ป.ป.ช.แจงกรณีไต่สวนคดียิ่งลักษณ์ก่อนคดีอภิสิทธิ์ ระบุกรณีทุจริตโครงการระบายข้าวปี 52 ไม่สามารถนำเอกสารสำคัญประกอบการพิจารณาได้ มีมติให้ผู้เกี่ยวข้องต้องส่งเอกสารด่วนที่สุด เตรียมทำผังเปรียบเทียบคดีให้ “เด็จพี่” สัปดาห์หน้า เตือนต้องทำตามขั้นตอนการไต่สวน ไม่เช่นนั้นถือว่าไม่ติดใจข้อกล่าวหา
วันนี้ (25 ก.พ.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.กล่าวถึงเรื่องที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ขอทราบพยานหลักฐานนั้น ทาง ป.ป.ช.ได้มีหนังสือไปพร้อมกับที่แจ้งให้มารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ส่วนที่เรื่องคัดค้านตนไม่ให้ร่วมไต่สวนคดี ที่ประชุม ป.ป.ช.ไม่เข้าเหตุแห่งการคัดค้าน จึงยืนยันให้ตนทำคดีนี่อยู่ ส่วนเรื่องสงสัยว่าเหตุใดจึงรีบเร่งทำคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก่อน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ขอชี้แจงว่า คดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์ ร้องประธานวุฒิสภาให้ถอดถอนออกจากตำแหน่ง และ ป.ป.ช.ยกเหตุที่ควรสงสัย ว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ที่ไม่ยับยั้งโครงการจำนวนำข้าว ที่อาจก่อความเสียหายให้กับประเทศ
ขณะเดียวกัน เป็นเรื่องที่สืบเนื่องจากข้อกล่าวหาเดิมของ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำ กปปส.ที่กล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทั้งยังมีกรณีการซื้อขายระหว่างรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ซึ่งทาง ป.ป.ช.ได้พิจารณากรณีจีทูจีก่อน ผนวกกับ ป.ป.ช.เคยทักท้วงรัฐบาลเบื้องต้นแล้ว โดยทำเป็นหนังสือถึง 2 ครั้ง ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็รับทราบแล้วแต่ไม่ยับยั้ง ดังนั้นกระบวนการไต่สวนจึงเริ่มตั้งแต่การตรวจสอบนโยบายของรัฐ ความเห็นทางวิชาการ ความเสียหายที่เกิดขึ้นที่อนุกรรมการปิดบัญชี ที่มี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง เป็นผู้ดำเนินการในเรื่องความเสียหายทั้งหมด ซึ่งการไต่สวนเริ่มตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2555 จนถึง 18 ม.ค. 2557 ซึ่งนับว่าเป็นระยะเวลา 1 ปีแล้ว
นายวิชา กล่าวต่อว่า กรณีทุจริตโครงการระบายข้าว เมื่อปี 2552 นั้น เป็นกรณีกล่าวหาว่าทุจริตในการระบายข้าวและมีกรณีร้องขอให้ถอดถอน นางพรทิวา นาคาศัย อดีตรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ กรณีเดียวกัน โดยมีผู้ตั้งข้อสงสัยว่า เหตุใดการไต่สวนจึงล่าช้ากว่าปกติ ขอเรียนชี้แจงว่า ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช.ซึ่งเป็นองค์คณะไต่สวนคดีดังกล่าวนั้น ได้มีการดำเนินการไต่สวนต่อเนื่องตลอดมา เป็นกรณีฮั้วประมูลมีเอกสารประกอบเป็นจำนวนมาก และมีอุปสรรคในการดำเนินการ เนื่องจากไม่สามารถนำเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องมาประกอบการพิจารณาได้ เพราะบุคคลที่ครอบครองเอกสารปฏิเสธอ้างว่าไม่มีเอกสาร เนื่องจากถูกน้ำท่วม แม้แต่ส่วนราชการ ก็ไม่ยอมมอบเอกสาร อ้างว่า มีการขนย้ายตอนน้ำท่วมไม่สามารถหาเอกสารได้ จนครั้งหลังสุด เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ได้เตือนไปอีกครั้งไม่ว่า จะเป็นกรมการค้าต่างประเทศ อคส.และ อ.ต.ก.แต่ยังไม่ได้รับเอกสารดังกล่าวจนกระทั่งบัดนี้
สำหรับเอกสารที่ต้องการได้แก่ 1.เอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการระบายข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาล ปี 2552 ได้แก่ 1.1 สำเนาบันทึกกรมการค้าต่างประเทศ แจ้งองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร เรื่อง การจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาล ปี พ.ศ. 2552 1.2 สำเนาบันทึกกรมการค้าต่างประเทศ แจ้งองค์การคลังสินค้า เรื่อง การจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาล ปี พ.ศ. 2552 1.3 สำเนาสัญญาซื้อขายข้าวสาร เพื่อการส่งออกนอกราชอาณาจักร ปี พ.ศ. 2552 จำนวน 15 สัญญา (สัญญาซื้อขายข้าวสาร เลขที่ คชก. ซข. 24-38)
1.4 สำเนาสัญญาซื้อขายข้าวสาร เพื่อการส่งออกนอกราชอาณาจักร ปี พ.ศ. 2552 ทุกฉบับ 1.5 สำเนาบันทึก ด่วนที่สุด ลงวันที่ 17 มิถุนายน 2552 ยกเลิกสัญญาซื้อขายข้าวสาร เพื่อการส่งออกนอกราชอาณาจักรทั้งหมด และระงับการอนุญาตให้ภาคเอกชนที่ชำระเงินค่าข้าวสาร บางส่วนตามสัญญาซื้อขายข้าวสาร ทำการขนย้ายข้าวสารออกจากคลังกลาง 1.6 รายละเอียดผลการพิจารณาของกรมการค้าต่างประเทศ หรืออัยการสูงสุดเกี่ยวกับ การยกเลิกสัญญาซื้อขายข้าวสาร เพื่อการส่งออกนอกราชอาณาจักรทั้งหมด และระงับการอนุญาต ให้ภาคเอกชนที่ชำระเงินค่าข้าวสารบางส่วนตามสัญญาซื้อขายข้าวสาร ทำการขนย้ายข้าวสารออกจากคลังกลาง
1.7 รายละเอียดการระบายข้าวสารที่ซื้อขายตามสัญญาออกจากคลังสินค้าทุกแห่ง 1.8 สำเนาบันทึกการคืนเงินผู้ซื้อที่ได้ชำระเงินค่าข้าวสาร แต่ยังไม่ได้รับมอบข้าวสารและการคืนหลักประกันสัญญาซื้อขาย 1.9 สำเนาเอกสารหลักฐานการส่งออกข้าวสารออกนอกราชอาณาจักร 1.10 สำเนาบันทึก ที่ อคส. 9000/98 ลงวันที่ 22 มิถุนายน 2552 เรื่อง การประชุม ผู้ซื้อข้าวสารตามสัญญาซื้อขายเพื่อการส่งออกนอกราชอาณาจักร จำนวน 14 ราย และสำเนาบันทึก ที่ อคส.1091/419 ลงวันที่ 22 มิถุนายน 2552 1.11 รายละเอียดการจำหน่ายข้าวสารตามสัญญาซื้อขาย และสำเนาบันทึกการคืนเงิน ผู้ซื้อที่ได้ชำระเงินค่าข้าวสาร แต่ยังไม่ได้รับมอบข้าวสาร และการคืนหลักประกันสัญญาซื้อขาย 1.12 สำเนาเอกสารหลักฐานการส่งออกข้าวสารนอกราชอาณาจักร จำนวน 6 สัญญา
2.เอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการระบายข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาล ปี พ.ศ. 2553 2.1 สำเนาบันทึกกรมการค้าต่างประเทศ แจ้งองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร เรื่อง การจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล ปี 2553 2.2 รายละเอียดการระบายข้าวสารที่ซื้อขายตามสัญญาออกจากคลังสินค้าทุกแห่ง 2.3 สำเนาบันทึกการคืนเงินผู้ซื้อที่ได้ชำระเงินค่าข้าวสาร แต่ยังไม่ได้รับมอบข้าวสารและการคืนหลักประกันสัญญาซื้อขาย 2.4 สำเนาเอกสารหลักฐานการส่งออกข้าวสารออกนอกราชอาณาจักร
2.5 สำเนาบันทึกกรมการค้าต่างประเทศ แจ้งองค์การคลังสินค้า เรื่อง การจำหน่าย ข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาล ปี พ.ศ. 2553 2.6 สำเนาสัญญาซื้อขายข้าวสาร เพื่อการส่งออกนอกราชอาณาจักร ปี พ.ศ. 2553 (เฉพาะสัญญาซื้อขายข้าวสาร เลขที่ คชก. ซข. 62-63) 2.7 สำเนาสัญญาซื้อขายข้าวสาร เพื่อจำหน่ายภายในประเทศ ปี พ.ศ. 2553 (สัญญา ซื้อขายข้าวสาร เลขที่ คชก. ซข. 43) 2.8 รายละเอียดการจำหน่ายข้าวสารตามสัญญาซื้อขาย และสำเนาบันทึกการคืนเงิน ผู้ซื้อที่ได้ชำระค่าข้าวสาร แต่ยังไม่ได้รับมอบข้าวสาร และการคืนหลักประกันสัญญาซื้อขาย จำนวน 23 สัญญา ทั้งนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติให้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเอกสาร มาชี้แจงโดยด่วนแล้ว
“เรามีมติในวันนี้ที่จะแจ้งผู้ที่ครอบครองเอกสารทั้งหมดเหล่านี้ต้องส่งเอกสารให้เราโดยด่วนที่สุด ไม่เช่นนั้นจะถือว่าละเว้น แต่ถ้าบอกว่าเอกสารไม่มีแล้ว ต้องระบุมาให้เราว่าไม่มีเอกสารจริงๆ” นายวิชา กล่าวและว่า กรณีนี้เราพยายามทำให้เห็นว่าเราไม่ดำเนินการ 2 มาตรฐาน ส่วนการที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ขอให้ ป.ป.ช.ทำผังคดีเปรียบเทียบระหว่างคดีที่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายอภิสิทธิ์ ว่ามีคดีอะไรบ้าง มีความคืบหน้าไปถึงไหน ตนจะจัดทำแจกสื่อมวลชนภายในสัปดาห์หน้า
ส่วนการที่ นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย จะนำคนมาติดตามความคืบหน้า คดีนายอภิสิทธิ์ ทุกสัปดาห์ว่า ทาง ป.ป.ช.ไม่ขัดข้อง แต่ขอให้ช่วยเคลียร์เสื้อแดงที่ขู่ว่าจะมาถล่ม ป.ป.ช.ให้ด้วย ส่วนสมาชิกพรรคที่บอกให้ช่วยดูแลผ่อนผันคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้น ตนยืนยันว่า ถ้า ป.ป.ช.ผ่อนผันให้ในขณะที่ ป.ป.ช.ถูกกดดันอย่างหนัก จากคนกลุ่มหนึ่งว่าจะมาปิดสำนักงาน ป.ป.ช.ซึ่งหากเราให้ผ่อนผันตามนั้น แสดงว่าเราไม่ใช่องค์กรอิสระอีกต่อไปแล้ว
“ไม่มีองค์กรอิสระที่ไหนทำงานโดยถูกกดกัน แล้วบอกให้เราเอื้อเฟื้อให้หน่อย เพราะว่ามีกองกำลังจะมาถล่มเรา เราก็ต้องเอื้อเฟื้อ ไม่ได้เด็ดขาดหรอกครับ เพราะถ้าเราจะดำเนินการอย่างไร ต้องเป็นไปตามระเบียบการไต่สวน เราไม่ได้กดดันใคร เราทำตามระบอบระเบียบวิธีการไต่สวนทุกอย่าง ไม่ใช่ให้เลื่อนเพราะมีกองกำลังบอกว่าจะติดอาวุธ 10 ล้านกระบอก แล้วจะปิดล้อม ป.ป.ช.ไม่ให้ขี้ไม่ให้เยี่ยว องค์กรอิสระต้องไม่ทำงานภายใต้การกดดัน และถูกข่มขู่คุกคาม ซึ่งทำให้เราทำงานไม่สะดวก ต้องคอยระมัดระวังไม่รู้ว่าจะยิงจรวดใส่เราเมื่อไร” นายวิชากล่าว
นายวิชา กล่าวถึงกรณีวันที่ 27 ก.พ.หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาด้วยตัวเองว่า โดยปกติผู้ถูกกล่าวหาควรจะมาด้วยตัวเอง แต่ถ้าต้องการคัดเอกสาร ต้องมาด้วยตัวเอง หากให้คนอื่นมาไม่สามารถคัดเอกสารได้ เพราะต้องปฏิบัติตามระเบียบการไต่สวน หรืออย่างน้อย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องปรากฏตัว และถ้าหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มาต้องมีเหตุชี้แจงโดยชัดเจน และต้องพิจารณาอีกทีว่าจะให้เลื่อนได้หรือไม่ ทั้งนี้หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชี้แจงเป็นหนังสือมา ทาง ป.ป.ช.ก็ต้องส่งข้อกล่าวหาทางไปรษณีย์ไปให้ หากไม่ตอบกลับมาในเวลาที่กำหนด ก็จะถือว่าไม่ติดใจแก้ข้อกล่าวหา
ทั้งนี้ การแก้ข้อกล่าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มี 2 ส่วนคือเรื่องการถอดถอน และเรื่องทางอาญา ซึ่งถ้าเป็นเรื่องอาญายังให้โอกาส แต่เรื่องการถอดถอนถือว่าความรับผิดชอบทางการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.ไต่สวนแทนวุฒิสภา และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องไปชี้แจงวุฒิสภาต่อไป การแก้ข้อกล่าวหาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังไม่ใช่การยืนยันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีความผิด