ปชป.เรียกร้องรัฐบาลออกมติ ครม.ให้ชัดจะไม่ออก พ.ร.ฎ.เลือกตั้งใหม่ เพื่อให้ กกต.นำเรื่องส่งศาล รธน.วินิจฉัย เชื่อเหตุรัฐบาลบังคับ กกต.จัดเลือกตั้งให้จบก่อน 4 มี.ค.หวังดิสเครดิต เพราะถึงอย่างไรก็ทำไม่ได้ เย้ย “กิตติรัตน์” ให้ ธ.ก.ส.ออกพันธบัตร นำเงินจ่ายจำนำข้าว แค่มุกเก่าสร้างความหวังชาวนา
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ปชป.ภาค กทม.นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรค ปชป.ร่วมกันแถลงถึงกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาล มีมติร่วมเพื่อกดกันให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เดินหน้าจัดการเลือกตั้งให้เรียบร้อย และสามารถเปิดสภาได้ภายในวันที่ 4 มี.ค.ว่า ขอเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล เลิกกดดัน กกต.และยึดในประโยชน์โดยรวม เพื่อหาทางออกให้ประเทศ
“28 เขตที่ยังไม่มีผู้สมัครนั้น ถามว่าทำไมรัฐบาลจึงไม่ทำตามคำแนะนำของ กกต.ที่ให้รัฐบาลเป็นผู้ประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งใหม่ จึงพายเรือในอ่าง ที่จะกลับมาที่เดิมว่า ใครจะเป็นผู้กำหนดวันสมัครรับเลือกตั้งขึ้นมาใหม่ และหนังสือที่รัฐบาลส่งกลับไปยัง กกต.ไม่ใช่มติของคณะรัฐมนตรี แต่หนังสือของกฤษฎีกาว่า อำนาจในการประกาศเลือกตั้งใหม่เป็นของ กกต.ส่งผลให้ กกต.ไม่สามารถส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้ ดังนั้น จึงเชื่อว่ารัฐบาลจงใจหลีกเลี่ยงการที่ กกต.จะนำเรื่องนี้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ถ้ารัฐบาลมีความมั่นใจว่า อำนาจจัดการเลือกตั้งเป็นของ กกต.ก็ขอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี กล้าระบุออกมาเป็นมติ ครม.ยืนยันความเห็นของกฤษฎีกา เพื่อ กกต.จะได้นำความเห็น ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยโดยเร็ว ว่าอำนาจในการกำหนดวันสมัครรับเลือกตั้งใหม่ เป็นของรัฐบาล หรือของ กกต. เพราะไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่รัฐบาล โดย ครม.จะไม่เร่งรัดรีบดำเนินการเพื่อให้ออกจากภาวะสุญญากาศทางการเมือง”
ด้าน นายองอาจ กล่าวว่า ถ้าทำตามข้อเรียกร้องของพรรคร่วมรัฐบาลจะครบกำหนดเปิดสภาวันที่ 4 มี.ค.นี้ เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก และรัฐบาลก็คงรู้ว่า กกต.ทำไม่ได้ แต่คงหวังผลกดดัน ดิสเครดิต กกต.ด้วย 3 เหตุ คือ 1.มี 28 เขตที่ยังไม่มีผู้สมัคร จึงยังไม่รู้ว่าจะดำเนินการอย่างไร การจะทำให้เสร็จในวันที่ 4 มี.ค.ก็คงเป็นไปไม่ได้ 2.การเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อ 26 ม.ค.ที่ยังไม่เรียบร้อย จนต้องเลือกตั้งย้อนหลังในหลายเขต ก็ยังไม่ชัดเจนว่า จะกำหนดเลือกตั้งได้เมื่อไร
ส่วนข้อ 3.การให้ประกาศผลในเขตที่สามารถเลือกตั้งเสร็จแล้วไปก่อน ส่อที่จะทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ที่จะประกาศให้ผู้สมัครคนใดได้เป็น ส.ส.เพราะต้องรอผลคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าด้วย ดังนั้น พรรคร่วมรัฐบาลจึงไม่ควรใช้การรวมตัวของพรรคร่วมรัฐบาลมากดดัน กกต.เพราะ กกต.ก็คงไม่อยากทำผิดและติดคุกเหมือน กกต.บางชุดในอดีตที่ผ่านมา รัฐบาลจึงควรร่วมมือกับ กกต.ให้การเลือกตั้งเป็นทางออกของประทศอย่างแท้จริง ไม่ใช่ให้เป็นทางออกของรัฐบาล และของคนบางคนเท่านั้น
นายชวนนท์ ยังแถลงถึงกรณี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และ รมว.คลัง จะให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ออกพันธบัตรเน้นขายประชาชนรายย่อย เพื่อหาเงินมาจ่ายชาวนาในโครงการรับจำนำข้าว ว่า เป็นเพียงการหามุกใหม่ เพื่อให้พี่น้องชาวนายังมีความหวัง ทั้งที่นายกิตติรัตน์ ก็รู้ดีว่า จะขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 181(3) เพราะจะเป็นภาระผูกพันไปถึงรัฐบาลหน้า ในการรับภาระใช้คืนเงินต้นและดอกเบี้ย
ดังนั้น เรื่องนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็จะต้องรับผิดชอบ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่ระบายข้าวไม่ได้ แต่เพราะมีการนำข้าวของชาวนาไปจำหน่าย จนเหลือข้าวคุณภาพต่ำ จึงไม่สามารถขายเอาเงินมาใช้หนี้ให้ชาวนาได้ ส่วนที่รัฐบาลระบุว่าจะพยายามระบายข้าวให้ได้ประมาณสัปดาห์ละ 1,500-2,000 ล้านบาท และถ้าคิดว่าการระบายข้าวในลักษณะนี้ รัฐบาลจะใช้เวลาทั้งหมด 56 สัปดาห์ หรือ 14 เดือน จึงจะจ่ายเงินชาวนาได้หมด
ทั้งนี้ ถ้าชาวนาโชคดีจะได้รับเงินประมาณเดือน เม.ย.58 แต่ถ้าเป็นเหตุการณ์ปกติ จะไม่ได้รับเงินจากโครงการดังกล่าวแม้แต่บาทเดียว เพราะขณะนี้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังไม่มีทั้งข้าวและเงิน แต่พยายามหนีปัญหาการโกงกินทุจริต รวมถึงการชักดาบเงินของชาวนา