“เอก” ประชุมเร่งรัดคดีสำคัญเกี่ยวเนื่องชุมนุม ระบุทุกคดีคืบหน้า เหตุปะทะแยกหลักสี่ผู้มีอาวุธ 21 คน ทราบตัวแล้ว 3 เตรียมขอหมายจับ พร้อมยืนยันไม่ใช่ตำรวจ-ทหาร
วันนี้่ (5 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.เปิดเผยความคืบหน้าคดีสำคัญเกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมหลังประชุมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ว่าคดีสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมนั้น พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้มอบหมายให้ตนเอง พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา สบ 10 พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้ช่วย ผบ.ตร. มาควบคุมกำกับดูแลการสืบสวนสอบสวนคดีทั้งหมด ซึ่งคดีส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยได้แบ่งกลุ่มคดีสำคัญๆดังนี้ กลุ่มที่ 1คดีที่เกิดเหตุที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2556 รวมทั้งสิน 44 คดี คดีนี้ที่มีผู้เสียชีวิต 5 คดี จับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 2 คดี เหลืออี 3 คดี ที่อยู่ในความสนใจของประชาชนคือคดีที่นักศึกษารามคำแหงถูกยิงเสียชีวิตบริเวณด้านหลังมหาวิทยาลัย คดีที่ผู้ชุมนุมกลุ่ม นปช.เสียชีวิต 2 รายที่สนามรัชมังคลาฯ ซึ่งทั้ง 3 คดี ผบช.น.ได้มอบหมายให้กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 ผู้รับผิดชอบเร่งสืบสวนรายงานความคืบหน้า
พล.ต.อ.เอกกล่าวว่า กลุ่มที่ 2 คดีที่เกิดขึ้นที่สนามไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ตั้งแต่วันที่มีการรับสมัครลงเลือกตั้ง คดีสำคัญที่ต้องเร่งรัด คือคดีที่ยิง ด.ต.ณรงค์ ปิติสิทธิ์ ผบ.หมู่ จร.ตลาดพลู เสียชีวิตขณะที่ปฏิบัติหน้าที่ และยิงนายวสุ สุฉันทบุตร ผู้ชุมนุมเสียชีวิต รวมทั้งคดีปาประทัดยักษ์ที่ สน.ดินแดง ซึ่งคดีปาประทัดยักษ์สามารถจับกุมตัวได้แล้ว ได้เร่งรัดส่งอัยการเพื่อฟ้องศาลต่อไป ส่วนคดียิงตำรวจและผู้ชุมนุมมีพยาน การพิสูจน์ ยืนยันวิถีกระสุน รวมทั้งการรวบรวมคลิปวิดีโอในโซเชียลมีเดีย ได้เร่งรัดการดำเนินคดีโดยตลอด คดีกกลุ่มที่ 3 เป็นคดีที่อุกอาจ ได้แก่คดี ปาระเบิดที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เหตุระเบิดที่ถนนบรรทัดทอง เหตุปาระเบิดบ้านบิดานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และเหตุปาระเบิดที่วังสวนผักกาด ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. รวมทั้งคดีที่มีคนร้ายนำระเบิดไปแขวนไว้ที่บ้านนายราเชน ตระกูลเวียง แกนนำ กปปส.นนทบุรี ที่นำคดีระเบิดทั้งหมดมาอยู่ในกลุ่มเดียวกันเพราะมีความเชื่อมโยงกัน อย่างคดีปาระเบิดบ้านบิดานายอภิสิทธิ์ กับคดีระเบิดที่วังสวนผักกาด เป็นระเบิดชนิดเดียวกัน แผนประทุษกรรมใกล้เคียงกัน คนขว้างระเบิดน่าจะเป็นคนร้านกลุ่มเดียวกัน ซึ่งทั้งสองจุดได้ขอหมายจับต่อศาลตามภาพวงจรปิดแต่ภาพไม่ชัด ศาลจึงให้ไปสอบสวนให้ระบุคนร้ายให้ชัดเจนก่อน
พล.ต.อ.เอกกล่าวอีกว่า ส่วนคดีระเบิดที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและที่ถนนบรรทัดทอง ก็มีความเชื่อมโยงกัน เนื่องจากระเบิดเป็นชนิดเดียวกัน แผนประทุษกรรมใกล้เคียงกันอุกอาจปาระเบิดท่ามกลางผู้ชุมนุมในเวลากลางวัน และการสืบสวนเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกัน ส่วนความคืบหน้าในการสืบสวนคดีระเบิดที่อนุสาวรีย์ชัยฯ นั้นได้ขอหมายจับตามภาพวงจรปิดไปแล้ว อยู่ระหว่างการสืบสวนเร่งรัดเพื่อยืนยันตัวบุคคลในภาพว่าชื่อ นามสกุลอะไร เราจะยังได้ตรวจดีเอ็นเอจากเสื้อและหมวกที่พยานยืนยันว่าคนร้ายสวมใส่ในวันเกิดเหตุเก็บไว้แล้ว หากได้ตัวคนร้ายก็สามารถตรวจดีเอ็นเอเปรียบเทียบยืนยันได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเชื่อว่าจะใช้เวลาอีกไม่กี่วันในการดำเนินการ เบื้องต้นบุคคลที่พิสูจน์ทราบเป็นคนไทย 1 คน ส่วนคนร้ายที่เหลือก็อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบ ขอชี้แจงว่าถึงจะมีคลิป มีภาพชัดเจนมีการเปรียบเทียบชื่อในโซเชียลมีเดียร์แต่ขบวนการของตำรวจจะต้องมีการพิสูจน์ทราบที่ชัดเจน ยืนยันได้อย่างแน่นอน
พล.ต.อ.เอกกล่าวอีกว่า คดีกลุ่มที่ 4 คดียิงนายสุทิน ธราทิน แกนนำ กปท.ที่หน่วยเลือกตั้งวัดศรีเอี่ยม อยู่ระหว่างการนำคลิปวิดีโอที่ได้จากพี่น้องประชาชนซึ่งส่งมาเป็นจำนวนมากมาตรวจพิสูจน์เพื่อยืนยันถึงจุดที่เกิดเหตุ ใครเกี่ยวข้องบ้าง ใครเป็นคนยิงในวันนั้น ใครอยู่บนรถบ้าง มารวมกับรายงานเบื้องต้นในการพิสูจน์ศพ จะได้นำมาทำภาพจำลองที่เกิดเหตุ บางคครั้งก็ต้องอาศัยหลักฐานทางนิติวิทยาศสตร์มายืนยัน ส่วนการสืบสวนสอบสวนทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ชยุต ธนทวีรัชต์ รอง ผบช.น.มาดูแลการสอบสวน ส่วนการสืบสวนได้ระดมตำรวจที่มีความรู้ความสารถเร่งคลี่คลายคดี เพื่อพิสูจน์ทราบตัวบุคคลที่มาก่อเหตุรวมทั้งยานพาหนะ ยืนยันมาการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
รอง ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า คดีกลุ่มที่ 5 คดีปะทะกันที่แยกหลักสี่ คดีนี้ใกล้เคียงกับเหตุการณ์ที่วัดศรีเอียม เป็นการใช้อสวุธปืนยิงต่อสู้กัน จากการรายงานเบื้องต้น จากผลการตรวจที่เกิดเหตุและนำคลิปวิดีโอและภาพถ่ายต่างๆ ซึ่งมีเพิ่มเติมมาเรื่อยๆ ในโซเชียลมีเดียจากการแกะรอยจากภาพที่ชัดเจนพบว่ามีการพกอาวุธ ถืออาวุธและกำลังใช้อาวุธทั้งหมด 21 คน พิสูจน์ทราบตัวบุคคลแล้ว 3 คน อยู่ระหว่างการดำเนินการออกหมายจับ ซึ่งเบื้องต้นไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร นอกจากนั้นก็เร่งรัดติดตามรถที่คาดว่าเป็นรถขนอาวุธ ซึ่งได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.วินัย ไปติดตามตรวจยึดมาตรวจสอบ
“คดีที่สำคัญๆ ที่เกิดขึ้น ผบ.ตร.ได้ลงมาเร่วรัดด้วยตนเอง ประชุมติดตามความคืบหน้าทุกสัปดาห์ ที่ผ่านมาได้ประชุมไปแล้ว 1 ครั้ง จะประชุมครั้งที่ 2 ในวันพรุ่งนี้เวลา 19.00 น.ให้ผู้รับผิดชอบมารายงานความคืบหน้า ผมเองได้ดูสำนวนคดีให้มีความสมบูรณ์ อย่างเหตุที่ถนนบรรทัดทอง มีแกนนำ กปปส.ที่เป็นผู้เสียหายยังไม่มาให้การต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยืนยันว่าตำรวจทุกนายตั้งใจคลี่คลายคดี ทำหน้าที่ของตำรวจให้ดีที่สุดเพื่อหาตัวคนร้ายมาดำเนินดคี” รอง ผบ.ตร.กล่าว