“ประวิช” พอใจ 457 ผู้สมัคร ส.ว.แม้น้อยกว่ารอบก่อน ชี้ ไม่น่าเกี่ยวเหตุการเมืองทำหวั่นเลือก ส.ว.ล่ม เชื่อครั้งนี้ไม่มีขวาง ปชช.ใช้สิทธิเต็มที่ หวังไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ไม่กังวลศาล รธน.ตัดสินเลือกตั้งโมฆะ รับ กกต.เห็นต่างเลือก ส.ส.-ส.ว.พร้อมกัน กกต.ลงนาม กศน.ตั้งศูนย์ส่งเสริมพัฒนาปชต.และการเลือกตั้งตำบล หวังพัฒนาพลเมืองอาสา กกต.
วันนี้ (9 มี.ค.) นายประวิช รัตนเพียร กรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวแสดงความพอใจจำนวนผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภาทั่วประเทศรวม 457 คน แม้ว่า หากเปรียบเทียบจำนวนผู้สมัคร ในปีนี้จะพบว่า มีจำนวนน้อยกว่าการเลือกตั้งเมื่อปี 51 ร้อยละ 10 แต่ในทุกจังหวัดก็มีตัวเลือกให้ประชาชนในการเลือกตั้งอย่างมีเสรีภาพ ทั้งที่การที่มีผู้มาสมัครน้อยนั้น ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางการเมือง แม้จะมีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุที่ผู้สมัครน้อยเพราะกลัวการเลือกตั้ง ส.ว.สะดุด เหมือนการเลือกตั้ง ส.ส.ซึ่งกระบวนการเลือกตั้ง ส.ว.จนถึงวันนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั่งในเรื่องของอุปกรณ์ สถานที่ และกรรมการประจำหน่วย และเชื่อว่าการเลือกตั้ง ส.ว.ในครั้งนี้ จะไม่มีการขัดขวาง มั่นใจว่า วันที่ 30 มี.ค.ประชาชนจะออกมาใช้สิทธิอย่างเต็มที่ และหวังว่าจะมีผู้ออกมาใช้สิทธิไม่น้อยกว่า ร้อยละ 70 เนื่องจากการเลือกตั้ง ส.ว. เมื่อปี 51 มีผู้ออกมาใช้สิทธิร้อยละ 56 และการเลือกตั้ง ส.ว.เมื่อปี 54 มีผู้ออกมาใช้สิทธิร้อยละ 75
ส่วนกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน มีมติยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.เป็นโมฆะหรือไม่ นายประวิช กล่าวว่า กกต.ไม่ได้กังวล ว่าจะถูกร้องว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ เราทำงานเต็มที่ ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยออกมาทางใดกกต.ก็พร้อมจะดำเนินการตาม ส่วนที่มีการเรียกร้องให้จัดลงคะแนน ส.ส.ทดแทนส่วนที่เหลือในวันเดียวกันกับการเลือกตั้ง ส.ว.นั้น ต้องฟังการประเมินในที่ประชุม กกต.วันที่ 11 มี.ค.โดยมองว่าข้อมูลในพื้นที่มีน้ำหนักมากพอในการพิจารณา แต่ก็ยอมรับว่า กกต.ยังมีความเห็นต่างกันในประเด็นดังกล่าว
ขณะเดียวกัน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้จัดประชุมชี้แจงแนวทางการจัดตั้ง ศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตยและการเลือกตั้งตำบล และมีการลงนามบันทึกความร่วมมือจัดตั้งศูนย์ดังกล่าว ระหว่าง นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาฯ กกต.และ นายประเสริฐ บุญเรือง เลขาฯ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.)
โดย นายประวิช กล่าวตอนหนึ่งระหว่างเปิดการประชุมว่า กกต.ตระหนักและเล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาเยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ให้มีความรู้เกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย จึงได้ประสานความร่วมมือกับ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ในการจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตยและการเลือกตั้งตำบลขึ้นในสำนักงาน กศน.ตำบล เพื่อให้มีพลเมืองอาสา กกต.มีสถานที่ในการปรึกษาหารือ ร่วมกันวางแผนการปฏิบัติในรูปคณะกรรมการ ซึ่งเป็นอีกก้าวหนึ่งในการพัฒนาพลเมืองอาสา กกต.ให้มีศักยภาพในการทำหน้าที่ สร้างจิตสำนึกให้ประชาชน และการเลือกตั้งวุฒิสภา ในวันที่ 30 มี.ค.กกต.จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ตระหนักถึงสิทธิหน้าที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง และสนับสนุนให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาเป็นกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง รณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ และช่วยกันสังเกตการณ์การกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และภารกิจในวันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือที่จะทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ทั้งนี้เอกสารการประชุม ได้ระบุถึงแนวทางการจัดตั้งศูนย์ดังกล่าวว่า หลักการในการดำเนินการเพื่อให้พลเมืองอาสา กกต.ที่เป็นแกนนำชุมชน สอดแทรกไปกับวิถีชีวิตของชุมชนของตนเอง ด้วยการทำหน้าที่วิทยากรในการประชุมกองทุนหมู่บ้าน กลุ่มสตรีตำบล หรือกลุ่มสตรีหมู่บ้าน และให้กรรมการศูนย์ฯ ได้รับการพิจารณาให้เป็น กกต.ท้องถิ่น กปน.หรือเป็นเครือข่ายข่าวชุมชน กรณีมีการแต่งตั้งจะได้รับการพิจารณาก่อน
จากนั้น นายประวิช ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงการจัดตั้งศูนย์ดังกล่าวว่า อาจารย์ประจำ กศน.จะเป็นผู้ดูแล โดยปีนี้จะจัดตั้งจังหวัดละ 1 ตำบล แต่เมื่อครบ 1 ปี และประเมินผลแล้วได้ผลดีปีต่อไปก็จะจัดตั้งให้ครบทุกจุดของ กศน.ทั่วประเทศที่มีอยู่ 7 พันกว่าแห่ง พร้อมกันนี้ ยังยืนยันว่าการดำเนินงานของศูนย์ดังกล่าวจะเป็นการส่งเสริมด้านประชาธิปไตยให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิโดยอิสระ ไม่ให้ถูกใช้เป็นเครื่องมือในเรื่องของความขัดแย้ง