xs
xsm
sm
md
lg

“องอาจ” ยัน ปชป.สู้คดีใบเหลือง “ชายหมู” ปัดป้ายสี ชี้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กระทบเป็นลูกโซ่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

องอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(แฟ้มภาพ)
รอง หน.ปชป.ลั่นพรรคพร้อมเข้าสู่คดี “คุณชาย” เจอใบเหลือง เล็งแจงศาลอุทธรณ์โต้ไม่ได้ใส่ร้าย จ้อตามข้อเท็จจริง พร้อมน้อมรับคำวินิจฉัย ตอกรัฐอ้างใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปกป้อง ปชช. ฟังไม่ขึ้นเหตุมีป่วนไม่เลิก แถมกระทบ ศก. และท่องเที่ยว เหตุประกันไม่คุ้มครองภาวะฉุกเฉิน ชี้หวังแค่ใช้คุ้มครอง จนท.ไม่ให้ทำผิด จี้ยกเลิก



วันนี้ (12 มี.ค.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะ ผอ.เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. มีมติให้ใบเหลือง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. โดยจะส่งให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาว่า ในส่วนของพรรคฯ พร้อมเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบในกรณีดังกล่าว และพร้อมปฏิบัติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 239 เกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นที่มีการให้ใบเหลืองต้องส่งเรื่องต่อศาลอุทธรณ์และคำสั่งของศาลอุทธรณ์เป็นที่สุด ซึ่งพรรคจะได้เตรียมประเด็นในการแก้ข้อกล่าวหาประเด็นที่กล่าวหาว่ามีสมาชิกพรรคใส่ร้ายป้ายสีพรรคการเมืองอื่น

“ผมยืนยันว่าพรรคระมัดระวังไม่ให้มีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง รวมถึงการใส่ร้ายป้ายสีผู้สมัครด้วย แต่ประเด็นนี้ กกต.3 คนเห็นว่าเป็นการใส่ร้ายป้ายสีแต่อีกสองคนไม่เห็นว่าเป็นการใส่ร้ายป้ายสี อย่างไรก็ตาม พรรคฯ จะนำข้อเท็จจริงไปชี้แจงต่อศาลอุทธรณ์ว่าไม่ได้มีการใส่ร้ายป้ายสี แต่เป็นการปราศรัยบนพื้นฐานข้อมูลที่เป็นจริง จึงเชื่อมั่นว่าเมื่อศาลอุทธรณ์ได้รับฟังข้อมูลจากพรรคแล้วจะเห็นเจตนาและเข้าใจการปราศรัยสนับสนุนผู้สมัครของพรรคไม่ใช่การป้ายสีแต่อย่างใด”

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า การใช้ดุลพินิจของ กกต.ในเรื่องดังกล่าวนั้นขัดกับ กกต.กทม.ที่เห็นว่าไม่ใส่ร้ายป้ายสี แต่ก็ถือเป็นเรื่องดุลพินิจและมุมมอง แต่พรรคยืนยันว่าพร้อมที่จะน้อมรับคำวินิจฉัยของ กกต. และต่อสู้คดีในศาลอุทธรณ์ โดยยังเชื่อมั่นว่าหาเสียงโดยมีเป้าหมายไม่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง

นายองอาจยังทวงถามข้อเรียกร้องที่ให้ ศรส.ยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งรัฐบาลมีแนวโน้มว่าจะยกเลิกแต่ยังมีคนในรัฐบาลไม่เห็นด้วย อยากคงอำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเอาไว้ว่า เมื่อรัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อป้องกันและปราบปรามไม่ให้ใช้ความรุนแรงต่อการชุมนุมของประชาชน แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาความรุนแรงต่อผู้ชุมนุมยังเกิดอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นข้ออ้างที่ว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินป้องกันความรุนแรงต่อผู้ชุมนุมจึงไม่เป็นความจริงและไม่บรรลุวัตถุประสงค์ ตรงกันข้ามยังเป็นผลร้ายทางด้านเศรษฐกิจของชาติ เพราะหลังประกาศใช้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวทันที เพราะต่างชาติประกาศให้นักท่องเที่ยวงดท่องเที่ยวในไทยและอีกหลายประเทศไม่สามารถทำประกันภัยในภาวะฉุกเฉินได้ ทำให้ไม่ได้รับความคุ้มครอง เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาไม่ได้ก็ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเป็นลูกโซ่ แตกต่างจากการชุมนุมที่นักท่องเที่ยวยังเดินทางมาได้ตามปกติ และยังมีการเดินทางไปที่ชุมนุมเพราะเห็นว่าเป็นงานมหกรรมมากกว่าที่จะเป็นการชุมนุม

นอกจากนี้ยังมีผลกระทบต่อการลงทุนทั้งของไทยและต่างชาติ โดยจะเห็นว่าหลังการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่งผลต่อตลาดทุนเพราะมีผลทางจิตวิทยาต่อภาวะไหลเข้า-ออกของเงินเป็นอย่างยิ่ง ในขณะที่ความเข้มแข็งของเศรษฐกิจไทยกำลังถูกกัดกร่อน ดังนั้นรัฐบาลควรใช้สองปัจจัยนี้ไปเป็นหลักในการพิจารณายกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะยังมีประมวลกฎหมายอาญาซึ่งใช้เล่นงานแกนนำและผู้ชุมนุมอยู่แล้ว จึงเห็นว่าการใช้กฎหมายอาญามีความร้ายแรงว่า การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินแต่รัฐบาลหวังว่ากฎหมายนี้จะคุ้มครองเจ้าหน้าที่ว่าไม่ได้ทำผิด อย่างไรก็ตามไม่ปรากฏว่ามีการก่อการร้าย หรือทำลายความมั่นคงของชาติ รัฐบาลจึงควรเร่งยุติการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะยิ่งยกเลิกเร็วเท่าไหร่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้เร็วเท่านั้น


กำลังโหลดความคิดเห็น