นายกฯ นำลูกสมุนบินชาร์จกำลังใจเชียงราย น้ำตาคลอสาวกแห่เชียร์ ฟังสรุปติดตามยาเสพติด ถก ศก.ชายแดน จนท.รปภ.เข้ม ก่อนจ้อสื่อหนุนเจรจา ขอ “เทือก” คุยกันเห็นแก่ชาติ หวัง ผบ.ทบ.ช่วยดูแลเลือกตั้ง ยัน กกต.ต้องเดินหน้า ฝันเห็นสันติ ไม่อยากให้แบ่งแยก ไม่หนุนรุนแรง ท่องบทยืนรักษา ปชต. อ้างบินมาเหนือเลี่ยงเผชิญหน้า กทม. บ่นคำสั่งศาลแพ่งทำงานยาก ขอช่วยจับตาดูความสงบ ยังไม่ชัวร์เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ป.ป.ช.
วันนี้ (26 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความเคลื่อนไหว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม วันเดียวกันนี้ เวลา 09.00 น.เดินทางด้วยเครื่องบินกองทัพอากาศ จากกองบัญชาการกองบัญชาการกองทัพอากาศ กองบินที่ 6 ปฏิบัติราชการลงพื้นที่ติดตามงานนโยบายรัฐบาล จ.เชียงราย พร้อมด้วยนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ รมช.มหาดไทย นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร. และเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) โดยเดินทางถึงท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ในเวลา 10.20 น. มีนายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าฯ จ.เชียงราย พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.วันชัย สุวรรณศิริเขต ผบก.จ.เชียงราย ข้าราชการ ประชาชน คนเสื้อแดงจำนวนมากให้การต้อนรับ ขณะที่นายกฯ ถึงกับน้ำตาคลอเมื่อมวลชนบางคนร่ำไห้เข้ากอดจับมือให้กำลังใจ ตะโกนให้นายกฯ สู้ๆ อย่าลาออก ขณะที่นายกฯ ยกมือไหว้พร้อมกล่าวขอบคุณ
ต่อมาเวลา 11.00 น. นายกฯ และคณะเดินทางถึงกองบัญชาการตำรวจภูธร จ.เชียงราย รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์และติดตามการแก้ไขปัญหาการปราบปรามยาเสพติดภารเหนือตอนบน โดยนายกฯ กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่และกำชับการสกัดกั้นการลำเลียงตามบริเวณแนวชายแดนรอยต่อประเทศเพื่อนบ้าน จากนั้นช่วงบ่ายประชุมติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ และการค้าชายแดน ที่ชั้น 2 ห้องศูนย์ปฏิบัติการภูธร จ.เชียงราย
ขณะที่การรักษาความปลอดภัย ทางจังหวัดได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบดูแลรักษาความปลอดภัยนายกฯ โดยแบ่งพื้นที่การดูแลเป็นจุดๆ ในส่วนของสนามบินใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 80 นายดูแลรักษาความปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกูัและตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด (อีโอดี) เข้าตรวจสอบหาวัตถุต้องสงสัยในและบริเวณโดยสนามบิน รวมถึงจุดต่างๆ ที่นายกฯ เดินทาง ทั้งนี้ ในการรักษาความปลอดภัยตัวนายกฯ นอกเหนือจากทีมรักษาความปลอดภัยนายกฯแล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ หน่วยติดอาวุธ ตำรวจภูธร ภาค 2 จำนวน 10 นายและตำรวจกองร้อยน้ำหวาน 30 นาย ติดตามดูแลนายกฯ และในขบวนรถ อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติราชการใน จ.เชียงราย นายกฯ ใช้รถโฟลค์ตู้ ทะเบียน กธ 77 เชียงใหม่
ต่อมาเมื่อเวลา 13.30 น. ที่สถานีตำรวจภูธร จ.เชียงราย น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ผู้บัญชาการทหารบกออกมาระบุว่าหากความขัดแย้งยังไม่ยุติและหันหน้ามาสู่การเจรจากันอาจจะส่งผลให้เกิดความรุนแรงทางการเมืองว่า ส่วนตัวเห็นด้วยและอยากให้เกิดการเจรจา อยากเห็นบ้านเมืองแก้ปัญหาด้วยความสงบ ไม่อยากเห็นบ้านเรามีความแตกแยกไปเรื่อยๆ และนำไปสู่ความรุนแรงและความสูญเสีย เพราะที่ผ่านมาเราเจ็บปวดมามากแล้ว
เมื่อถามถึงกรณีที่ ผบ.ทบ.สั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดลงไปตรวจสอบความเคลื่อนไหวในพื้นที่ นายกฯ กล่าวว่า การตรวจสอบคงต้องดูในทุกๆ ฝ่าย เพื่อไม่ให้มีความรุนแรงจึงอยากให้ใช้โอกาสนี้ โดยเฉพาะ ผบ.ทบ.ในฐานะ ผอ.กอ.รมน. ได้ช่วยกันอำนวยความสะดวกการเลือกตั้ง เพื่อให้ทุกพื้นที่มีความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ประกาศชัดเจนแล้วว่าจะไม่มีการเจรจาใดๆ กับรัฐบาล นายกฯ กล่าวว่า ถ้านายสุเทพเห็นแก่ประเทศก็มาพูดจากัน ตนไม่ได้ปฏิเสธการพูดคุย แต่อย่างไรก็ตาม การพูดคุยนั้นต้องประกอบไปด้วยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อที่จะได้หันหน้าเข้าหากัน และสุดท้ายจะมีผลอย่างไรประชาชนต้องมีส่วนรับทราบถึงข้อตัดสินใจร่วมกัน ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่เราจะได้หลีกเลี่ยงความรุนแรง และนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างสันติ
เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร เข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจาครั้งนี้ นายกฯ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ดี แต่ว่าต้องฝากถาม กกต.ว่าการเลือกตั้งควรจะให้เกิดขึ้นต่อไป โดยอยากให้ฝ่ายความมั่นคงโดยเฉพาะกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในเข้ามาช่วยดูด้านความมั่นคง และช่วยอำนวยความสะดวกเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เมื่อถามถึงคิดอย่างไรที่หลายฝ่ายออกมาพูดเรื่องการแบ่งแยกดินแดน และเหตุการณ์ความรุนแรงเริ่มบานปลาย น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า อยากจะเห็นความสันติของคนไทย ไม่ต้องการเห็นประเทศไทยเป็นแบบนี้ ที่ผ่านมาเราพยายามพูดกันเสมอว่าต้องอดทน และหันหน้าเข้าหากัน ประเทศไทยต้องมีความรักความสามัคคี มีความสงบซึ่งเป็นเจตนารมณ์ตั้งแต่เริ่มของตนที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง และไม่เห็นด้วยกับการกำลังกระทำการรุนแรงใดๆ
เมื่อถามว่านายกฯ จะยืนอยู่บนสถานการณ์แบบนี้ได้นานแค่ไหน น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ตนยืนอยู่ในลักษณะของการรักษาประชาธิปไตย ไม่ใช่ยืนอยู่เพื่อรักษาตัวเอง แต่เราต้องช่วยกันในการที่จะทำให้ระบอบประชาธิปไตยเดินหน้า
“วันนี้จึงเห็นว่าหลายประเทศมีความรุนแรง แต่สุดท้ายเขาใช้วิธีการแก้ปัญหาด้วยความสงบ ดิฉันอยากเห็นประเทศไทยเป็นหนึ่งในหลายประเทศที่แก้ปัญหาด้วยความสงบ เราเห็นภาพในหลายประเทศเกิดขึ้นแล้วว่ามีความรุนแรง มีความสูญเสียผู้คนไปเยอะ จึงไม่อยากเห็นสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นกับประเทศไทย จึงอยากขอร้องวิงวอนทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากันดีกว่า เราไม่อยากให้ประเทศเราเจ็บปวดไปมากกว่านี้” นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีเสียงวิจารณ์ว่านายกฯ ไม่ค่อยสนใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้แต่กลับมาลงพื้นที่เพื่อมาตรวจราชการ นายกฯ กล่าวว่า ตนสนใจอยู่เสมอ วันนี้ที่มาลงพื้นที่ก็เพราะไม่ต้องการให้เกิดการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมและรัฐบาล และเราอยากให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทำงาน อย่างที่เข้าใจกันว่ากรณีคำสั่งศาลแพ่งต้องให้ทาง ศรส.ได้พิจารณาว่าวิธีการหรือแนวทางที่จะดูแลควรเป็นอย่างไร จึงอยากขอความเห็นใจตอนนี้ทำงานยากจริงๆ ถ้าจะอยู่ทำงานกรุงเทพฯ ก็จะกลายเป็นว่ามาเผชิญหน้ากันจึงต้องมาทำงานต่างจังหวัดแต่ก็ติดตามการทำงานในกรุงเทพ ติดตามข่าวสารต่างๆ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายก็มีหน้าที่ในการรับผิดชอบ ถ้าทุกคนรับผิดชอบและทำงานในหน้าที่ของตัวเองก็เชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหาอะไร เมื่อถามว่าได้รับรายงานข่าวเรื่องกองกำลังไม่ทราบฝ่ายเข้ามาสร้างสถานการณ์การณ์และรวมถึงการไล่ล่านายกฯ ด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่อยากเห็นต้องขอร้องทุกฝ่ายให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตาและดูและเรื่องความสงบ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังกล่าวถึงการเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เรียกรับทราบข้อกล่าวหาในวันพรุ่งนี้ (27 ก.พ.) ว่า ขอหารือกับทีมที่ปรึกษาและคณะทำงานก่อน ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าจะขอเลื่อนหรือไม่ ขอคุยกันก่อน
