-23.00 น. โดยมี น.ส.อรัญญา อุ่นแสง เป็นผู้อำนวยการข่าว พร้อมด้วย นายเทียนชัย ธนาภัทรนันท์ รองผู้อำนวยการข่าว มีนายศศิพงษ์ ชาติพจน์ บรรณาธิการข่าวสังคม เป็นผู้ดำเนินรายการ และนายจตุพร สุวรรณรัตน์ บรรณาธิการข่าวการเมือง เป็นผู้ประกาศข่าว

ต่อมา บริษัท สกู๊ปมีเดีย ได้เข้ามาผลิตรายการวิทยุทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เอฟเอ็ม 92.5 เมกะเฮิรตซ์ เมื่อเดือนมิถุนายน 2556 โดยใช้ชื่อว่ารายการ “ฮอต โฟกัส” ออกอากาศวันจันทร์-ศุกร์ 15.10-16.00 น.ดึงพิธีกรข่าวอย่างนายจอม เพชรประดับ น.ส.สร้อยฟ้า โอสุคนทิพย์ นายจตุพร สุวรรณรัตน์ และ น.ส.หนึ่งนุช บุญมาวงศ์

เมื่อสาวถึงประวัติของผู้ที่เกี่ยวข้อง พบว่ากรรมการบริษัท สกู๊ปมีเดีย ส่วนหนึ่งเป็นอดีตคนข่าวไอทีวี ไม่ว่าจะเป็น นายพรเลิศ เป็นอดีตบรรณาธิการข่าวอาชญากรรม น.ส.อรัญญา เป็นบรรณาธิการข่าวการเมือง ส่วน ตั้น-วรินทร ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่นั้น เป็นอดีตผู้ดำเนินรายการสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมวอยซ์ ทีวี ส่วนนายศุภโชคนั้น เป็นเจ้าของบริษัท ลิงค์ อีซี่ มีเดีย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่รับพิมพ์งานอิ๊งค์เจ็ทย่านหลักสี่

และเมื่อตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ทั้ง น.ส.อรัญญา ซึ่งมีความถนัดด้านข่าวการเมือง นายพรเลิศ และรวมทั้งนายเทียนชัย ซึ่งถนัดด้านข่าวอาชญากรรม ล้วนเกาะเกี่ยวกันเป็นอดีตกลุ่มคนที่เรียกว่า “กลุ่มเพื่อนไอทีวี” ซึ่งร่วมงานกันตั้งแต่สถานีโทรทัศน์ไอทีวี ซึ่งชินคอร์ปเป็นผู้ถือหุ้น หรือจะเป็นช่อง 11 หรือเอ็นบีทียุครัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ที่มีภาพในการปกป้องระบอบทักษิณ และโจมตีฝ่ายตรงข้ามมาโดยตลอด โดยไม่ให้ความเป็นธรรมในการเปิดพื้นที่เพื่อสื่อสารถึงข้อเรียกร้องไปยังอำนาจรัฐเสมอมา

โดยเฉพาะในช่วงที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และยกระดับขับไล่รัฐบาลนายสมัครแบบยืดเยื้อนั้น เอ็นบีทีได้ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงรัฐบาลบิดเบือน ใส่ร้ายป้ายสีผู้ชุมนุมโดยตลอด กระทั่งกลุ่มผู้ชุมนุมได้ปฏิบัติการบุกเอ็นบีที เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2551 เพื่อประท้วงถึงความไม่ชอบธรรม ในที่สุดเมื่อรัฐบาลเปลี่ยนขั้ว คนกลุ่มนี้ก็บอกเลิกผลิตข่าวไปอย่างเงียบๆ แล้วมาโผล่กันอีกครั้งเมื่อมีการก่อตั้งสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมสปริงนิวส์

อย่างไรก็ตาม เมื่อสปริงนิวส์ก่อตั้งสถานีมาได้ 2-3 ปี เกิดปัญหาภายในอันเนื่องมาจากผลประกอบการที่ขาดทุน รวมทั้งการปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้บริหารโดยผู้ถือหุ้นใหญ่ ที่ทำให้คนที่อยู่มาตั้งแต่ยุคก่อตั้งไม่พอใจ คนข่าวเลือดเก่าหลายคนแยกย้ายไปทำงานที่อื่น น.ส.อรัญญา ซึ่งเป็นหัวหน้าข่าวการเมือง ได้ร่วมกับนายเทียนชัย หัวหน้าข่าวอาชญากรรม นายศศิพงษ์ซึ่งเป็นผู้ประกาศข่าว และนายจตุพรซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวการเมือง ประจำ สร.1 (ทีมติดตามนายกรัฐมนตรี) จึงได้เข้ามาผลิตข่าวให้ช่อง 11

เมื่อดูเนื้อหารายการเอ็นบีที นิวส์ โฟกัส จากยูทิวบ์ของรายการในช่วงที่ผ่านมา พบว่านอกจากจะเสนอข่าวสังคมและอาชญากรรมตามความถนัดที่มีอยู่เดิมของคนกลุ่มนี้ พบว่าในส่วนของข่าวการเมือง ช่วงที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่ในช่วงขาลง มักจะมีการรายงานข่าวโจมตีกลุ่มผู้ชุมนุม และเปิดพื้นที่ให้กับการปฏิบัติการด้านข่าวสาร (ไอโอ) ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หนึ่งในกลไกแขนขาสำคัญของศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) มากเป็นพิเศษ

สอดคล้องกับการเปิดพื้นที่ของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) ให้เป็นเครื่องมือของรัฐบาลยิ่งลักษณ์อย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะการจัดรายการพิเศษ “ทันสถานการณ์บ้านเมือง” และการถ่ายทอดสดภารกิจสลายการชุมนุมของ ศรส.แม้กระทั่งในช่วง พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ส.ส. 2557 มีผลบังคับใช้ พบว่ามีการจัดรายการวิเคราะห์ข่าวและการเมืองทางช่อง 11 ทั้งหมด 3 รายการ คือรายการ “ฟันธง” “ถอดสลักข่าว” และ “ทันสถานการณ์บ้านเมือง” รวม 23 ครั้ง ครั้งละครึ่งชั่วโมงถึง 1 ชั่วโมง โดยพบว่าผู้รับเชิญทั้งหมดเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแบบแบ่งเขตของพรรคเพื่อไทย (พท.) เพียงพรรคเดียว รวมทั้งยังมีรัฐมนตรีเกี่ยวข้องอีกด้วย

ซึ่งในขณะนี้ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง เปิดเผยว่า เตรียมที่จะเอาผิดกับคนกลุ่มนี้ เพราะการหาเสียงทางวิทยุ หรือโทรทัศน์ ที่ กกต.ไม่ได้จัดสรรให้นั้น มีบทบังคับตามมาตรา 60 ห้ามเอาไว้ และมีโทษหากฝ่าฝืนต้องจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมีการใส่ร้ายป้ายสีก็จะมีความผิดตามกฎหมายเลือกตั้งอีกส่วนหนึ่งต่างหาก ซึ่งจะเตรียมพิจารณาในที่ประชุม กกต.วันที่ 21 มีนาคมนี้



กำลังโหลดความคิดเห็น